รถโมเดลพิเศษ PORSCHE 911 SPORT CLASSIC (โพร์เช 911 สปอร์ท คลาสสิค) ที่กำลังอวดรูปทรงองค์เอวอยู่นี้ จึงนับนิ้วได้ว่าเป็นรถโมเดลที่ 23 และเป็นรถที่ยอดผู้ผลิตรถสปอร์ทของเมืองเบียร์ทำขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกและได้แรงบันดาลใจจากรถ PORSCHE 911 CARRERA RS 2.7 (โพร์เช 911 คาร์เรรา อาร์เอส 2.7) ซึ่งเป็นรถรุ่นปี 1972 ที่โด่งดังมากในอดีต รวมทั้งเป็นลำดับที่ 2 ของรถรหัส 992 โมเดลพิเศษ รวม 4 โมเดล ที่ค่ายนี้ตั้งใจจะผลิตจำหน่าย โดยตกแต่งสไตล์เดียวกันกับรถในอดีต รถลำดับแรกซึ่งจำกัดจำนวนผลิต 992 คัน เปิดตัวไปก่อนแล้วเมื่อกลางปี 2020 พร้อมกับป้ายชื่อ PORSCHE 911 TARGA 4S HERITAGE DESIGN EDITION (โพร์เช 911 ทาร์กา 4 เอส เฮอริเทจ ดีไซจ์น เอดิชัน)
ไม่ใช่รถที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งคัน แต่ดัดแปลงจากรถรุ่นสามัญ คือ PORSCHE 911 TURBO COUPE (โพร์เช 911 เทอร์โบ คูเป) ซึ่งเริ่มจำหน่ายในเมืองเบียร์เมื่อปลายปี 2020 ตัวถังยาว 4.535 ม. กว้าง 1.900 ม. และสูง 1.299 ม. ซึ่งมีช่วงฐานล้อยาว 2.450 ม.และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.35 มีรายละเอียดมากมายทั้งภายนอกและภายในไม่เหมือนกับรถซึ่งเป็นที่มา อย่างไรก็ตาม กล่าวได้ว่าจุดสำคัญอยู่ 3 จุด ที่ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนในความแตกต่างจากรถโมเดลอื่นๆ คือ DOUBLE-BUBBLE ROOF หรือหลังคาที่มีรูปลักษณ์เหมือนฟองอากาศคู่ กระทะล้ออัลลอยที่ออกแบบขึ้นเป็นพิเศษ และสปอยเลอร์ท้ายซึ่งมีรูปลักษณ์เหมือน DUCKTAIL หรือหางเป็ด สไตล์เดียวกันกับรถที่ให้แรงบันดาลใจ คือ PORSCHE 911 CARRERA RS 2.7 ที่กล่าวข้างต้น
เป็นรถขับเคลื่อนล้อหลัง ด้วยพลังของเครื่องยนต์ไบเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง 6 สูบนอนยัน BOXER (บอกเซอร์) 24 วาล์ว ความจุ 3,745 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 405 กิโลวัตต์/550 แรงม้า ที่ 6,750 รตน.ให้แรงบิดสูงสุด 600 นิวตัน-เมตร/61.2 กก.-ม. ที่ 2,000-6,000 รตน. และถ่ายทอดกำลังสู่ล้อผ่านระบบเกียร์ธรรมดา 7 จังหวะ
สมรรถนะความเร็วตามตัวเลขของผู้ผลิต อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 4.1 วินาที อัตราเร่ง 0-200 กม./ชม. ทำได้ใน 12.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 315 กม./ชม. และเมื่อวัดตามมาตรฐาน WLTP จะมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 12.6 ลิตร/100 กม. หรือ 7.9 กม./ลิตร และมีอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 285 กรัม/กม. โดยเฉลี่ย
ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 19 ของเยอรมนี เริ่มต้นที่ 281,758 ยูโร หรือประมาณ 10.4 ล้านบาทไทย คือ แพงกว่ารถ PORSCHE 911 TURBO ซึ่งเป็นที่มาถึงร้อยละ 42

