“ฟอร์มูลา” สนทนาธุรกิจกับ จิตวุฒิ ศศิบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด บริษัทที่ปรึกษาด้านการประกันภัยชั้นนำ ที่ให้บริการด้านประกันภัยแบบมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการประกันภัยทรัพย์สิน รถยนต์ อุบัติเหตุ สุขภาพส่วนบุคคล รวมถึงการประกันภัยสำหรับธุรกิจฟอร์มูลา : วางทิศทาง และนโยบายปีนี้ไว้อย่างไร ? จิตวุฒิ : เมื่อปี 2018 MAXI ได้ร่วมกันกับ HOWDEN เพื่อก่อตั้งบริษัท ฮาวเด้น อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด โดย HOWDEN เป็นบริษัทนายหน้าประกันภัยระดับอินเตอร์ มีบริษัทแม่ตั้งอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ชื่อบริษัท HYPERION INSURANCE GROUP การร่วมมือกันในครั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพการบริหารงาน และกิจการให้เติบโต พร้อมขยายพอร์ทลูกค้า ซึ่งปีที่แล้ว น่าจะคืบหน้าได้ตามแผน แต่เนื่องจากสถานการณ์ของ COVID-19 จึงทำให้บางแผนต้องเลื่อนออกไป อย่างไรก็ตาม แผนงานอื่นๆ ของบริษัทฯ ก็ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เช่น การเปิดตลาดในต่างประเทศ ตั้งออฟฟิศที่ประเทศเมียนมาร์ แต่ก็มาเจอกับวิกฤตด้านการเมืองของการยึดอำนาจอีก ทำให้การดำเนินงานอาจล่าช้าไปบ้าง นอกจากนี้ การระบาดของ COVID-19 ทำให้ด้านประกันสุขภาพเติบโตมากขึ้น แต่ช่วงมีการระบาดระลอกใหม่ไม่ได้หวือหวามากนัก เพราะทุกคนมีการเตรียมความพร้อม และศึกษากันมาเป็นอย่างดี ปีนี้ บริษัทฯ วางแผนเดินหน้าเรื่องการทำประกัน COVID-19 การประกันอาการแพ้หลังฉีดวัคซีน แต่รายได้คงไม่มากนัก อีกส่วนหนึ่ง คือ การขายประกันในกลุ่มพลังงาน เพราะมองว่าในอนาคตเรื่องพลังงานทดแทนจะได้รับความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นพลังงานจาก ไฟฟ้า แสงแดด ลม และน้ำ ซึ่งเป็นพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม โดยบริษัทฯ ได้มีการสร้างทีมใหม่ขึ้นมาดูแลโดยเฉพาะ นอกจากนี้ เนื่องจากรถใหม่ป้ายแดงมีจำนวนลดน้อยลง ทำให้บริษัทฯ หันมาทำประกันภัยที่เรียกว่า MOTOR EXTENDED WARRANTY ขยายความคุ้มครองเพิ่มขึ้นจากประกันของผู้ผลิตรถยนต์ เป็นประกันรูปแบบใหม่สำหรับรถยนต์ที่หมดประกันจากบริษัทผู้ผลิต แต่ยังต้องการความคุ้มครอง ใช้งานได้นาน ป้องกันค่าใช้จ่ายเพิ่ม ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า ฟอร์มูลา : รายได้ในปี 2563 เป็นอย่างไร ? จิตวุฒิ : รายได้ของปี 2563 ในส่วนประกันภัยรถยนต์ เติบโตประมาณ 3-4 % ประกันภัยทรัพย์สิน และองค์กร เติบโต 6 % ซึ่งไม่ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ ที่ 15 % ส่วนปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 9 % บริษัทฯ จะมุ่งเน้นความเป็นมืออาชีพ เน้นการเป็นที่ปรึกษามากกว่าขาย มุ่งส่งเสริมทีมงานที่มีความสามารถเฉพาะทาง และมีความรู้แนะนำให้ลูกค้าเกิดความเข้าใจเรื่องของการทำประกัน และมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการ แต่ยังไม่มีพนักงานที่จะไปให้ความรู้ หรือเจาะเข้าไปถึงตัวลูกค้าโดยตรงได้ ซึ่งปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้าที่ประกันยังเข้าไม่ถึงเป็นจำนวนมาก และบางครั้งลูกค้าต้องการจะซื้อประกันความปลอดภัย เพื่อประโยชน์สูงสุด แต่ไม่รู้จะไปซื้อที่ไหน หรือบางคนก็โดนหลอกจนไม่กล้าซื้อประกัน ฟอร์มูลา : การแข่งขันในตลาดประกันภัยเป็นอย่างไร ? จิตวุฒิ : รุนแรงมาก หลายบริษัทต้องหาตลาดทุน เพื่อรณรงค์ทุนปรับระบบ ขยายกิจการ เพราะปัจจุบันต้องเข้มแข็งจึงจะอยู่ในตลาดได้ โดยรายใหญ่ก็จะชนกับรายใหญ่ ส่วนรายย่อยอยู่ได้ ตัวแทนอยู่ได้ด้วยความสัมพันธ์ ความน่าเชื่อถือ จนถึงระดับหนึ่ง ตัวแทนต้องมาเป็นที่ปรึกษา คนเก่งที่มีความรู้เฉพาะทางจะอยู่ได้ และอนาคต การร่วมกันกับพันธมิตรเพื่อเข้าถึงลูกค้าโดยตรง จะเป็นสิ่งที่บริษัทประกันต้องปรับรูปแบบ เพื่อลูกค้าจะได้เลือกสิ่งที่ต้องการอย่างถูกต้อง และการบริการที่ดี ไม่ทิ้งลูกค้า จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งผู้ขาย และผู้ซื้อ เพราะถ้าผู้ซื้อโดนทิ้ง ก็จะไม่กล้าซื้อประกัน และต่อไปการซื้อประกันก็จะต้องซื้อที่ตัวแทนจำหน่ายที่มีความเชี่ยวชาญจริงๆ เพราะคนส่วนใหญ่กลัวโดนหลอก อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) จะแนะนำบริษัทที่ได้รับการรับรองแล้วว่าโปร่งใส ไม่หลอกลวง โดยลูกค้าสามารถตรวจสอบได้เพื่อความมั่นใจ ฟอร์มูลา : กลยุทธ์หลักที่จะนำมาใช้ในการแข่งขัน ? จิตวุฒิ : การขยายธุริจ ตอนนี้อาจสวนทางกับเศรษฐกิจ แต่บริษัทฯ มีแผนแม่บท ขยายเพื่อครอบคลุมไปทั่วอาเซียน ซึ่งตอนนี้ได้ขยายไปที่เมียนมาร์แล้ว โครงการต่อไป คือ ประเทศอื่นๆ นอกจากนี้ มีแผนที่จะร่วมกันกับพันธมิตรในการขยายสาขาให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพราะหากขยายสาขาเอง จะล่าช้า และในบางพื้นที่เราไม่มีความเชี่ยวชาญ อีกส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่สร้างแรงจูงใจแก่ลูกค้า รวมถึงการให้สิทธิ์ผ่อนชำระนานขึ้น เพื่อรักษาฐานลูกค้า ฟอร์มูลา : วางแผนการขยายสาขาไว้อย่างไร ? จิตวุฒิ : ปัจจุบันมีสาขาลาดพร้าว CW TOWER ภูเก็ต และ เมียนมาร์ ต่อไปจะขยายในกลุ่ม CLMV ส่วนในประเทศไทย ยังไม่มีสาขาเพิ่ม ส่วนความร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรคาดว่าจะประกาศความพร้อมได้ภายในปีนี้ ฟอร์มูลา : พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ? จิตวุฒิ : ในประเทศไทยยังถือว่า ซื้อประกันน้อยมาก หากเปรียบเทียบกับต่างประเทศที่ 1 คนจะมี 3 กรมธรรม์ ในไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีก ในอนาคตผู้บริโภคจะเน้นไปที่ประกันความเสี่ยง และจะเลือกบริษัทประกันภัยที่น่าเชื่อถือ พิสูจน์ได้ว่าทำประกันภัยแล้วไม่โดนหลอก ผู้บริโภคมีมุมมองเรื่องของประกันภัยดีขึ้น อย่างน้อยต้องมีประกันชีวิต ประกันภัยรถยนต์ เดิมไม่ต้องมีก็ได้ เพราะมองว่าไม่จำเป็น ทิศทางประกันภัย 3-5 ปี ต้องพยายามเข้าถึงลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น เพราะในปัจจุบันการเข้าถึงลูกค้า ถือว่ายังน้อยมาก โดยเฉพาะกลุ่มรากหญ้าที่ไม่มีประกัน ภาครัฐมีประกันสังคม แต่ไม่ได้เข้าถึงทุกคน ต้องให้ความรู้แก่ประชาชนให้มากขึ้น ตัวอย่าง เกษตรกร เก็บเกี่ยวข้าวได้ อยากซื้อประกันภัย ไม่มีใครให้ข้อมูล จะซื้ออย่างไร ? เปรียบเทียบกับต่างประเทศ เช่น อินเดีย ประชาชนจะจ่ายประกันภัยวันละบาท มีเงินมาก นำเงินมาประกัน ประกันทำเป็นกองทุน คนละบาท วันละบาท เอาเงินมาลงทุนให้เงินก้อนใหญ่ เป็นสวัสดิการแห่งชาติ แต่สำหรับคนไทยพอมีอายุมากขึ้น เงินก็จะไปจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาล จึงจำเป็นที่ต้องหาหลักประกัน ซึ่งปัจจุบัน บริษัทฯ มีการทำประกันภัยที่จะให้คำปรึกษาหมอผ่านระบบออนไลน์ โดยการโหลดแอพพลิเคชัน ปรึกษาหมอ แล้วให้หมอออกใบสั่งยา และไปซื้อยา เพื่อลดภาระการเดินทาง พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนการทำพโรแกรม MLM สร้างเครือข่ายขึ้นมา เป็นระบบทีมงานเครือข่าย สำหรับคนตกงานที่สนใจธุรกิจประกันภัย และสอบใบอนุญาตนายหน้า เราใช้ระบบนี้เป็นโมเดลแรกที่ภูเก็ต ประกันรถ ประกันบ้าน ผ่านเครือข่าย MLM ตัวแทนจะได้สร้างเครือข่ายที่ดี และมีแผนที่จะขยายต่อไปในพื้นที่อื่นๆ