เข้าเดือนสุดท้ายกันแล้ว “ชีวิตอิสระ” ขอส่งท้ายปี ด้วยบรรยากาศสวยๆ ช่วงกรีนซีซัน บนทุ่งหญ้าสะวันนาของยอดดอยแม่โถ จ. เชียงใหม่ พร้อมเดินทางสู่ อ. เชียงดาว เพื่อสัมผัสพื้นที่สงวนชีวมณฑลแห่งใหม่ของโลก ที่รับรองโดยองค์การยูเนสโกNEW NISSAN TERRA กับเส้นทางสู่ดอยแม่โถ เรายังอยู่กันที่ จ. เชียงใหม่ ในฉบับที่แล้ว เราออกเดินทางจากฟาร์มวัวจิระพาณิชย์ใน อ. แม่แจ่ม เพื่อเดินทางไปชมความสวยงามของทุ่งหญ้าสะวันนา 360 องศา บนยอดดอยแม่โถ NEW NISSAN TERRA (นิสสัน แตร์รา) ใหม่ คือ รถคู่ใจในครั้งนี้ เป็นรถที่ปรับปรุงใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอก และภายใน มาพร้อมขุมพลังเป็นดีเซลเทอร์โบคู่ ขนาด 2.3 ลิตร 190 แรงม้า ที่ให้แรงบิดสูงสุด 45.9 กก.-ม. ที่รอบต่ำเพียง 1,500-2,500 รตน. เท่านั้น จาก อ. แม่แจ่ม เราใช้ทางหลวงหมายเลข 1108 มุ่งหน้าสู่ อ. ฮอด เมื่อถึงทางหลวง 108 ให้เลี้ยวขวาไปทาง อ. แม่สะเรียง จ. แม่ฮ่องสอน จากจุดนี้วิ่งอีกประมาณ 50 กม. ก็ถึงดอยแม่โถ ทางช่วงนี้คดโค้ง และสวยงาม ใครไปครั้งแรกควรเพิ่มความระมัดระวัง ทางขึ้นอันตราย ต้องใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น การเดินทางขึ้นไปชมความงามบนยอดดอยแม่โถ ต้องใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น หากใครนำรถเก๋ง หรือรถขับเคลื่อน 2 ล้อมา แนะนำให้ใช้บริการรถรับจ้างของชาวบ้านบริเวณบ้านเลาลีจะดีกว่า แต่สำหรับ NEW NISSAN TERRA ที่มากับเรานั้น มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ PART-TIME รวมถึงดิฟฟ์ลอคหลังจากโรงงานมาให้ใช้ด้วย จึงขึ้นได้แบบสบายๆ การเข้าชม “ทุ่งหญ้าสะวันนา” บนดอยแม่โถ ต้องขับรถผ่านหมู่บ้านเลาลี แล้วขึ้นไปยังหมู่บ้านแม่โถบน จากนั้นขับรถขึ้นเขาสูงผ่านเส้นทางเล็กๆ ของชาวบ้านอีก 4 กม. ทางช่วงแรกลาดปูน 2 ร่องพอดีรถ แต่หลังจากนั้นเป็นทางดินล้วนๆ ที่ฝนเพิ่งหยุดตกไปหมาดๆ หน้าดินจึงเละ และลื่น ผมเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ 4 ล้อ 4H มาตั้งแต่เริ่มเข้าทางปูน จึงผ่านไปได้อย่างง่ายดาย ทุ่งหญ้าสะวันนา 360 องศา บนดอยแม่โถ ดอยแม่โถ เริ่มเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความที่มีทิวทัศน์สวยงาม อากาศเย็นสบายตลอดปี และไม่ว่าจะมองมุมไหน ก็เจอกับวิวอลังการที่สวยงามไปเสียหมด หากเปรียบเหมือนสวรรค์บนดิน ก็คงไม่ผิดนัก ทุ่งหญ้าบนดอยแม่โถ มักถูกเรียกกันติดปากว่า “ทุ่งหญ้าสะวันนา” ซึ่งเกิดจากระบบนิเวศจากลักษณะของดอยโล่ง และกว้าง เมื่อแสงแดดส่องมา จะลงไปถึงพื้นดินได้เลย ทำให้ต้นหญ้าต่างๆ เจริญเติบโตได้ดี จนปกคลุมพื้นดินไปทั่วทั้งเขา ซึ่งถ้าใครอยากเห็นภาพนี้ แนะนำให้มาช่วงฤดูฝนจะสวยที่สุด ไฮไลท์ที่ต้องมาให้ได้ คือ ทุ่งหญ้า 360 องศา ที่เมื่อขึ้นไปแล้วสามารถชมวิวทิวทัศน์ได้รอบด้านในทุกทิศทุกทาง โดยไม่มีอะไรมาบดบัง ช่วงเวลาที่เหมาะสม คือ ช่วงเช้าตรู่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ตั้งแต่ 6-7 โมงเช้า เพราะบรรยากาศกำลังพอดี จะพบกับความเขียวขจีตัดกับสายหมอกสุดลูกหูลูกตา รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน หลายชนเผ่า อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข การมาเที่ยวดอยแม่โถ นอกจากจะชื่นชมความสวยงามของธรรมชาติแล้ว ที่นี่ยังมีวิถีชีวิตที่น่าสนใจอีกด้วย รู้หรือไม่ ดอยแม่โถ ประกอบด้วยหลายชนเผ่า ตั้งแต่ ม้ง กะเหรี่ยง ไทยใหญ่ จีนฮ่อ ที่อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข สมัยก่อนดอยแม่โถมีการแบ่งพื้นที่ตั้งหมู่บ้านของเผ่าต่างๆ อย่างชัดเจน แต่ปัจจุบันได้ถูกกลืนเกี่ยวดองกันไปมาก แต่เรายังสามารถเห็นวิถีชีวิตของแต่ละชนเผ่าได้ เช่น บ้านเลาลี จะชอบการค้าขาย มีร้านขายของชำมากมาย ซึ่งเป็นหมู่บ้านของจีนฮ่อกับม้ง ถ้าขึ้นไปบนดอยแม่โถบนจะเจอกับร้านค้าหลายร้าน (แต่น้อยกว่าบ้านเลาลี) ซึ่งเป็นหมู่บ้านของไทยใหญ่กับจีนฮ่อ ถัดไปด้านข้างของดอยแม่โถบน เป็นที่อยู่ของชาวม้ง มีโบสถ์คริสต์อยู่ในหมู่บ้าน ถัดลงมาเป็นดอยแม่โถล่าง เป็นที่อยู่ของชาวกะเหรี่ยง ที่ชอบปลูกพืชสวนไร่นา ดอยหลวงเชียงดาว ชีวมณฑลแห่งใหม่ของโลก จากดอยแม่โถ เรามุ่งหน้าไปยัง อ. เชียงดาว หลังยูเนสโกประกาศให้ ดอยหลวงเชียงดาว เป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑลแห่งใหม่ของโลก เมื่อเดือนกันยายน 2564 ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 แหล่งท่องเที่ยวเกือบทั้งหมด จึงต้องปิดชั่วคราว ตามคำสั่งของจังหวัด เรามุ่งหน้าสู่ “วัดถ้ำเชียงดาว” เป็นที่แรก แน่นอนว่าภายในถ้ำเชียงดาวนั้นปิด เราจึงเดินชมได้เพียงรอบๆ บริเวณวัดเท่านั้น แต่ก็ทำให้เห็นว่า รอบๆ ตัววัดมีประติมากรรมที่สวยงามมากมาย และมีอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งวัน บริเวณทางเข้าถ้ำเชียงดาว มีบ่อน้ำใสที่เกิดจากธารน้ำจากภูเขา ซึ่งถือเป็นเสน่ห์ของที่นี่ เพราะน้ำไม่เคยแห้งเลยนับร้อยปี น้ำจึงใส มองเห็นตัวปลาน้อยใหญ่ที่ว่ายไปมาอย่างชัดเจน แช่น้ำร้อนในบ่อซีเมนต์ ที่บ่อน้ำร้อนบ้านยางปู่โต๊ะ ผมได้รับคำแนะนำจากคนในพื้นที่ว่า ใกล้ๆ นี้มีบ่อน้ำร้อนแห่งหนึ่งที่ยังสามารถเข้าไปเที่ยวได้ ชื่อว่า “บ่อน้ำร้อนบ้านยางปู่โต๊ะ” เพราะไม่ได้อยู่ในเขตอุทยานฯ และไม่ได้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คนส่วนใหญ่รู้จักนัก แม้ไม่ได้โอ่อ่าเหมือนบ่อน้ำร้อนอื่นๆ แต่เรียกได้ว่าใกล้ชิดธรรมชาติที่สุดแล้ว บ่อน้ำร้อนบ้านยางปู่โต๊ะ อยู่ใกล้กับศูนย์วิจัยสัตว์ป่าเชียงดาว การใช้บริการแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก “บ่อน้ำร้อนฟรี” เป็นบ่อซีเมนต์ 5 บ่อ ติดกับลำห้วยแม่ก๊ะ จะเลือกแช่น้ำร้อน หรือเล่นน้ำเย็นได้หมด ส่วนที่ 2 เป็นบ่อส่วนตัว ที่ต้องเสียเงินค่าบริการ ชม. ละ 50 บาท มองวิวหมู่บ้านไป นั่งแช่น้ำไปเพลินๆ ก็ชิลล์ใช้ได้ แต่แนะนำถ้าอยากลงบ่อส่วนตัว ให้โทรไปจองคิวก่อน ไม่งั้นคิวเต็มแน่ๆ หรือถ้าใครไม่อยากแช่น้ำ แต่อยากนั่งพักผ่อนชิลล์ๆ ก็ย่อมได้ เพราะที่นี่ร่มรื่น และมีความเป็นธรรมชาติสูง ถือเป็นจุดหมายลับที่น่าสนใจเลยทีเดียว แผนที่ ที่กิน หากนึกถึงร้านดังใน อ. เชียงดาว คงหนีไม่พ้น “ร้านปูอลาสก้า เชียงดาว” เนื่องจากเจ้าของเป็นเชฟชื่อดัง ที่ทำงานในสหรัฐอเมริกามากกว่า 20 ปี และยังได้รางวัลทางด้านอาหารอีกมากมาย ที่นี่เน้นวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ราคาอาจแพงหน่อยแต่ได้วัตถุดิบที่ดี เนื่องจากทางร้านสั่งนำเข้ามาเองเกือบทั้งหมด ผมสั่งส้มตำถาด, กุ้งราดซอสมะขาม, ต้มยำทะเล และข้าวผัดปู รสชาติดีมาก ไม่จัดจ้านเกินไป เน้นดึงรสชาติของวัตถุดิบเป็นหลัก แนะนำให้สอบถามปริมาณก่อนสั่ง ไม่งั้นจะทานไม่หมดเหมือนผม ที่นอน สมัยก่อนใครที่มาเที่ยวยังดอยแม่โถ หากต้องการค้างแรมจะต้องกางเทนท์ หรือจองห้องพักที่อุทยานฯ แม่โถ เท่านั้น เพราะรอบๆ บริเวณหมู่บ้านไม่มีที่พัก แต่มาปีนี้เริ่มมีที่พักเกิดขึ้นแล้ว 2-3 แห่ง ผมเลือกพัก “พักกาย ณ บ้านกอฮาย แม่โถ” เนื่องจากมีวิวที่สวยงาม มีน้ำ และไฟตลอด 24 ชม. แถมมีแอร์ ทีวี ตู้เย็น และเครื่องทำน้ำอุ่นอีกด้วย ในราคาเริ่มต้นที่ 800 บาทเท่านั้น ขอขอบคุณ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เอื้อเฟื้อรถยนต์ในการเดินทาง