มาตรวัดตลาดรถ
เมื่อผู้นำกำลังจะกลายเป็นผู้ตาม
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2023/2022
ตลาดโดยรวม -3.9 %
รถยนต์นั่ง +10.1 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) +43.0 %
กระบะ 1 ตัน -18.8 %
รถเพื่อการพาณิชย์ -10.1 %
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2023/2022
ตลาดโดยรวม -4.7 %
รถยนต์นั่ง +3.9 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) +14.8 %
กระบะ 1 ตัน -14.4 %
รถเพื่อการพาณิชย์ +3.7 %
ในขณะนี้ รถยนต์สัญชาติจีนได้รับการต้อนรับอย่างน่าแปลกใจในตลาดไทยเป็นอย่างมาก เป็นเวลากว่า 60 ปี ที่เรารับรู้ถึงความเข้มแข็งของค่ายรถญี่ปุ่น หลังจากค่ายรถญี่ปุ่น เอาชนะค่ายรถยุโรปในไทย อย่างราบคาบ
ค่ายรถญี่ปุ่นก็ได้สถาปนาการตลาด การผลิตอย่างแข็งแกร่ง จนไทยแลนด์ กลายเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกลำดับต้นๆ ของค่ายรถญี่ปุ่น หากใครติดตาม การพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยนั้น เรามีพัฒนาการล้อไปกับภาคอุตสาหกรรมญี่ปุ่น และมีบทบาทอย่างมากต่อความเป็นไปของรถยนต์ญี่ปุ่น กลยุทธ์ตลาดในระดับโลกของรถยนต์ญี่ปุ่นเกี่ยวเอาไทยไปวางไว้ในฟันเฟืองด้วยส่วนหนึ่ง
ยุคแรกของการพัฒนารถญี่ปุ่นนั้น เริ่มจากการผลิตรถยนต์ในประเทศ ขั้นตอนการออกแบบ วิจัยพัฒนาทำในประเทศ จากนั้นญี่ปุ่นเริ่มส่งออกรถจากญี่ปุ่นไปยังตลาดต่างประเทศ ต่อมาขีดความสามารถในการผลิตของญี่ปุ่น โดยเฉพาะต้นทุนแรงงานสูงขึ้น ทำให้ญี่ปุ่นต้องหาแหล่งประกอบรถนอกประเทศ ส่วนนี้มีไทยเป็นพาร์ทเนอร์ สำคัญจากการที่ญี่ปุ่นย้ายฐานการผลิตรถกระบะ เข้ามายังไทย ยุคนี้ถือเป็นการพัฒนา อีพี 2 ของญี่ปุ่น แม้จะมีการประกอบนอกญี่ปุ่น แต่งานวิจัย และพัฒนา ยังอยู่ที่ญี่ปุ่น
ต่อมาญี่ปุ่นเริ่มย้ายงานวิจัย และพัฒนาออกนอกประเทศ มีการประกอบรถ รวมถึงให้ประเทศที่เป็นฐานการประกอบ สามารถส่งออกรถไปขายยังต่างประเทศได้ ซึ่งทำให้ยอดการส่งออกรถยนต์จากฐานการผลิตในไทยเพิ่มขึ้นอย่างมาก
พัฒนาการของรถยนต์ญี่ปุ่น หยุดลง ณ เวลานี้ ก่อนที่จะเกิดการบูมของรถยนต์แบทเตอรีทั่วโลก
ในอดีต รัฐบาลไทยกำหนดนโยบายเพื่อดึงดูดการลงทุนการผลิตรถยนต์ แน่นอนว่า ผู้ลงทุนหลักตามนโยบายนี้ คือ ค่ายรถญี่ปุ่น ในทางกลับกัน ในฐานะประเทศผู้บริโภค รถที่คนไทยใช้ กว่า 90 % เป็นรถญี่ปุ่น อีกมุมหนึ่ง นโยบายเกี่ยวกับอุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยเกิดขึ้นจากการลอบบีของฝั่งญี่ปุ่นนั่นเอง โดยมีหัวเรือใหญ่ค่ายญี่ปุ่น ที่มีสายสัมพันธ์ที่ดีในทุกระดับ 2-3 ค่าย เป็นผู้อยู่เบื้องหลังงานที่สำเร็จของรถญี่ปุ่น
ในขณะที่รถยนต์จากจีน อดีตจีนไม่ได้แข็งแกร่งในด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ ในช่วงที่ญี่ปุ่นรุ่งโรจน์ จีนไม่มีความพยายามในการทำตลาดนอกประเทศ เพราะ ยังสาละวนอยู่กับปัญหาหนัก 2-3 ประการ เช่น คุณภาพรถยนต์ไม่เป็นที่ยอมรับ รูปแบบรถจีนยังเป็นรถกอพพี จีนจึงใช้เวลาหลาย 10 ปี ยกมาตรฐานคุณภาพการผลิต และการออกแบบใหม่หมด นอกจากนี้ ตลาดจีนยังมีความต้องการรถเพิ่มขึ้น จากการเติบโตของเศรษฐกิจ ทำให้ผู้ผลิตจีนต้องเพิ่มปริมาณการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการภายในเป็นอันดับแรก จีนยังมีปัญหาภาพพจน์ของประเทศที่ผลิตสินค้าคุณภาพต่ำ แน่นอนว่าส่งผลกระทบต่อภาพพจน์สินค้ารถยนต์ ในแง่ของความไว้วางใจรถจีนก็แทบไม่มี
ญี่ปุ่นในไทยนั้นมีความสุขดีกับตลาด ญี่ปุ่นขายรถทำกำไรได้มาก แม้รถญี่ปุ่นมีคุณภาพเชื่อถือได้ แต่ล้วนใช้เทคโนโลยีต่ำ ออพชันน้อย อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคต้องจ่ายเพราะมีทางเลือกน้อย รถหลักที่ญี่ปุ่นขาย ใช้เทคโนโลยีเดิมที่พัฒนามากว่า 20 ปี วัสดุประกอบภายในราคาถูก การเปลี่ยนรุ่นแต่ละครั้ง เปลี่ยนแปลงแค่แพคเกจภายนอก เอนจิเนียริงเดิม นี่คือความย่ามใจของรถญี่ปุ่น และเปิดช่องว่างให้ค่ายรถยนต์จากจีน
จีนใช้เวลาไม่นานในการแก้ปัญหา ภายในเพียง 10 กว่าปี จีนก็พร้อมขยายการลงทุนไปทั่วโลก
10 ปีที่แล้ว รถจีนค่ายแรกเข้ามาไทย แม้จะซ่อนตัวอยู่ในร่างเงาของบแรนด์รถยุโรป แต่ผู้ถือหุ้น วิถีการตลาด การลงทุน มาจากจีน ซึ่งจีนเริ่มจำหน่ายรถด้วยการนำเสนอภาพพจน์ รถที่ติดตั้งเทคโนโลยีใหม่ ออพชันเต็ม วัสดุคุณภาพสูง สินค้ามีทั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน และรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเทคโนโลยีไฟฟ้า คือ อาวุธสำคัญของจีน ในขณะที่รถญี่ปุ่นอ่อนแอ
รถจีนขาดเพียงสิ่งเดียว คือ ความน่าเชื่อถือ จุดอ่อนจุดเดียวของรถยนต์จากจีนที่ต้องพึ่งพาเวลาในการพิสูจน์ เป็นสำคัญ
ทัพใหญ่ของรถยนต์จีนกำลังเคลื่อน รถจีนพร้อมรบทุกที่ ส่วนรถญี่ปุ่นยังเชื่อว่า สิ่งที่นำเสนอในตลาดนั้นเหมาะสมกับรายได้ พฤติกรรม และความต้องการใช้รถของผู้บริโภคชาวไทย สงครามรถระหว่างจีน-ญี่ปุ่น ในตลาดไทย กำลังเริ่มต้นขึ้น และความเชื่อใหม่ๆ กำลังจะได้รับการพิสูจน์ในอนาคตอันใกล้
ABOUT THE AUTHOR
จ
จอมยุทธ
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2566