ไม่ว่ารถจะมีสมรรถนะดีแค่ไหน แต่ถ้ายางเสื่อมสภาพก็หมดความหมาย แถมไม่ปลอดภัยอีกต่างหาก เพราะยางเป็นส่วนเดียวของรถที่สัมผัสกับพื้นถนน DIY…คุณทำเองได้ มีวิธีตรวจเชคยางเบื้องต้นมาฝาก
ดอกยางทำหน้าที่ “รีดน้ำ” ลดความเสี่ยงของการเหินน้ำ มีผลต่อการควบคุมรถ และระยะเบรค ความลึกของร่องดอกยางต้องมีมากกว่า 3 มม. ขึ้นไป หากน้อยกว่านี้ ต้องเปลี่ยน
ควรตรวจสอบความดันลมยางอย่างน้อยเดือนละครั้ง ซึ่งรวมถึงยางอะไหล่ด้วย โดยสามารถตรวจสอบแรงดันลมยางตามสเปครถได้จากคู่มือประจำรถ หรือสติคเกอร์ข้างประตู และควรเชคก่อนใช้งาน ขณะที่ยางยังเย็นอยู่ ลมยางที่ถูกต้องจะช่วยลดการสึกหรอของดอกยาง
การสลับยาง ช่วยให้การสึกหรอของยางเฉลี่ยเท่ากันทั้ง 4 ล้อ สามารถเชคได้จากคู่มือประจำรถว่าต้องสลับยางทุกกี่ กม. โดยทั่วไปแล้วควรสลับยางทุก 10,000-20,000 กม.
สัญลักษณ์ต่างๆ ที่แก้มยาง เป็นข้อมูลจำเพาะและคุณสมบัติพื้นฐานของยางเส้นนั้น ตัวอักษร และตัวเลขที่เห็น มีความหมายอย่างไร ไปดูกัน
10.5 = ความกว้างของหน้ายาง R ย่อมาจาก RIM คือ ขอบของกระทะล้อ 15 = เส้นผ่าศูนย์กลางรวมของกระทะล้อ (หน่วยเป็น นิ้ว) LT ย่อมาจาก LIGHT TRUCK คือ รถกระบะขนาดเบา
1. ใส่ถุงมือ หาสัญลักษณ์สามเหลี่ยมบริเวณแก้มยาง 2. มองหาปุ่มสะพานยาง และเชคกับร่องดอกยางด้วยตาเปล่า
3. ใช้ไม้บรรทัดวัดความลึกของดอกยาง ต้องเกิน 3 มม. ถึงใช้ได้
4. ตรวจดูบริเวณขอบยาง แก้มยาง ต้องไม่แตกลายงา หรือฉีกขาด
5. ตรวจดูตะกั่วสำหรับตั้งศูนย์ว่าแน่นดีอยู่หรือไม่
6. ตรวจเชคหน้าสัมผัสของยางว่ามีสึกหรอด้านใน/นอก ขนาดไหน
7. ตรวจดูร่องดอกยางว่ามีเศษก้อนหิน หรือตะปู อุดตันติดดอกยางหรือไม่
8. ดูสัปดาห์ และปีที่ผลิต ถ้าเกิน 4 ปี ก็ควรเปลี่ยนได้แล้ว