หากจำไม่ผิด เคยบอกไปแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งครั้งว่า รถสปอร์ทที่ค่าย McLAREN AUTOMOTIVE (แมคลาเรน ออโทโมทีฟ) ผลิตขายทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทย ปัจจุบัน แบ่งได้เป็น 3 อนุกรม คือ SPORTS SERIES (สปอร์ทส์ ซีรีส์) ซึ่งขณะนี้มีรถให้เลือกรวม 6 โมเดล SUPER SERIES (ซูเพอร์ ซีรีส์) ซึ่งขณะนี้มีรถให้เลือกรวม 3 โมเดล และ ULTIMATE SERIES (อัลทิเมท ซีรีส์) ซึ่งขณะนี้มีรถรวม 4 โมเดล ที่จะบอกกล่าวเพิ่มเติมในคราวนี้ก็คือ ยังมีรถอีก 1 โมเดล ที่ไม่ได้รวมอยู่ใน 3 อนุกรมนี้ คือ รถคูเป McLAREN GT (แมคลาเรน จีที) ซึ่งเปิดตัวเมื่อเดือนกรกฎาคม 2019รถอนุกรมอื่นเก็บไว้ก่อน เดือนนี้จะว่ากันแต่รถ SUPER SERIES ซึ่งขณะนี้มีรถเพียง 3 โมเดล คือ รถคูเป McLAREN 720S (แมคลาเรน 720 เอส) รถเปิดประทุน McLAREN 720S SPIDER (แมคลาเรน 720 เอส สไปเดอร์) และรถคูเป McLAREN 765LT (แมคลาเรน 765 แอลที) เฉพาะคันหลังนี่เป็นรถโมเดลล่าสุดของค่ายนี้ ก่อนการระบาดของ COVID-19 ตั้งใจจะนำออกอวดตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานมหกรรมยานยนต์เจนีวาซึ่งมีกำหนดจัดตอนต้นเดือนมีนาคมของปีหนู แต่เนื่องจากงานดังกล่าวต้องล้มเลิกไปเพราะพิษไวรัส จึงต้องเปลี่ยนวิธีการให้เป็นไปตามยุคตามสมัย คือ การเปิดตัวแบบออนไลน์ ตอนเช้าของวันอังคารที่ 3 มีนาคม ซึ่งตามกำหนดเดิมเป็น PRESS DAY หรือวันสื่อมวลชน ของงานที่ว่า เป็นรถโมเดลใหม่ แต่ไม่ใช่ใหม่หมดแท้ๆ แต่เป็นการนำรถที่มีอยู่ก่อนแล้วในสายการผลิต คือ รถคูเป McLAREN 520S (แมคลาเรน 520 เอส) มาพัฒนาต่อกิ่งต่อยอดเป็นรถโมเดลใหม่ การใช้รหัส LT ซึ่งย่อมาจาก LONGTAIL ก็ทำให้ผู้ที่คุ้นเคยกับรถสปอร์ทของค่ายนี้ เข้าใจได้ทันทีว่าเป็นรถน้ำหนักเบา เน้นสมรรถนะการวิ่งในสนามแข่ง พละกำลังเหลือกินเหลือใช้ คุณสมบัติทางอากาศพลศาสตร์ผ่านการปรับปรุงอย่างดี และไม่ต้องกลัวเป็นรถโหลเพราะผลิตจำนวนไม่มาก ก่อนหน้านี้ยอดผู้ผลิตรถสปอร์ทเมืองผู้ดี ซึ่งสะสมชื่อเสียงจากวงการแข่งรถ เคยทำรถรหัส LT มาแล้ว 3 รุ่น รุ่นล่าสุดนี้จึงเป็นรุ่นที่ 4 และเป็นรถที่ผู้ผลิตยืนยันว่าขับไม่ยาก ใครที่ขับรถเป็นก็ขับรุ่นนี้ได้ และขับได้ในทุกระดับความเร็ว ตัวถังยาว 4.600 ม. กว้าง 1.930 ม. และสูง 1.157 ม. ซึ่งทำจากวัสดุหลากหลาย รวมทั้งอลูมิเนียม และคาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งเป็นวัสดุมวลเบา แต่แข็งแรง ผ่านการปรับปรุงในหลายจุดเพื่อผลลัพธ์ในหลายๆ ด้าน รวมทั้งเพื่อเพิ่มแรงกดลงสู่พื้นถนน เพื่อเพิ่มเสถียรภาพเมื่อวิ่งเร็วมากๆ และเพื่อลดน้ำหนักตัว เป้าหมายหลังสุดนี่เองที่ทำให้ทีมพัฒนาต้องเรียกหายาแก้ปวดหัวอยู่บ่อยๆ เพราะรถซึ่งเป็นที่มา ก็เป็นรถน้ำหนักเบาสุดๆ อยู่แล้ว คือ เบากว่ารถแบบอื่นๆ ทุกรุ่น ทุกแบบที่อยู่ในระดับเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ในที่สุดก็ลดได้ถึง 80 กก. คือ น้ำหนักรถเปล่าลดเหลือเพียง 1,229 กก. เป็นผลลัพธ์จากหลายจุด ตัวอย่าง คือ เปลี่ยนกระทะล้ออัลลอยซึ่งยึดด้วยสลักเกลียวไท-ทาเนียมช่วยลดได้ 22 กก. ใช้เก้าอี้ที่นั่งแบบรถแข่ง ลดได้ 18 กก. ยกเครื่องปรับอากาศออกทั้งหมด ลดได้ 10 กก. แม้แต่การเปลี่ยนสปริงขดในระบบรองรับ (กันสะเทือน) ก็ยังช่วยลดได้ 1.5 กก. เครื่องยนต์ที่ติดตั้งแบบ “วางกลางลำตามยาว” เป็นเครื่อง ทวินเทอร์โบเบนซินบลอคเดียวกันกับที่ใช้ในรถซึ่งเป็นที่มา คือ เครื่อง DOHC วี 8 สูบ 3,994 ซีซี รหัสเครื่องยนต์ M840T แต่ปรับตกแต่งในบางจุด จนกำลังสูงสุดพุ่งจาก 529 กิโลวัตต์/720 แรงม้า เป็น 563 กิโลวัตต์/765 แรงม้า หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3 และเป็นที่มาของชื่อรุ่น ส่วนระบบเกียร์เพื่อส่งกำลังสู่ล้อคู่หลังเป็นเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ ที่ปรับจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ให้เร็วขึ้นร้อยละ 15 และมีโหมดการทำงานให้เลือกได้ 3 แบบ คือ COMFORT-SPORT-TRACK สมรรถนะความเร็วตามตัวเลขของผู้ผลิต อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 2.8 วินาที อัตราเร่ง 0-200 กม./ชม. ทำได้ใน 7.2 วินาที และความเร็วสูงสุด 330 กม./ชม. เป็นรถที่จำกัดจำนวนผลิตไว้เพียง 765 คันตามชื่อรุ่น และจะเริ่มการส่งมอบรถในเดือนกันยายน 2020 นี้ ค่าตัวในอังกฤษเมื่อแปลงเป็นเงินไทยเริ่มต้นที่ระดับ 14 ล้านบาท ใครอยากซื้อก็ยังซื้อได้ เพราะขณะนี้ยังขายไม่หมด