ขอบถนน
มือถือ
การพัฒนาเทคโนโลยีในด้านต่างๆ ที่มนุษย์คิดค้นขึ้นมาส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์เพื่อสนองตอบความต้องการที่หลากหลายรูปแบบไร้ขีดจำกัดนั่นเอง และเทคโนโลยีเหล่านั้น ก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์นอกเหนือจากปัจจัย 4 ที่จำเป็นพื้นฐานไปเสียแล้ว กล่าวได้ว่าแทบจะขาดกันเสียไม่ได้แล้วในชีวิตนี้ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์คอมพิวเตอร์ ซีดี ดีวีดี และโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น
โทรศัพท์เคลื่อนที่หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า "มือถือ" ซึ่งก็ไม่ได้หมายความเสมอไปว่าจะต้องใช้มือของตัวเองถือวัตถุชนิดใดชนิดหนึ่งเอาไว้ เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วจากเมื่อสัก 10 กว่าปีก่อนที่โทรศัพท์เริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของประชากรคนไทยเป็นครั้งแรก ในยุคแรกน่าจะใช้คำว่า "มือหิ้ว" น่าจะเหมาะกว่า เพราะไปไหนมาไหนทีก็ต้องหอบหิ้วกันไปเนื่องจากมีขนาดที่ใหญ่ระดับกระเป๋าเอกสารใบย่อมๆ แถมมีน้ำหนักไม่เบาเสียด้วย แต่เอาเถอะนั่นก็เป็นของสุดหรู สุดเท่แล้วยังมีคนใช้ไม่มากนักเพราะราคาสูงเอาการอยู่ ต่อมาก็มีการพัฒนาให้มีขนาดย่อมเยาขึ้นจนถึงปัจจุบันที่บางยี่ห้อบางรุ่นบางเบาอย่างกับของจำเป็นในรอบ 30 วันที่สุภาพสตรีจำเป็นต้องใช้กันเลยทีเดียวบางรุ่นบางยี่ห้อมีฟังค์ชันการทำงานที่หลากหลายสารพัดรูปแบบ ที่ทั้งนักธุรกิจรายใหญ่รายย่อยจำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันกันเลยทีเดียว ส่วนสนนราคาก็มีกันตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักแสนหลักล้านกันเลยทีเดียว ช่องทางการจำหน่ายก็มีทั้งควักเงินสดซื้อกันไปเลย หรือจะเอาแบบทยอยผ่อนกันเป็นรายเดือน รายวัน ฟรีดอกเบี้ย ไม่ต้องวางเงินดาวน์ แหมทำยังกับแคมเปญโพรโมชันรถยนต์กันเลยยังไงยังงั้น
ส่วนการชำระค่าบริการนั้น ก็มีโพรโมชันพิเศษเช่นเดียวกัน แถมยังมีการแข่งขันทางด้านการตลาดกันอย่างสูงไม่แพ้ตลาดรถยนต์กันเลยทีเดียว มีให้เลือกทั้งชำระค่าบริการเป็นรายเดือน หรือที่โดนใจผู้ใช้มากที่สุดในตอนนี้ก็เห็นจะเป็นการใช้บัตรเติมเงิน ที่สะดวกหาซื้อได้ทั่วไปไม่ว่าจะเป็นร้านสะดวกซื้อ หรือแม้กระทั่งร้านขายของชำโชว์ห่วยทั่วไป ราคาก็มีให้เลือกกันตามความสะดวกของกำลังเงินในกระเป๋าสตางค์ ส่วนค่าบริการก็มีให้เลือกกันหลายรูปแบบ
และด้วยการเป็นสิ่งที่อำนวยความสะดวกในการติดต่อสื่อสารนี้เอง โทรศัพท์มือถือจึงได้กลายเป็นทั้งสิ่งจำเป็น และเป็นแฟชันสุดฮิทไปในที่สุด ทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ พ่อค้าแม่ค้า พ่อบ้านแม่บ้าน คนทำงานอิสระ มนุษย์เงินเดือน นักเรียนนิสิตนักศึกษาไปจนถึงเด็กประถม จึงทำตัวเป็นคนทันสมัยอินเทรนด์กันไปเป็นแถว ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเอาเป็นว่าถ้าจับคนมายืนเข้าแถวกันสัก 10 คน รับรองว่า 9 ใน 10 คนจะต้องมีโทรศัพท์มือถือใช้ บางคนไม่ได้มีแค่เครื่องเดียวเสียด้วย เอากะพ่อสิ ไม่รู้มันจะจำเป็นอะไรกันนักกันหนาถึงต้องมีทีละ 2 -3 เครื่อง ทั้งที่หูก็มีอยู่แค่เพียง 2 หู ระบบแบ่งแยกประสาทของคนพวกนี้สุดยอดทีเดียว
คุณสมบัติที่สำคัญของโทรศัพท์มือถือ ก็อย่างที่เห็นกันอยู่ ทำให้สามารถติดต่อสื่อสารถึงกันได้แทบจะทุกสถานที่ ทุกเวลา ไม่เลือกกาลเทศะเสียด้วย และยังมีบริการเสริมให้เลือกใช้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเปลี่ยนเสียงสัญญาณโทรศัพท์เข้าเป็นเสียงเพลง เสียงพูด หรือเสียงสัญญาณต่างๆ ตามแต่ผู้ให้บริการเสริมจะสรรหามาให้ได้ใช้กัน
เมื่อว่ากันถึงคุณสมบัติแล้วก็ต้องว่ากันถึงเรื่องโทษสมบัติกันด้วย เพราะสิ่งใดที่มีคุณอนันต์ก็ต้องมีโทษมหันต์ด้วยเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ใครจะคาดคิดว่าโทรศัพท์มือถือก็เป็นตัวล่ออันตรายให้เข้ามาถึงตัวผู้เป็นเจ้าของได้แต่ก็เป็นไปแล้ว และเป็นมากเสียด้วย หลายคนคงเคยได้ยินได้ฟังมาบ้าง จากข่าวสารทางหน้าหนังสือพิมพ์ และโทรทัศน์ ภัยอันแรกที่มาถึงตัว ซึ่งมีปฐมเหตุมาจากการใช้โทรศัพท์มือถือนี้ ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นแก่เด็ก วัยรุ่นและสุภาพสตรีซึ่งถือกันว่าเป็นเพศที่อ่อนแอ อ่อนไหว ไม่ปรารถนาความรุนแรง (เท่าใดนัก) ทำให้มักจะตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพที่ประสงค์ในทรัพย์ แต่ไม่ประสงค์จะออกนามหรือทำมาหากินอย่างสุจริต วิธีแบบสามัญชนทั่วไป จึงทำให้เกิดคดีชิงทรัพย์ที่เป็นโทรศัพท์มือถือกันอยู่บ่อยครั้ง และบางครั้งก็ใช้วิธีการรุนแรงทำร้ายเจ้าทรัพย์จนถึงขั้นบาดเจ็บ เลือดตกยางออกกันเลยทีเดียวฉะนั้นผู้ที่ใช้โทรศัพท์รุ่นยอดนิยมหรือมีราคาแพงๆ ทั้งหลายพึงตั้งตนในความไม่ประมาทเวลาจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาใช้ ควรดูให้ดีเสียก่อนว่า สถานที่ที่อยู่ขณะนั้นปลอดภัยมากน้อยเพียงไรมีสายตาของผู้ไม่ประสงค์ดีจับจ้องอยู่บ้างหรือเปล่า จะได้ไม่ต้องเจ็บเนื้อเจ็บตัวกันฟรี
ภัยอย่างที่สองที่เกิดจากโทรศัพท์มือถือนี้เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในเขต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้กลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีต่อประเทศชาติบ้านเมือง ได้พลิกแพลงนำความก้าวหน้าทันสมัยของเทคโนโลยีในการติดต่อสื่อสาร มาใช้ในการลอบกัดลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐ และประชาชนตาดำๆ ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ จนบาดเจ็บล้มตายกันไม่ใช่น้อย ถึงขั้นต้องออกมาตรการจดทะเบียนโทรศัพท์มือถือโดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือที่ใช้ระบบเติมเงินเพื่อเมื่อมีเหตุการณ์ลอบวางระเบิด และจุดสวิทซ์การทำงานของระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือจะได้ติดตามสืบสาวราวเรื่องหามืออุบาทว์ที่วางระเบิดมาลงโทษตามกฎหมายบ้านเมืองกันได้
ภัยอย่างที่สาม ไม่ถึงกับทำให้เกิดเรื่องร้ายแรง แต่ก็ก่อให้เกิดความรำคาญแก่ผู้คนที่อยู่รอบข้างได้ไม่น้อยอันนี้เกิดจากความไม่ยอมรับรู้ในเรื่องของกาลเทศะอย่างแท้จริง นั่นคือ การใช้โทรศัพท์ในที่ที่ไม่ควรใช้ เช่น ในโรงภาพยนตร์ หรือในห้องประชุม ซึ่งถึงแม้จะมีการขอร้องจนถึงกับต้องเตือนว่ากรุณาปิดโทรศัพท์มือถือของท่านเสีย ก่อนที่ภาพยนตร์จะเริ่มฉาย เพื่อไม่ก่อให้เกิดความรำคาญแก่คนข้างเคียง หรือผู้เข้าร่วมประชุม บางครั้งก็ยังมีคนที่อ่านหนังสือไม่ออก ฟังภาษาไทยไม่เป็น แต่สามารถฟังภาษาต่างชาติได้ ไม่เข้าใจยังดันทุรังใช้อยู่ก็ยังมี แบบนี้น่าลองให้โหลดเสียงสัญญาณโทรศัพท์เป็นเสียงเพลงแฮพพีเบิร์ดเดย์ แล้วลองไปใช้ในงานศพดูบ้าง อาจมองเห็นสัจธรรมแห่งชีวิตขึ้นมาได้บ้าง
ภัยอย่างที่สี่ ก็คือบรรดาผู้ใช้โทรศัพท์มือถือในขณะขับรถยนต์ อันนี้เชื่ออีกเหมือนกันว่าหลายท่านคงประสบมากับตัวเองแล้ว เมื่อต้องแบ่งประสาทไปใช้ในการพูดคุยโทรศัพท์ ความสามารถในการขับขี่ยานพาหนะก็ลดลงเพราะมือข้างหนึ่งประคองพวงมาลัย อีกข้างหนึ่งไม่คอยเปลี่ยนเกียร์ก็ต้องถือโทรศัพท์ หรือไม่ก็ใช้หัวไหล่หนีบโทรศัทพ์ติดเข้ากับรูหู รถข้างหลังเขาเปิดไฟไล่ บีบแตรใส่ก็เฉย พ่อเจ้าประคุณแม่ประคุณก็ยังคุยโทรศัพท์จ้ออยู่นั่นแหละ ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวว่ารถที่ตามข้างหลังเขาจะรู้สึกอย่างไรกันบ้าง ถนนข้างหน้าก็โล่งโจ้ง แต่กว่าจะแซงบรรดาคุณๆ ท่านๆ เหล่านี้ไปได้ก็เสียเวลาเสียน้ำมัน แถมยังเสียความรู้สึกอีกต่างหาก มีปัญญาซื้อโทรศัพท์มือถือแพงๆ แต่จะเสียเงินซื้อหูฟังมาใช้ก็ไม่ได้ไม่รู้เมื่อไหร่กฎหมายห้ามใช้โทรศัพท์มือถือจะออกมาใช้อย่างจริงๆ จังๆ กันเสียที
ผลการวิจัยทั้งจากเมืองนอกเมืองนาหรือที่ไหนๆก็บ่งชี้ชัดว่าสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ขึ้นก็เพราะผู้ขับสูญเสียสมาธิในการขับรถอันเนื่องมาจากการใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถนั่นเอง
ส่วนภัยอันที่สี่ที่จะว่าถึงนี้ เป็นภัยแอบแฝงจากโทรศัพท์มือถือที่อาจเป็นสาเหตุทำให้วัยรุ่น วัยคะนองหรือวัยเด็กเล็ก เกิดอารมณ์ฟุ้งซ่าน เกิดมโนภาพที่หมิ่นเหม่ต่อศีลธรรมอันดี เกิดความหื่นขั้นต้นก่อนจะนำไปสู่จิตใจที่หมกมุ่นอยู่กับโลกีย์วิสัย
ถ้าท่านผู้อ่านสังเกตให้ดีในหนังสือพิมพ์รายวันโดยเฉพาะฉบับวันอาทิตย์จะเห็นโฆษณาบริการเสริมของการใช้โทรศัทพ์มือถือที่ให้ผู้สนใจดาวน์โหลดรูปภาพต่างๆ ลงสู่หน้าจอโทรศัพท์โดยมีภาพหญิงสาวส่วนใหญ่จะเป็นต่างชาติโดยเฉพาะหน้าตาคิกขุอาโนเน่ะแบบญี่ปุ่นในเสื้อผ้าอาภรณ์น้อยชิ้นในอิริยาบถที่ชวนให้นึกไปถึงกิจกรรมบันเทิงอย่างอื่นที่เกี่ยวเนื่องต่อไปไม่ใช่เฉพาะภาพหญิงสาวเท่านั้น แต่ภาพของหนุ่มหล่อล่ำบึ้กที่โชว์กล้ามเนื้อแข็งแรงทรงพลังแบบที่ถูกใจเพศที่สามก็มีด้วย ลงโฆษณากัน1/4 หน้าบ้างครึ่งหน้าบ้าง หรือบางฉบับที่ค่าโฆษณาถูก อาจจะมากกว่านั้นอยู่มากมาย ค่าบริการต่อครั้งก็ถูกแสนถูกเพียง 10 บาทเท่านั้น ใครจะโหลดไปดูก็ได้ไม่จำกัดอายุหรือเพศ
อย่างเราๆ ท่านๆ เชื่อว่าเคยพบเคยเห็นอะไรมากกว่านั้นมาแล้วคงไม่รู้สึกหรือเกิดอารมณ์คล้อยตามเท่าใดแต่สำหรับลูกเล็กเด็กแดงไอ้จุกไอ้แกละที่เพิ่งจะเริ่มแตกเนื้อหนุ่มเนื้อสาวกันแล้ว รูปเหล่านี้จุดประกายไฟราคะในตัวให้ลุกโชนขึ้นได้เป็นอย่างดีมันจะเป็นขั้นตอนแรกก่อนที่เด็กๆ ที่ใช้บริการรูปเหล่านี้จะพัฒนาต่อไปสู่ถึงภาพเปลือย และจนถึงภาพลามกอนาจารในที่สุด มันถึงเวลาหรือยังที่จะล้อมคอกก่อนวัวหายกับปัจจัยราคาถูกใช้บริการได้อย่างสะดวกสบาย ที่เป็นสาเหตุก่อให้เกิดความหื่นโดยการหากินกับการใช้โทรศัพท์มือถือแบบนี้
บรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับศีลธรรมวัฒนธรรมอันดีของปวงชนชาวไทยออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันให้ลั่นบ้านลั่นเมืองไปหมดเวลาเห็นดารานางเอกหนังนางเอกละครใส่ชุดวาบหวิวแสดงหนังแสดงละครบอกว่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี กลัวเด็กวัยรุ่นจะลอกเลียนแบบพฤติกรรมทีไอ้เรื่องอย่างนี้มีให้เห็นกันโจ่งครึ่มทุกสุดสัปดาห์ กลับยังไม่มีใครออกมาห้ามปรามหรือออกมาตรการมาบังคับควบคุมกันบ้าง สงสัยคงจะไม่มีเวลาอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับวันสุดสัปดาห์ มัวแต่ไปจัองจับผิดภาพยนตร์ หรือละครโทรทัศน์กันอยู่ หรือต้องรอให้มีข่าวขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์รายวันที่มีสาเหตุต้นตอมาจากรูปภาพเหล่านี้เสียก่อนจึงจะค่อยมาหาวิธีแก้ไข เหมือนกับหลายๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ช่วยๆ กันหน่อยเถอะครับ อย่าให้มันเลยเถิดกันไปมากกว่านี้เลย
ABOUT THE AUTHOR
&
"หลวงเลียบเมือง"
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2548
คอลัมน์ Online : ขอบถนน