มีเรื่องราวของรถเก๋งแฮทช์แบคสายพันธุ์เยอรมันมาเล่าสู่กันฟัง 2 แบบ 2 คัน ทั้งคู่ล้วนเป็นรถแรงรถเร็ว ที่เห็นเพียงตัวถังก็ไม่อยากเชื่อว่าจะแรง และเร็วได้ถึงขนาดนั้น คันแรกที่กำลังอวดรูปทรงองค์เอวอยู่นี้ คือ รถติดป้ายชื่อ BMW 128TI (บีเอมดับเบิลยู 128 ทีไอ) ซึ่งเริ่มออกโชว์รูมในเมืองเบียร์เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2020 แต่เพิ่งได้จังหวะนำมาบรรจุไว้ “ระเบียงรถใหม่” เดือนนี้เจ้าของเครื่องหมายการค้า “ใบพัดเครื่องบินสีฟ้าขาว” เริ่มการผลิตรถเก๋งระดับหรูขนาดเล็กกว่าเล็กกะทัดรัด BMW 1-SERIES (บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-1) เมื่อปี 2004 รถรุ่นดังกล่าวซึ่งมีแต่รถขับเคลื่อนล้อหลัง และมีตัวถังให้เลือกถึง 4 แบบ คือ ตัวถัง 3/5 ประตูแฮทช์แบค ตัวถัง 2 ประตูคูเป และตัวถัง 2 ประตูเปิดประทุน อยู่ในสายการผลิตยาวนานเกือบ 1 ทศวรรษ แล้วก็มีรถรุ่นที่ 2 มาแทนที่ในปี 2011 รถรุ่นใหม่นี้มีให้เลือกทั้งรถขับเคลื่อนล้อหลัง และรถขับเคลื่อนทุกล้อ แต่ลดตัวถังเหลือเพียง 2 แบบ คือ ตัวถัง 3 ประตูแฮทช์แบค กับตัวถัง 5 ประตูแฮทช์แบค ส่วนตัวถังคูเปกับตัวถังเปิดประทุนเปลี่ยนชื่ออนุกรมเป็น BMW 2-SERIES (บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-2) รถรุ่นที่ 2 นี้ก็อยู่ในสายการผลิตยาวนานเกือบ 1 ทศวรรษ ก่อนมีรถรุ่นปัจจุบัน (รหัสโรงงาน F40) มาแทนที่เมื่อเดือนกันยายน 2019 รถรุ่นปัจจุบันซึ่งเป็นรุ่นที่ 3 และใช้โรงงานที่เมือง REGENSBURG กับที่เมือง LEIPZIG ในเยอรมนีเป็นที่ผลิตนี้ เปลี่ยนระบบขับจากขับเคลื่อนล้อหลัง/ขับเคลื่อนทุกล้อ เป็นขับเคลื่อนล้อหน้า/ขับเคลื่อนทุกล้อ และลดจำนวนตัวถังเหลือเพียงแบบเดียว คือ ตัวถัง 5 ประตูแฮทช์แบค ยาว 4.319 ม. กว้าง 1.799 ม. สูง 1.434 ม. และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.26-0.34 ตามข้อมูลตอนสิ้นเดือนตุลาคม 2020 BMW 1-SERIES รุ่นใหม่นี้ มีรถให้เลือกรวม 8 โมเดล เป็นรถเบนซิน 4 โมเดล คือ BMW 116I (80 กิโลวัตต์/109 แรงม้า) BMW 118I (100 กิโลวัตต์/136 แรงม้า) BMW 120I (131 กิโลวัตต์/178 แรงม้า) BMW M135I XDRIVE (225 กิโลวัตต์/306 แรงม้า) กับเป็นรถดีเซล 4 โมเดล คือ BMW 116D (85 กิโลวัตต์/116 แรงม้า) BMW 118D (110 กิโลวัตต์/150 แรงม้า) BMW 120D/BMW 120D XDRIVE (140 กิโลวัตต์/190 แรงม้า) ส่วนรถโมเดลใหม่ล่าสุด คือ BMW 128TI นี้ นับเป็นรถไม่ติดรหัส M ที่แรงที่สุด และเร็วที่สุด รหัสโมเดล 128TI ที่ดูขัดหูขัดตาพิกลนี้ไม่ใช่รหัสใหม่ เคยใช้มาก่อนแล้วกับรถที่จำหน่ายเมื่อกว่า 2 ทศวรรษที่ผ่านมา แต่รื้อฟื้นกลับมาใช้ใหม่เพื่อเป็นการย้อนรำลึกถึงอดีต รถโมเดลใหม่นี้ติดตั้งเครื่องยนต์บลอคเดียวกันกับรถโมเดลหัวกะทิ BMW M135 XDRIVE คือ เครื่องเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC 4 สูบเรียง ความจุ 1,998 ซีซี แต่ปรับแต่งใหม่จนตัวเลขกำลังสูงสุดลดจาก 225 กิโลวัตต์/306 แรงม้า เป็น 195 กิโลวัตต์/265 แรงม้า หรือลดลงร้อยละ 13.3 ระบบเกียร์เพื่อส่งกำลังสู่ล้อคู่หน้าก็เป็นเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ STEPTRONIC SPORT เหมือนรถโมเดลหัวกะทิ สมรรถนะความเร็วตามตัวเลขของค่ายใบพัด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 6.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. และเมื่อวัดตามมาตรฐานใหม่ คือ WLTP ที่ปรับให้สอดรับกับมาตรฐานเดิม คือ NEDC จะมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 6.1-6.4 ลิตร/100 กม. หรือ 15.6-16.4 กม./ลิตร และมีอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 139-148 กรัม/กม. ตัวถังซึ่งยาว 4.319 ม. กว้าง 1.799 ม. สูง 1.434 ม. มีน้ำหนักรถรวมผู้ขับ 1,520 กก. และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.32 ตกแต่ง และติดตั้งอุปกรณ์ภายนอกตามสไตล์ที่ค่ายนี้ตั้งชื่อว่า M SPORT ระบบรองรับ (กันสะเทือน) ทั้งชุดหน้า และชุดหลังก็ปรับแต่งในลักษณะ M SPORT เช่นกัน ส่วนระบบห้ามล้อยกมาทั้งชุดจากรถโมเดลหัวกะทิ คือ ห้ามล้อหน้าแบบจานขนาด 360 มม. และห้ามล้อหลังแบบจานขนาด 300 มม. ค่าตัวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 19 ของเยอรมนี เริ่มต้นที่ 44,600 ยูโร หรือประมาณ 1.70 ล้านบาทไทย เมื่อคำนวณว่าเงินฝรั่ง 1 ยูโร แลกได้ด้วยเงินไทย 38 บาทถ้วน BMW 128TI