ตลาดรถยนต์ กำลังแข่งเดือด จากการมาถึงของรถยนต์ไฟฟ้าบแรนด์ใหม่ ทำให้ MG (เอมจี) ต้องปรับกลยุทธ์สู้ศึก “ฟอร์มูลา” สัมภาษณ์พิเศษ” พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
ฟอร์มูลา : ช่วงครึ่งปีหลัง คุณวางนโยบาย และทิศทางการดำเนินธุรกิจของ MG ไว้อย่างไร ?
พงษ์ศักดิ์ : อุตสาหกรรมยานยนต์ปีที่แล้ว มียอดขายรวมอยู่ที่ 775,000 คัน แบ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 76,000 คัน หรือประมาณ 10 % ของอุตสาหกรรมโดยรวม ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ประมาณ 7 % ปัจจัยหลักที่ยอดขายไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมายเกิดจากสภาพเศรษฐกิจที่เติบโตลดลง หนี้ครัวเรือนสูง ความเข้มงวดของการปล่อยสินเชื่อ อัตราการถูกยึดจากการผิดชำระหนี้มากกว่าปกติ คนเปลี่ยนรถน้อยลง แต่ก็ยังดีที่มีรถไฟฟ้าเข้ามาช่วยให้มียอดขายเพิ่มขึ้น
สำหรับ MG ปีที่แล้วมียอดขาย 27,311 คัน รถไฟฟ้ามียอดขายเพิ่มขึ้น เทียบสันดาป 50:50 โดยภาพรวมมีส่วนแบ่งตลาด 4 % ปีนี้คาดว่าจะมียอดขายรวมประมาณ 850,000 คัน อย่างไรก็ตาม ต้องดูที่ปัจจัยภายนอกที่จะส่งผลกระทบด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสงครามที่กำลังร้อนแรง รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้เกิดความเสี่ยง รวมถึงการหมุนเวียนของเงินในตลาดโลกมีความตึงตัวในการลงทุน การเก็งกำไรทองคำ น้ำมัน ส่งผลต่อภาวะเงินเฟ้อ
สำหรับ MG ต้องวางแผนในเรื่องการบริหารจัดการให้รัดกุมมากขึ้น เพื่อให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ส่วนเรื่องการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ การปรับโฉมโชว์รูม รวมถึงการบริการหลังการขาย ยังคงดำเนินการตามแผนเดิม
ฟอร์มูลา : ปีนี้ตั้งเป้ายอดขายเท่าไร ?
พงษ์ศักดิ์ : ปีนี้ MG ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 40,000 คัน ซึ่งถือว่าท้าทายมาก เพราะตลาดมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง และมีปัจจัยในหลายด้านที่ไม่ส่งผลดีนักกับอุตสาหกรรมยานยนต์ แต่เนื่องจาก MG สร้างตลาดมานาน ทำให้มีพื้นฐานที่ดีในระดับหนึ่ง ทั้งศักยภาพของพนักงาน โนฮาว ผลิตภัณฑ์ โชว์รูมพร้อมศูนย์บริการ ขณะที่ค่ายใหม่ยังไม่มีพื้นฐานที่จะสามารถแข่งขันกับรถญี่ปุ่นได้
เรามีแผนจะแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ตรงความต้องการของตลาด และมีการลงทุนปรับปรุงโรงงานสร้างระบบออโตเมชัน ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตให้แข่งขันกับบแรนด์อื่นได้ รวมถึงการสร้างโรงงานผลิตแบทเตอรี
นอกจากนี้ ยังเตรียมแผนปรับปรุงอีวีโชว์รูม เพื่อเพิ่มศักยภาพผู้จำหน่ายให้แข็งแกร่ง มีความรู้เรื่องผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี ทั้งรถยนต์ไฟฟ้า และสันดาป มีประสบกาณ์การบริหารจัดการให้ดีขึ้น เพิ่มมาตรฐานของบุคลากร สร้างระบบให้แข็งแกร่ง ทำงานแบบมืออาชีพ
ฟอร์มูลา : ปีนี้ MG จะมีผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นหรือไม่ ?
พงษ์ศักดิ์ : ปีนี้ MG จะแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ที่เป็นทั้งรถยนต์ไฟฟ้า และเครื่องยนต์สันดาป โดยรุ่นที่แนะนำไปก่อนหน้านี้ คือ MG4 (เอมจี 4) ที่ประกอบจากโรงงาน SAIC-CP จ. ชลบุรี ราคาถูกกว่าเดิม รวมถึงยังมีรุ่นธรรมดา เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่มีความต้องการหลากหลาย นอกจากนี้ยังมี MG CX TOWER (เอมจี ซีเอกซ์ เทาเวอร์) และ MG CYBERSTER (เอมจี ไซเบอร์สเตอร์) ราคา 2.499 ล้านบาท จะเริ่มส่งมอบให้แก่ลูกค้าช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ ประมาณ 600 คัน อีกรุ่น คือ MAXUS 7 (แมกซัส 7) เอมพีวี ไฟฟ้า 7 ที่นั่ง จะเปิดตัวกลางปีนี้ และครึ่งปีหลังจะเปิดตัวกลุ่มบี-เซกเมนท์ คือ MG3 ใหม่ ที่ได้รับการตอบรับที่ดี ในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ เป็นรถยนต์สันดาป ซึ่งแผนงานในอนาคตรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปทุกรุ่นที่จำหน่ายจะมีรุ่นไฮบริดขยายด้วย
ฟอร์มูลา : ปัจจุบันโชว์รูม และศูนย์บริการของ MG มีจำนวนเท่าไร และจะเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ ?
พงษ์ศักดิ์ : หลังจาก COVID-19 บริษัทฯ มีการหาดีเลอร์รายใหม่เข้ามาเสริมทัพอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีอยู่ 150 แห่ง คาดว่าถึงสิ้นปีน่าจะเพิ่มเป็น 160-170 แห่ง ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ อีวี โชว์รูม 15-20 แห่ง ที่เหลือจะมีทั้งรถอีวี และเครื่องยนต์สันดาป สำหรับอีวีโชว์รูม จะขายรถพรีเมียม และรถอีวีทุกรุ่น โดยการสร้างอีวีโชว์รูมขึ้นมาใหม่นั้น เพราะ MG ต้องการให้ประสบการณ์ใหม่แก่ลูกค้ารุ่นใหม่ ที่มีรายได้มากขึ้น และพร้อมรับเทคโนโลยีใหม่
ฟอร์มูลา : กลยุทธ์ที่จะใช้แข่งขันในตลาด ?
พงษ์ศักดิ์ : MG มีรถยนต์ไฟฟ้า และเครื่องยนต์สันดาป ซึ่งจะต้องแข่งขันกับรถญี่ปุ่น และรถจีน ยกเว้นรถในกลุ่มพรีเมียม เพราะถึงแม้ MAXUS 9 (แมกซัส 9) จะเป็นรถพรีเมียม แต่ด้วยราคาที่ประหยัดกว่า ทำให้ไม่ได้แข่งขันตรงกับรถกลุ่มนี้ ส่วน MAXUS 7 เป็นเซกเมนท์ใหม่ของ MG ที่นำมาแนะนำ ส่วนรถกลุ่มโรดสเตอร์ไม่มีแข่งขัน เพราะส่วนใหญ่เป็นนิชมาร์เกท แต่ละบแรนด์ขายไม่มาก MG มี CYBERSTER ซึ่งไม่แพงมาก MG ต้องการนำเสนอรถยนต์ที่เข้าถึงได้ง่ายในทุกเซกเมนท์ โดยรถยนต์ไฟฟ้าจะเน้น MG4 ที่ไม่มีคู่แข่งโดยตรง
รถเครื่องยนต์สันดาป มีแผนที่จะเน้นไฮบริดเป็นหลักในอนาคต แต่ขณะนี้ยังคงทำตลาดผสมกัน เพราะลูกค้าบางกลุ่มยังต้องการรถเครื่องยนต์สันดาป ส่วนรถพิคอัพเรามีปัญหาเรื่องการส่งมอบในช่วง COVID-19 ทำให้ดีมานด์ ซัพพลาย ไม่คงที่
ฟอร์มูลา : ช่วงครึ่งปีหลังจะมีรถยนต์บแรนด์ใหม่เข้ามาในตลาดอีกหรือไม่ ?
พงษ์ศักดิ์ : บแรนด์ใหม่ มีแน่ ตลาดไทยยังเติบโตได้อีก 1 ล้านคัน และถ้ามาก็คงจะเป็นบแรนด์เล็ก เชื่อว่ายังมีนักลงทุนไทยไปติดต่อบแรนด์มาเอง เพราะหาง่าย ส่วนบริษัทใหญ่ บริษัทแม่ ที่จะเข้ามาเอง คาดว่าจะไม่มีแล้ว