โคร์ซา-อี รถพลังไฟฟ้าทางเลือกใหม่ ในรถคู่ใจคันเดิมในอดีตเมื่อเอ่ยชื่อ โอเพล (OPEL) คนรักรถที่ติดตามผลงานของค่าย “สื่อสากล” มาตลอดย่อมทราบกันดีว่า เป็นรถยี่ห้อหนึ่งในบรรดารถร่วม 10 ยี่ห้อที่รวมอยู่ในอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ของค่าย จีเอม (GM) หรือเจเนอ-รัล มอเตอร์ส คัมพานี (GENERAL MOTORS COMPANY) ซึ่งมีฐานปฏิบัติการหลักอยู่ในสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2017 เป็นต้นมา โอเพล (OPEL) ในเยอรมนี และยี่ห้อร่วมค่ายซึ่งอยู่ในอังกฤษ คือ วอกซ์ฮอลล์ (VAUXHALL) ได้เปลี่ยนฐานะไปหมดแล้ว คือ กลายเป็นรถยนต์ในเครือข่ายของค่าย พีเอสเอ กรุพ (PSA GROUP) แห่งฝรั่งเศส ซึ่งขณะนั้นเป็นยักษ์กระบองใหญ่ที่มีรถยนต์อยู่ในครอบครองถึง 5 ยี่ห้อด้วยกัน คือ เปอโฌต์ (PEUGEOT) ซีตรอง (CITROEN) เดแอส (DS) โอเพล (OPEL) วอกซ์ฮอลล์ (VAUXHALL) ล่าสุด คือ เมื่อเดือนสุดท้ายของปี 2019 นี่เอง ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งกับรถยนต์สารพัดนี้ เมื่อมีรายงานข่าวยืนยันว่าการเจรจาเพื่อควบรวมกิจการของยักษ์ใหญ่ PSA GROUP แห่งฝรั่งเศสกับของยักษ์ใหญ่ FCA (FIAT CHRYSLER AUTOMOBILES) แห่งอิตาลีซึ่งเป็นข่าวมาหลายเดือน ได้บรรลุข้อตกลงแล้ว และบอกด้วยว่าบริษัทเกิดใหม่นี้จะมีฐานะเป็นกลุ่มบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 4 ของโลก มีรถยนต์อยู่ในร่มเงามากมายถึง 13 ยี่ห้อ กับมียอดขายปีละประมาณ 8.7 ล้านคันนั่นเทียว ดังนั้น ในเดือนมิถุนายน 2019 คือ เพียง 3-4 เดือนหลังจากค่าย “สิงห์เผ่น” นำรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ เปอโฌต์ อี-208 (PEUGEOT E-208) ออกอวดตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานมหกรรมยานยนต์เจนีวาเมื่อต้นเดือนมีนาคม 2019 เมื่อค่าย “สายฟ้า” กระจายข่าวเผยแพร่ว่าจะมีรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ โอเพล โคร์ซา-อี (OPEL CORSA-E) กับเขาบ้าง จึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังขาอะไร ? โอเพล โคร์ซา (OPEL CORSA) เป็นรถเก๋งแฮทช์แบคขนาดซูเพอร์ มีนียอดนิยม และเป็นรถอย่างที่เรียกกันในยุโรปว่า B-SEGMENT CAR ค่าย “สายฟ้า” เริ่มบรรจุรถอนุกรมนี้เข้าสู่สายการผลิตเมื่อปี 1982 และเปลี่ยนรุ่นไปแล้วรวม 5 ครั้ง ในปี 1993, 2000, 2006, 2014 และ 2019 รถรุ่นปัจจุบันซึ่งนับนิ้วได้ว่าเป็นรถรุ่นที่ 6 มีแต่ตัวถัง 5 ประตูแฮทช์แบค ไม่มีตัวถัง 3 ประตู แฮทช์แบคเหมือนรถรุ่นก่อนๆ บางรุ่น เป็นตัวถัง 5 ที่นั่ง ยาว 4.060 ม. กว้าง 1.765 ม. (รวมกระจกมองข้างขณะพับ) สูง 1.435 ม. ซึ่งมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศต่ำสุด 0.29 และใช้โรงงานที่เมืองซาราโกซา (ZARAGOZA) ในสเปน กับที่เมืองไอเซนัค (EISENACH) ในเยอรมนีเป็นที่ผลิต นอกจากเครื่องยนต์เบนซิน และเครื่องยนต์ดีเซลซึ่งมีให้เลือกรวม 4 ขนาด ตั้งแต่ 55 กิโลวัตต์/75 แรงม้า ไปจนถึง 96 กิโลวัตต์/130 แรงม้า แล้ว จุดเด่นจุดสำคัญของรถรุ่นใหม่นี้ซึ่งไม่เคยพบกันมาก่อนในรถ 5 รุ่นแรก คือ ระบบขับด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ไม่มีการติดตั้งเครื่องยนต์แบบใดๆ เป็นระบบขับล้อหน้าชุดเดียวกันกับที่พบได้ในรถร่วมเครือ คือ เปอโฌต์ อี-208 (PEUGEOT E-208) ที่เพิ่งผ่านตาไป เป็นระบบที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 100 กิโล-วัตต์/136 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน (LITHIUM-ION) ขนาด 50 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง 15 นาที เมื่อชาร์จไฟเต็มด้วยอุปกรณ์ติดตั้งในบ้านที่เรียกกันว่า วอลล์บอกซ์ (WALL BOX) และใช้เวลาเพียงประมาณ 30 นาที เมื่อชาร์จไฟร้อยละ 80 ด้วยอุปกรณ์ไฟฟ้ากระแสตรงขนาด 100 กิโลวัตต์ที่จัดไว้โดยเฉพาะในสถานีเติมไฟสาธารณะ การชาร์จไฟเต็มแต่ละครั้งรถจะวิ่งได้ไกลถึง 337 กม. เมื่อวัดตามมาตรฐาน WLTP สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 8.1 วินาที และทำ ความเร็วสูงสุด 150 กม./ชม. ในเยอรมนีมีรถให้เลือก 3 โมเดล คือ CORSA-E SELECTION ซึ่งค่าตัวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 19 เริ่มต้นที่ 29,900 ยูโร หรือประมาณ 1.05 ล้านบาทไทย CORSA-E EDITION ซึ่งค่าตัวรวมภาษีเริ่มต้นที่ 30,650 ยูโร หรือประมาณ 1.07 ล้านบาทไทย และ CORSA-E FIRST EDITION ซึ่งค่าตัวรวมภาษีเริ่มต้นที่ 32,900 ยูโร หรือประมาณ 1.15 ล้านบาทไทย