เดือนก็เปลี่ยนไปแล้ว ปีก็เปลี่ยนไปแล้ว รัฐบาลก็เปลี่ยนไปแล้ว แต่ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างในประเทศด้ามขวานที่ยังไม่ยอมเปลี่ยน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เปลี่ยนไปแล้วก็พอมีอยู่บ้างไม่ใช่ไม่มีเลย ตัวอย่าง คือ รถพลังไฟฟ้าตามท้องถนน ที่มีจำนวนมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เดือนนี้จึงเป็นอีกเดือนหนึ่ง ที่ “ระเบียงรถใหม่”นำเรื่องราวของรถพลังไฟฟ้ามาเล่าสู่กันฟัง ไม่ใช่รถพลังไฟฟ้าสายเลือดมังกร ที่มีมากจนแทบจะวิ่งชนกันตายในประเทศไทย แต่เป็นรถอเมริกันพันธุ์แท้ที่ใกล้จะสูญพันธุ์จากบ้านเรา เป็นผลงานของผู้ผลิตรถยนต์ระดับยักษ์ 2 ราย คือ ยักษ์ใหญ่ GM หรือ GENERAL MOTORS COMPANY (เจเนอรัล มอเตอร์ส คัมพานี) กับยักษ์รอง FORD MOTOR COMPANY (ฟอร์ด มอเตอร์ คัมพานี)
เปิดระเบียงด้วย HAND BUILT CAR หรือรถผลิตด้วยมือ ติดป้ายชื่อ CADILLAC CELESTIQ (แคดิลแลค เซเลสติค) ซึ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2022 แต่ต้องรออีกกว่า 1 ปี คือ เมื่อเดือนธันวาคม 2023 นี่เอง จึงเริ่มการผลิต โดยใช้ศูนย์เทคนิคหลักของค่ายนี้ คือ GM GLOBAL TECHNICAL CENTER ซึ่งตั้งอยู่ที่เมือง WARREN (วอร์เรน) ในรัฐ MICHIGAN (มิชิแกน) และมีพนักงานมากกว่า 22,000 คน เป็นฐานการผลิต ก่อนหน้านี้ ศูนย์เทคนิคดังกล่าวใช้เป็นสถานที่ผลิตเฉพาะ CONCEPT CAR หรือรถแนวคิด และ SHOW CAR หรือรถเพื่อแสดง เท่านั้น
กระบวนการผลิต และจำหน่ายรถแบบนี้ แตกต่างจากรถร่วมค่ายร่วมเครือแบบอื่นๆ เป็นการผลิต และจำหน่ายอย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษสไตล์อเมริกันว่า BY INQUIRY ONLY คือ จะผลิตเมื่อมีผู้สั่งซื้อแล้วเท่านั้น นอกจากนั้นยังเป็นรถที่มีลักษณะอย่างที่กล่าวในภาษาอังกฤษว่า NO TWO WILL BE ALIKE คือ จะไม่มีรถ 2 คันที่เหมือนกันหมด เพราะรถแต่ละคันจะตกแต่ง และทำรายละเอียดของตัวถังตามรสนิยม และความต้องการของผู้ซื้อ ที่ยอมจ่ายเงิน 340,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 12.0 ล้านบาทไทย ซึ่งคาดกันว่าจะเป็นค่าตัว MSRP (MANUFACTURER’S SUGGESTED RETAIL PRICE) หรือ “ราคาขายปลีกที่ผู้ผลิตแนะนำ” เพื่อจะได้เป็นผู้ครอบครองรถแบบนี้ เป็นรถที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า FULL-SIZE LUXURY CAR หรือเรียกเป็นภาษาไทยสไตล์ “สื่อสากล” ว่า “รถระดับหรูขนาดโตเต็มพิกัด” (ใช้เวลาอยู่นานในการค้นหาขนาดความยาว ความสูง และความกว้าง แต่ยังหาไม่พบ) ออกแบบ/พัฒนาโดยใช้พแลทฟอร์มที่ค่ายนี้เพิ่งพัฒาขึ้นใหม่เพื่อใช้กับรถพลังไฟฟ้า และตั้งชื่อว่า ULTIUM PLATFORM (อัลเทียม พแลทฟอร์ม) หน้าตา และรูปทรงองค์เอวตัวถังซึ่งไม่เหมือน หรือแม้แต่คล้ายคลึงกับรถแบบใดที่ค่ายนี้เคยผลิต เป็นผลงานรังสรรค์ของ MAGALIE DEBELLIS (มาฌารี เดเบญิส) ศิลปิน และนักออกแบบอุตสาหกรรมชาวฝรั่งเศส ผู้เป็นหัวหน้าทีมออกแบบ CADILLAC ADVANCED DESIGN และเป็นผู้เคยอวดฝีมือมาก่อนแล้ว ในการออกแบบรถเอสยูวี CADILLAC LYRIQ (แคดิลแลค ไลริค) ซึ่งเป็นรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ แบบแรกในประวัติศาสตร์ของค่ายนี้
เป็นรถที่พรั่งพร้อมไปด้วยอุปกรณ์ และระบบการทำงานไฮเทค ตัวอย่างเช่น ALL-WHEEL STEERING หรือระบบบังคับเลี้ยวทุกล้อ ที่ล้อคู่หลังจะเลี้ยวได้สูงสุดเป็นมุม 3.5 องศา ADAPTIVE AIR SUSPENSION หรือระบบรองรับแบบลมที่ปรับสภาพได้เองตามลักษณะการขับ ACTIVE ROLL CONTROL ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทรงตัวขณะวิ่งเลี้ยว และ ELECTRIC POWER STEERING หรือระบบบังคับเลี้ยวควบคุมการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า
ส่วนระบบขับที่ใช้ เป็นระบบขับทุกล้อด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด ให้กำลังรวมสูงสุดประมาณ 478 กิโลวัตต์/600 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรี LITHIUM-ION (ลิเธียม-ไอออน) ขนาดความจุ 111 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งการชาร์จไฟแบบเร่งด่วนด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC) 200 กิโลวัตต์ ณ สถานีชาร์จไฟ เพื่อให้รถวิ่งได้ไกล 78 ไมล์ หรือประมาณ 125 กม. จะใช้เวลาเพียง 10 นาที และเมื่อชาร์จไฟเต็มรถจะวิ่งได้ไกลถึง 300 ไมล์ หรือประมาณ 483 กม.
นับเป็นหนึ่งในรถสายพันธุ์อเมริกันขนาดใหญ่ที่วิ่งได้เร็วสุดๆ อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ทำได้ในเวลาแค่ 3.8 วินาที
CADILLAC CELESTIQ
รถเก๋งแฮทช์แบคระดับหรูขนาดใหญ่ สายพันธุ์อเมริกัน
บังคับเลี้ยวทุกล้อ ขับเคลื่อนทุกล้อด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ
มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด กำลังรวม 478 กิโลวัตต์/600 แรงม้า
แบทเตอรี 111 กิโลวัตต์ชั่วโมง ระยะเดินทางเมื่อชาร์จไฟเต็ม 483 กม.
ราคาในสหรัฐอเมริกา 340,000 เหรียญ (ประมาณ 12.0 ล้านบาทไทย)