ปิด “ระเบียงรถใหม่” ในเดือนแห่งการชุมนุมซูเพอร์คาร์ และไฮเพอร์คาร์ ด้วยรถไม่มีหลังคา LAMBORGHINI SIAN ROADSTER (ลัมโบร์กินี ซีอัน โรดสเตอร์) ผลงานใหม่ แต่ไม่ล่าสุดของผู้ผลิตรถสปอร์ทสัญลักษณ์กระทิงดุ ที่ก่อตั้งธุรกิจ และมีถิ่นฐานประกอบการอยู่ในเมืองมะกะโรนี แต่ปัจจุบันกลับมีฐานะเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่ง ในกลุ่มบริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของเมืองเบียร์ คือ VOLKSWAGEN GROUP (โฟล์คสวาเกน กรุพ)เช่นเดียวกันกับรถสปอร์ทอีก 3 แบบ 3 รุ่น ที่นำเรื่องราวมาสู่กันฟังในเดือนนี้ นี่ไม่ใช่รถใหม่ที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด แต่เป็นผลลัพธ์จากการนำรถแบบเดิมที่มีอยู่ก่อนแล้วในสายการผลิต มาพัฒนาแตกกิ่งแตกก้านเป็นรถแบบใหม่ ในกรณีของรถไร้หลังคาแบบนี้ รถซึ่งมีอยู่ก่อนแล้ว และเป็นที่มา คือ รถคูเปประตูปีกนก ติดป้ายชื่อ LAMBORGHINI SIAN (ลัมโบร์กินี ซีอัน) ซึ่งปรากฏตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” ที่ในงานมหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ทครั้งล่าสุด เมื่อกลางเดือนกันยายน 2019 พร้อมประกาศนียบัตรยืนยันสรรพคุณว่าเป็นรถไฮบริดแบบแรกในประวัติศาสตร์ของค่ายกระทิงดุ ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วก็ไม่ใช่รถที่ทำขึ้นใหม่ทั้งหมดเช่นกัน แต่เป็นรถที่ออกแบบบนโครงฐานของรถที่มีอยู่แล้ว และขอหยิบขอยืมชิ้นส่วนมากมายจากรถที่มีอยู่ก่อนแล้ว คือ รถคูเปประตูปีกนก LAMBORGHINI AVENTADOR (ลัมโบร์กินี อเวน-ตาโดร์) ซึ่งอยู่ในสายการผลิตมาตั้งแต่ปี 2011 ตัวถังที่นั่งได้เพียง 2 คน มีขนาดยาว 4.980 ม. กว้าง 2.101 ม. และสูง 1.133 ม. คือ เท่ากันในทุกมิติกับรถซึ่งเป็นที่มา หน้าตาและรูปทรงองค์เอวโดยรวมของตัวถัง ก็แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากรถซึ่งเป็นที่มา รายละเอียดต่างๆ ซึ่งเป็นจุดสะดุดตาก็ยังคงอยู่ครบครัน ทั้งดวงโคมไฟหน้ารูปตัว Y ท่อไอเสียแฝดรูปหกเหลี่ยม ช่องดักลมทั้งด้านหน้าด้านข้าง และไฟเบรคข้างละ 3 ดวง ซึ่งออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจกับรถที่โด่งดังมากในอดีต คือ LAMBORGHINI COUNTACH (ลัมโบร์กินี คูนทาช) จุดสำคัญจุดเดียวที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด คือ แผงหลังคาที่ตัดออกทั้งหมด ที่น่าสนใจ และน่ายกนิ้วให้ ก็คือ ผู้ผลิตยืนยันว่าการเปลี่ยนเป็นรถไร้หลังคานี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ ต่อประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์ ติดตั้งระบบขับชุดเดียวกันกับที่ใช้ในรถคูเปซึ่งเป็นที่มา คือ ระบบขับทุกล้อไฮบริดชนิดไม่ต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน DOHC วี 12 สูบ 60 องศา 6,498 ซีซี 577 กิโล-วัตต์/785 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า 25 กิโลวัตต์/34 แรงม้า และระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ISR ได้กำลังสุทธิสูงสุด 602 กิโลวัตต์/819 แรงม้า ตัวเลขที่ทำให้กล่าวได้ว่า นี่คือ รถเปิดหลังคาที่ทรงพลังที่สุดในโลก ที่ผิดแผกไปจากระบบขับไฮบริดที่เคยพบเคยเห็นกันมาก่อนในรถแบบอื่นๆ อีกมากมายหลายสิบหลายร้อยรุ่นก็คือ เป็นระบบที่ไม่ใช้แบทเตอรี แต่เปลี่ยนอุปกรณ์ป้อนไฟให้แก่มอเตอร์ไฟฟ้า เป็นประดิษฐกรรมเก็บบรรจุ และจ่ายพลังไฟฟ้าที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า SUPERCAPACITOR (ซูเพอร์คาพาซิเตอร์) ยอดผู้ผลิตรถสปอร์ทกระทิงดุบอกว่า อุปกรณ์ใหม่นี้เก็บไฟได้มากเป็น 10 เท่าของแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน แถมหนักเพียง 1 ใน 3 ของแบทเตอรีที่ให้พลังไฟเท่ากัน สมรรถนะความเร็วตามตัวเลขของผู้ผลิต รถไร้หลังคาประตูปีกนกรุ่นนี้ ใช้เวลาไม่ถึง 2.9 วินาที ในการทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ความเร็วสูงสุดไม่ระบุตัวเลขชัดเจน บอกเพียงว่า สูงกว่า 350 กม./ชม. ประกาศในวันเปิดตัว ว่าจะผลิตเพียง 19 คัน และทุกคันมีผู้ซื้อไปหมดแล้ว แต่ไม่ยอมบอกว่าทำไมจึงแค่ 19 คัน ? และไม่บอกด้วยว่าซื้อแล้วแถมร่มกันแดดกันฝนหรือเปล่า ? รถแต่ละคันที่ว่านี้จะเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อแต่ละคนมีส่วนร่วมในกระบวนการผลิต และตกแต่ง คือ ให้เป็นผู้กำหนดสีตัวถัง รวมทั้งสี และลักษณะของพื้นผิวในห้องโดยสารด้วย พยายามค้นหาราคาค่าตัวที่ผู้ผลิตรถสปอร์ทกระทิงดุ จะเรียกเก็บจากผู้ซื้อ ปรากฏว่าหาอย่างไร ก็ยังหาไม่พบ ! ต้องใช้วิธีเทียบราคาจากรถคูเปซึ่งเป็นที่มา ทำให้คาดเดาได้ว่า ต้องสูงกว่า 2 ล้านยูโร หรือประมาณ 70 ล้านบาทไทยแน่นอน แต่ไม่แน่ใจว่าสูงกว่าเท่าไร ?