ระเบียงรถใหม่
MERCEDES-BENZ GLC SUV รุ่นที่ 2 ของครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี ระดับสุดหรูยอดนิยม
รถกิจกรรมกลางแจ้งสายพันธุ์เยอรมันอีกแบบหนึ่งที่กำลังนำเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังในเดือนนี้ เป็นผลงานใหม่ของค่าย “ดาวสามแฉก” ซึ่งเพิ่งเปิดเผยโฉมหน้า และรายละเอียดต่างๆ ผ่านระบบออนไลน์ เมื่อวันพุธที่ 1 มิถุนายน 2022 และมีกำหนดเริ่มการจำหน่ายไม่กี่เดือนหลังจากนั้น
MERCEDES-BENZ GLC (เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลซี) เป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ระดับหรูขนาดเล็กกะทัดรัด อย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า COMPACT LUXURY CROSSOVER SUV และเป็นรถกิจกรรมกลางแจ้ง 5 ประตู 5 ที่นั่ง ซึ่งมีพื้นฐานมาจากรถเก๋ง MERCEDES-BENZ C-CLASS (เมร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาสส์) ซึ่งเป็นรถยอดนิยมของค่าย “ดาวสามแฉก” รถอนุกรมนี้แยกเป็น 2 อนุกรมย่อย คือ MERCEDES-BENZ GLC SUV (เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลซี เอสยูวี) ซึ่งเป็นรถตัวถังทรง 2 กล่อง ที่ส่วนท้ายค่อนข้างตั้งชันเหมือนรถ เอสยูวี ทั่วไป กับ MERCEDES-BENZ GLC COUPE (เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลซี คูเป) ซึ่งเป็นรถที่ตัวถังส่วนท้ายลาดเอียงเหมือนรถเก๋งคูเป
MERCEDES-BENZ GLC SUV รุ่นแรก เปิดตัวที่งานมหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ทในเยอรมนีเมื่อเดือนกันยายน 2015 และเริ่มเข้าสู่สายการผลิตปลายปีเดียวกัน ในฐานะตัวตายตัวแทนของรถรุ่นดั้งเดิมซึ่งติดป้ายชื่อ MERCEDES-BENZ GLK-CLASS (เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลเค-คลาสส์) มีขนาดตัวถังยาว 4.656 ม. กว้าง 1.890 ม. และสูง 1.639 ม. เป็นรถขับเคลื่อนทุกล้อ ที่มีให้เลือกใช้ทั้งเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล รถรุ่นนี้ได้รับการปรับปรุงแบบ FACELIFT หรือ “ยกหน้า” เพียงครั้งเดียวเมื่อต้นปี 2019 เป็นการปรับปรุงซึ่งทำให้ขนาดตัวถังเปลี่ยนไปเล็กน้อย คือ เพิ่มความยาวเป็น 4.656 ม. และเพิ่มความสูงเป็น 1.644 ม. แต่ความกว้างคงเดิม ส่วน MERCEDES-BENZ GLC COUPE ตามมาตอนปลายปี 2016 ในตัวถังขนาดใกล้เคียงกัน คือ ยาว 4.732 ม. กว้าง 1.890 ม. และสูง 1.602 ม. การปรับปรุงแบบ “ยกหน้า” ก็มีขึ้นครั้งเดียวเช่นกัน เมื่อกลางปี 2019
ส่วนรถที่กำลังอวดรูปโฉมอยู่นี้ เป็น MERCEDES-BENZ GLC SUV รุ่นที่ 2 เพิ่งเปิดตัวเมื่อวันแรกของเดือนมิถุนายน 2022 ดังที่กล่าวไปแล้ว (ส่วนรถ MERCEDES-BENZ GLC COUPE รุ่นที่ 2 ต้องรออีกหน่อย เพราะมีกำหนดเปิดตัวในปี 2023) รถรุ่นใหม่นี้มีตัวถังยาว 4.716 ม. กว้าง 1.890 ม. และสูง 1.640-1.648 ม. คือ ยาวขึ้นถึง 6.0 ซม. แต่กว้างเท่าเดิมเมื่อเทียบกับตัวถังของรถรุ่นก่อน ส่วนค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศซึ่งบ่งบอกความลื่นลม ก็ลดค่าต่ำสุดจาก 0.31 เป็น 0.29 รูปทรงองค์เอวและรายละเอียดของตัวถังภายนอก พอสังเกตได้ว่า เป็นผลลัพธ์ของการออกแบบในลักษณะ EVOLUTIONARY (เอโวลูชันนารี) หรือวิวัฒนาการ คือเปลี่ยนแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่ในลักษณะ REVOLUTIONARY (เรโวลูชันนารี) หรือปฏิวัติ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างถอนรากถอนโคน
เมื่อมองตรงๆ จากด้านหน้า จุดเปลี่ยนที่เห็นได้ชัด คือ แผงกระจังหน้าซึ่งมีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมกับลดแถบคาดตามนอนจาก 2 แถบเป็นแถบเดียว แต่เมื่อมองจากด้านหลัง จุดเปลี่ยนสำคัญ คือ ไฟท้ายที่ดูเรียวบางกว่าเดิมมาก ส่วนภายในห้องโดยสารซึ่งติดตั้งเก้าอี้ที่นั่ง 2 แถว นั่งได้รวม 5 คน (2+3) ข้อได้เปรียบสำคัญของรถรุ่นใหม่นี้ คือ ความจุของห้องเก็บของท้ายรถ ซึ่งเพิ่มจาก 550 ลิตร เป็น 620 ลิตร คือ จุขึ้นถึง 70 ลิตร ที่สมควรบอกกล่าวกันไว้ด้วยก็คือ มีอุปกรณ์ทางเทคนิครายการหนึ่งที่ไม่เคยพบเคยเห็นกันมาก่อนในรถรุ่นเดิม แต่มีให้เลือกใช้เป็นออพชันพิเศษในรถรุ่นนี้ คือ REAR-WHEEL STEERING หรือระบบบังคับเลี้ยวด้วยล้อหลัง ซึ่งทำมุมสูงสุด 4.5 องศา และช่วยลดศูนย์กลางวงเลี้ยว จาก 11.8 เป็น 10.9 ม.
คนรักรถในเยอรมนี มีโอกาสเลือกรถรุ่นใหม่นี้ได้อย่างหลากหลาย เพราะมีรถให้เลือกถึง 6 โมเดล แยกเป็นรถติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินพร้อมระบบ MILD HYBRID หรือไฮบริดแบบอ่อน 2 โมเดล คือ MERCEDES-BENZ GLC 200 4MATIC (เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลซี 200 4 เมทิค) กับ MERCEDES-BENZ GLC 300 4MATIC (เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลซี 300 4 เมทิค) เป็นรถติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลพร้อมระบบ MILD HYBRID หรือไฮบริดแบบอ่อน 1 โมเดล คือ MERCEDES-BENZ GLC 220 D 4MATIC (เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลซี 220 ดี 4 เมทิค) และเป็นรถ PLUG-IN HYBRID หรือไฮบริดชนิดต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ 3 โมเดล คือ MERCEDES-BENZ GLC 300 E 4MATIC/MERCEDES-BENZ GLC 400 4MATIC/MERCEDES-BENZ GLC 300 DE 4MATIC ทุกโมเดลเป็นรถขับเคลื่อนทุกล้อ ซึ่งส่งกำลังเครื่องยนต์สู่ล้อผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 9G-TRONIC
รถเบนซินโมเดลเริ่มต้น MERCEDES-BENZ GLC 200 4MATIC ติดตั้งเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 1,999 ซีซี 150 กิโลวัตต์/204 แรงม้า พร้อมระบบ MILD HYBRID 48 โวลท์ 17 กิโลวัตต์/23 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 221 กม./ชม. และเมื่อวัดตามมาตรฐาน WLTP จะมีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 7.3-8.2 ลิตร/100 กม. หรือ 12.2-13.7 กม./ลิตร และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 167-186 กรัม/กม. โดยเฉลี่ย
รถเบนซิน MERCEDES-BENZ GLC 300 4MATIC ติดตั้งเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 1,999 ซีซี 190 กิโลวัตต์/258 แรงม้า พร้อมระบบ MILD HYBRID 48 โวลท์ 17 กิโลวัตต์/23 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ทำได้ใน 6.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 240 กม./ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 7.3-8.2 ลิตร/100 กม. หรือ 12.2-13.7 กม./ลิตร และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์โดยเฉลี่ย 167-186 กรัม/กม.
รถดีเซล MERCEDES-BENZ GLC 220 D 4MATIC ติดตั้งเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 1,993 ซีซี 145 กิโลวัตต์/197 แรงม้า พร้อมระบบ MILD HYBRID 48 โวลท์ 17 กิโลวัตต์/23 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ทำได้ใน 8.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 219 กม./ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 5.2-5.9 ลิตร/100 กม. หรือ 16.9-19.2 กม./ลิตร และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 136-155 กรัม/กม. โดยเฉลี่ย
รถไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊ก MERCEDES-BENZ GLC 300 E 4MATIC ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง 1,999 ซีซี 150 กิโลวัตต์/204 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า 100 กิโลวัตต์/136 แรงม้า และแบทเตอรี LITHIUM-ION ขนาดความจุรวม 31.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง ได้กำลังรวมสูงสุด 230 กิโลวัตต์/313 แรงม้า รถโมเดลนี้ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 6.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 218 กม./ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 0.6-0.8 ลิตร/100 กม. หรือ 125-167 กม./ลิตร และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 14-19 กรัม/กม. โดยเฉลี่ย กรณีชาร์จไฟเต็ม และวัดตามมาตรฐาน WLTP รถจะวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ได้ไกล 104-120 กม. แต่ความเร็วสูงสุดจะลดเป็น 140 กม./ชม.
รถไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊ก MERCEDES-BENZ GLC 400 E 4MATIC ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง 1,999 ซีซี 185 กิโลวัตต์/252 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า 100 กิโลวัตต์/136 แรงม้า และแบทเตอรี LITHIUM-ION ขนาดความจุรวม 31.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง ได้กำลังรวมสูงสุด 280 กิโลวัตต์/381 แรงม้า รถโมเดลนี้ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 5.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 237 กม./ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 0.6-0.8 ลิตร/100 กม. หรือ 125-167 กม./ลิตร และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 14-19 กรัม/กม. โดยเฉลี่ย กรณีชาร์จไฟเต็มรถจะวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ได้ไกล 104-120 กม. แต่จะทำความเร็วสูงสุดได้เพียง 140 กม./ชม.
สุดท้าย คือ รถไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊ก MERCEDES-BENZ GLC 300 DE 4MATIC ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบเรียง 1,993 ซีซี 145 กิโลวัตต์/197 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า 100 กิโลวัตต์/136 แรงม้า และแบทเตอรี LITHIUM-ION ขนาดความจุรวม 31.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง ได้กำลังรวมสูงสุด 245 กิโลวัตต์/335 แรงม้า โมเดลนี้ ใช้เวลา 6.4 วินาที ในการทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. และทำความเร็วสูงสุด 217 กม./ชม. เป็นรถที่ประหยัดสุดๆ มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 0.5-0.7 ลิตร/100 กม. หรือ 143-200 กม./ลิตร ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 13-17 กรัม/กม. โดยเฉลี่ย และวิ่งได้ไกล 102-117 กม. เมื่อชาร์จไฟเต็ม แต่ความเร็วสูงสุดจะลดเป็น 140 กม./ชม. เช่นกัน
ยอดผู้ผลิตรถหรูของเมืองเบียร์บอกว่า รถรุ่นใหม่นี้จะมีฐานผลิตหลัก 3 แห่ง คือ ที่เมือง BREMEN (บเรเมน) และเมือง SINDELFINGEN (ซินเดลฟิงเกน) ในเยอรมนี กับที่กรุงปักกิ่งในสาธารณรัฐประชาชนจีน
MERCEDES-BENZ GLC SUV
รถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ระดับหรูขนาดกะทัดรัด ขับเคลื่อนทุกล้อ
มิติตัวถัง 4.716x1.890x1.640-1.648 ม. สัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศต่ำสุด 0.29
เครื่องเบนซิน 1,999 ซีซี 150-190 กิโลวัตต์/204-258 แรงม้า พร้อมระบบ MILD HYBRID
เครื่องดีเซล 1,993 ซีซี 145 กิโลวัตต์/197 แรงม้า พร้อมระบบ MILD HYBRID
เครื่องเบนซิน/ดีเซล พร้อม PLUG-IN HYBRID 145-185 กิโลวัตต์/197-252 แรงม้า
ABOUT THE AUTHOR
ช
ชูศักดิ์ ชมจินดา
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิตนิตยสาร 399 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2565
คอลัมน์ Online : ระเบียงรถใหม่
คำค้นหา