Q3 เติมตัว E เป็นพลัก-อิน ไฮบริด ช่วยโลกมีผลงานของค่าย “สี่ห่วง” อยู่ 2 โมเดล โมเดลแรกที่กำลังอวดรูปทรงองค์เอวอยู่นี้ คือ AUDI Q3 45 TFSI E (เอาดี คิว 3 45 ทีเอฟเอส-ไอ อี) เป็นรถโมเดลใหม่ซึ่งเพิ่งเปิดตัวเมื่อต้นเดือนธันวาคม 2020 และเริ่มรับการสั่งจองจากผู้ใช้รถในเยอรมนีเมื่อสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนมกราคม 2021 นี่เอง ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมันซึ่งมีห่วงเยอะ เริ่มบรรจุ COMPACT LUXURY CROSSOVER SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ระดับหรูขนาดเล็กกะทัดรัด ติดป้ายชื่อ AUDI Q3 (เอาดี คิว 3) เข้าสู่สายการผลิตเมื่อปี 2011 รถรุ่นดังกล่าวออกแบบ/พัฒนาโดยใช้ชิ้นส่วนหลายชิ้นร่วมกันกับรถร่วมเครือ คือ รถเก๋ง VOLKSWAGEN GOLF (โฟล์คสวาเกน กอล์ฟ) รุ่นที่ 5 รถเก๋ง AUDI A3 (เอาดี เอ 3) และรถกิจกรรมกลางแจ้ง SKODA YETI (สโกดา เยตี) เป็นรถที่ไม่มีการผลิตในเมืองแม่ คือ เยอรมนี แต่ใช้โรงงานในสเปน และสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นที่ผลิต รถรุ่นนี้อยู่ในตลาดจนถึงปี 2018 แล้วก็มีรถรุ่นที่ 2 มาแทนที่ รถรุ่นใหม่นี้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2018 และเริ่มการส่งมอบรถแก่ผู้สั่งจองในเมืองเบียร์เดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน รถรุ่นนี้ออกแบบพัฒนาโดยใช้พแลทฟอร์ม MQB ของค่าย VOLKSWAGEN GROUP มีขนาดตัวถัง ยาว 4.484 ม. กว้าง 1.856 ม. สูง 1.616 ม. และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศต่ำสุด 0.32 เป็นรถที่มีการผลิตใน 2 ประเทศ คือ ที่เมือง GYOR (กีเยอร์) ในฮังการี กับที่เมือง TIANJIN (เทียนจิน) ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ก่อนสิ้นปี 2020 ในเยอรมนี ค่าย “สี่ห่วง” มีรถเล็กอนุกรมนี้ให้เลือกใช้รวม 5 โมเดล คือ AUDI Q3 35 TFSI (เบนซิน 1,498 ซีซี 110 กิโลวัตต์/150 แรงม้า) AUDI Q3 45 TFSI QUATTRO (เบนซิน 1,984 ซีซี 169 กิโลวัตต์/230 แรงม้า) AUDI Q3 35 TDI (ดีเซล 1,968 ซีซี 110 กิโลวัตต์/150 แรงม้า) AUDI Q3 35 TDI QUATTRO (ดีเซล 1,968 ซีซี 110 กิโลวัตต์/150 แรงม้า) และ AUDI Q3 40 TDI QUATTRO (ดีเซล 1,968 ซีซี 147 กิโลวัตต์/200 แรงม้า) ค่าตัวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งช่วงนั้นลดเหลือร้อยละ 16 เริ่มต้นที่ 34,020 ยูโร หรือประมาณ 1.26 ล้านบาทไทย ส่วนรถโมเดลล่าสุดนี้ กล่าวได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า เป็นโมเดลแรกของรถอนุกรมนี้ ที่ติดตั้งระบบขับไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ หรือ PLUG-IN HYBRID (พลัก-อิน ไฮบริด) เป็นระบบขับล้อหน้าซึ่งใช้เครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,395 ซีซี 110 กิโล-วัตต์/150 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 85 กิโลวัตต์/116 แรงม้า และแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ขนาด 13.0 กิโลวัตต์ชั่วโมง ได้แรงบิดสูงสุด 40.8 กก.-ม. (400 นิวตัน-เมตร) ได้กำลังสุทธิสูงสุด 180 กิโลวัตต์/245 แรงม้า และส่งกำลังสู่ล้อคู่หน้าผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 6 จังหวะ สมรรถนะความเร็วตามตัวเลขของผู้ผลิต อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 7.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 1.6-2.0 ลิตร/100 กม. หรือ 50.0-62.5 กม./ลิตร (WLTP) และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 37-45 กรัม/กม. (WLTP) เมื่อชาร์จไฟเต็มจะวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ได้ไกล 61 กม. เมื่อวัดตามมาตรฐานเก่า (NEDC) และลดเป็น 51 กม. เมื่อใช้มาตรฐานใหม่ (WLTP) แต่ความเร็วสูงสุดจะจำกัดไว้ที่ 140 กม./ชม. เพราะวิ่งเร็วกว่านี้จะกินไฟมาก เป็นรถน่าใช้ เพราะเทียบกันแล้วราคาไม่แพงกว่ารถติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน ค่าตัวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 19 ของเยอรมนีเริ่มต้นที่ 46,000 ยูโร หรือเท่ากับประมาณ 1.70 ล้านบาทไทย แต่ผู้ซื้อไม่ต้องจ่ายเต็มจำนวนนี้ เพราะจะได้เงินโบนัส หรือเงินชดเชยจากรัฐบาลถึง 6,750 ยูโร หรือประมาณ 250,000 บาทไทย นอกจากนั้นการซื้อเพื่อใช้งานแบบรถบริษัทก็ได้สิทธิพิเศษ คือ เสียภาษีเพียงร้อยละ 0.5 จากราคาก่อนบวกภาษี AUDI Q3 45 TFSI E