ชีวิตอิสระ
TOYOTA OFF ROADERS CLUB CARAVAN
ท่ามกลางเทือกเขาสลับซับซ้อนที่มีความสูงเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 1,000 เมตร ซึ่งได้แก่ เทือกเขาผีปันน้ำ ที่ต่อเนื่องมาจากทิวเขาแดนลาวในจังหวัดเชียงใหม่จรดกับทิวเขาหลวงพระบางในจังหวัดน่าน ซึ่งมียอดดอยลังกาหลวงเป็นยอดสูงสุดถึง 2,030 เมตร ทำให้ "เชียงราย" เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญของภาคเหนือ มีแม่น้ำกก เป็น
แม่น้ำสายสำคัญไหลผ่านอำเภอเมืองเชียงราย ไปลงแม่น้ำโขงที่บริเวณบ้านสบกา อำเภอเชียงแสน
ด้วยสภาพภูมิประเทศร้อยละ 90 ที่เป็นภูเขาสูงนี่เอง เชียงรายจึงมีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการท่องป่าเขาลำเนาไพร เล่นน้ำตก ล่องเรือชมทิวทัศน์สองฝั่งแม่น้ำ หรือ ชมประเพณีวัฒนธรรมของไทยภูเขาฯลฯ เร็วๆ นี้ ทางบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้จัดกิจกรรมท่องเที่ยวสำหรับลูกค้าที่ใช้รถ
ขับเคลื่อนสี่ล้อ ของ โตโยตา ในรูปแบบคาราวาน รายการ TOYOTA OFF ROADERS CLUB ARAVAN บนเส้นทาง เชียงราย-ดอยช้าง-ดอยวาวี รวมระยะทางกว่า 100 กิโลเมตร โดยมีวัตถุประสงค์ให้ผู้ใช้รถ โตโยตาได้สัมผัสกับสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงามของประเทศไทย ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่เคยสัมผัสมาก่อน
รวมทั้งได้ทดลองสมรรถนะและฝึกฝนทักษะการขับขี่รถขับเคลื่อนสี่ล้อของ โตโยตา แบบใช้งานจริง เนื่องจากตลอดเส้นทางต้องใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้นจึงจะสามารถข้ามผ่านอุปสรรคไปได้ ซึ่ง 4 WHEELS ได้มีโอกาสร่วมเดินทางไปกับทริพนี้ด้วย ตลอด 2 วัน 1 คืน
บรรยากาศในช่วงเช้าวันแรกของการเดินทางสภาพอากาศค่อนข้างครึ้มเย็นสบายไม่มีแดด บรรดาผู้ร่วมคาราวานทยอยเดินทางมาถึงจุดนัดพบ ณ โชว์รูมโตโยตาเชียงราย ในเวลา 7 นาฬิกา เพื่อลงทะเบียนพร้อมรับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับเส้นทาง รวมทั้งเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยและข้อระวังในการเดินทางแบบคาราวาน จนกระทั่งได้เวลาจึงเดินทางออกจากตัวเมืองเชียงรายมุ่งหน้าสู่ดอยช้าง
หลังจากที่ขบวนคาราวานออกจากตัวเมืองมาได้ประมาณ 12 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวา กม. ที่ 817 ก็ได้แวะเยี่ยมชมวัดร่องขุ่น ซึ่งออกแบบการก่อสร้าง โดย อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ลักษณะเด่นของวัดนี้ คือพระอุโบสถที่ประดับตกแต่งด้วยลวดลายกระจกสีเงินแวววาวเป็นเชิงชั้นลดหลั่นกันไป หน้าบันประดับพญานาคมีงวงงาแปลกตาน่าสนใจ และภายในอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนังซึ่งเป็นฝีมือของอาจารย์เฉลิมชัยเอง
จากนั้นขบวนคาราวานได้เดินทางต่อไปยังสถานีทดลองเกษตรที่สูงวาวี ตลอดเส้นทางเป็นทางลูกรัง และมีความชันเมื่อรถไต่ระดับขึ้นสู่ดอยสูง ผู้ร่วมคาราวานต้องเปลี่ยนมาใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ เพื่อช่วยในการบังคับรถให้ไปตรงตามทิศทางได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีฝุ่นค่อนข้างมาก การเดินทางจึงต้องใช้ความระมัดระวังสูง
สิ่งที่ยากอีกสิ่งหนึ่งในการขับรถบนเส้นทางวิบากในรูปแบบคาราวาน นอกเหนือจากการใช้ระบบเกียร์การควบคุมคันเร่งและเบรคแล้ว คือการเว้นระยะห่างระหว่างรถแต่ละคันให้เหมาะสม
ขบวนคาราวานแล่นผ่านหมู่บ้านชาวเขาหลายแห่งและผ่านป่าสนที่ร่มรื่น จนกระทั่งมาถึงจุดชมวิวของสถานีทดลองเกษตรที่สูงวาวี แวะพักผ่อนคลายอิริยาบถ หลังจากที่ต้องขับรถตะลุยขึ้นดอยมาหลายต่อหลายลูกบรรยากาศบริเวณจุดชมวิวเย็นสบายสดชื่น มองเห็นต้นนางพญาเสือโคร่ง หรือ ซากุระเมืองไทยออกดอกสะพรั่งเต็มยอดดอยไปหมด ทำให้ลืมความเมื่อยล้าไปได้บ้าง
เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว คณะคาราวานก็ไม่รอช้าออกเดินทางต่อทันที รถวิ่งลัดเลาะไปตามแนวเขาผ่านไร่ผลไม้ ไร่กาแฟ ของชาวเขาดอยช้าง ใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึง สถานีทดลองเกษตรที่สูงวาวีซึ่งได้รับการต้อนรับจากเจ้าหน้าที่ของสถานีทดลองเกษตร ฯ เป็นอย่างดีโดยเลี้ยงรับรองด้วยอาหารกลางวันที่แสนอร่อย และดื่มกาแฟสดจากไร่ ก่อนที่คณะคาราวานจะขับรถชมพื้นที่รอบๆทางคณะคาราวานได้นำสิ่งของเสื้อผ้า เครื่องใช้ และอุปกรณ์การเรียน บริจาคให้ทางสถานีทดลองเกษตร ฯ
เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับเด็กชาวเขาที่ยากไร้ต่อไป
อิ่มท้องอิ่มใจกันถ้วนหน้า รถก็เคลื่อนตัวผ่านไร่กาแฟ ที่ปลูกแซมกับป่า ผ่านไร่แมกคาเดเมีย ผลไม้เศรษฐกิจของที่นี่ แปลงไม้ดอกที่บานสะพรั่งบนยอดเขา มีศาลาใว้นั่งพักผ่อนชมวิว มองเห็นหมู่บ้านชาวเขาอยู่เบื้องล่างแวะนมัสการพระธาตุและบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งบ่อน้ำแห่งนี้ใช้ในพิธีสำคัญต่างๆ จากนั้นก็เดินทางต่อทันทีเพื่อจะไปจิบชายามบ่าย
สภาพเส้นทางก็ไม่ต่างจากที่ผ่านมาในช่วงเช้า ต้องใช้เกียร์ 4L กันตลอดเส้นทาง จนกระทั่งรถแล่นมาถึงหมู่บ้านวาวี เป็นหมู่บ้านชาวเขาเชื้อสายจีนยูนาน ที่นี่ถือได้ว่าเป็นแหล่งปลูกชาใหญ่เป็นอันดับสองในประเทศรองจากดอยแม่สลอง ชาที่ขึ้นชื่อที่นี่ คือ ชาอูหลง บรรยากาศยามบ่ายแก่ๆที่มีทิวทัศน์เบื้องหน้าเป็นไร่ส้มและไร่ชา ปกคลุมยอดดอยทั้งลูก นั่งจิบชาอูหลงที่ส่งกลิ่นหอมพร้อมอาหารยูนาน ตบท้ายด้วยบัวลอยข้าวหมาก แสนสบายอย่างบอกไม่ถูก เราใช้เวลาในการนั่งจิบชาและหาซื้อของฝากติดไม้ติดมือคนละห่อสองห่อที่เลาลีรีสอร์ทแล้ว ก็ต้องรีบเดินทางไปยังที่พัก เพราะถ้ามืดค่ำจะลำบาก
คืนนี้เราพักค้างแรมกันที่ ห้วยกุ่มรีสอร์ท เป็นรีสอร์ทเล็กๆ ที่แทรกตัวอยู่กลางหุบเขาติดกับแม่น้ำกกตัวบ้านพักนั้นออกแบบให้เป็นกระท่อมบนยอดเขา เมื่อเปิดผ้าม่านแล้วสามารถมองเห็นลำน้ำกกและภูเขาที่สลับซับซ้อนกันไป มีหมู่บ้านชาวเขาอยู่ในพื้นที่รีสอร์ท ถ้าไม่สังเกตป้ายเราก็คงนึกว่ารีสอร์ทเป็นหมู่บ้านชาวเขาอีกแห่งหนึ่งอย่างแน่นอน ตกค่ำคณะของเราก็รับประทานอาหารกันริมแม่น้ำกก พร้อมชมการแสดงจากน้องๆชาวเขาในหมู่บ้านที่อยู่ติดกับรีสอร์ท ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปพักผ่อนเก็บแรงไว้เดินทางต่อพรุ่งนี้
เช้าวันที่สอง คณะคาราวานรวมตัวกันตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเดินสัมผัสบรรยากาศ ในตอนเช้าที่สดชื่น ขากลับเราผ่านหมู่บ้านวาวีเช่นเดิม วันนี้ที่หมู่บ้านดูคึกคักเป็นพิเศษเพราะมีงานแต่งงาน คณะคาราวานก็เลยถือโอกาสร่วมแสดงความยินดีกับเจ้าบ่าวเจ้าสาว สร้างความประทับใจให้เจ้าภาพเป็นอย่างมาก
ขบวนคาราวานแล่นผ่านไปตามหุบเขาของดอยกาดผี เส้นทางค่อนข้างสมบุกสมบัน เป็นทางลูกรังไม่ต่างจากขามา บางช่วงต้องผ่านป่าไผ่ลุยข้ามลำน้ำ แต่ก็ผ่านมาได้อย่างปลอดภัย จนกระทั่งตะวันตรงหัว เราจึงแวะพักกินข้าวเที่ยงกันกลางไร่ลิ้นจี่ เป็นอาหารกลางวันที่อร่อยอย่าบอกใครเลยก็ว่าได้
เมื่ออิ่มหนำและคลายเมื่อยกันแล้ว รถก็เคลื่อนตัวไปตามแนวเขาที่คดเคี้ยวเลียบแม่น้ำกก จนถึง อุทยานแม่น้ำกกที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่งของเชียงราย ภายในบริเวณอุทยานใกล้กับแม่น้ำกก มีบ่อน้ำพุร้อนขนาดไม่ใหญ่มากนัก ใกล้กันเป็นแอ่งน้ำขนาดกว้าง ที่เต็มไปด้วยดอกบัวสีชมพู ยามเมื่อบานสะพรั่งสวยงามมาก
จากบ่อน้ำพุร้อนทางอุทยานได้ทำทางน้ำไหลออกไปยังบ่อพักเพื่อกักไว้ให้นักท่องเที่ยวอาบหรือแช่ก่อนที่จะไหลระบายออกไปยังน้ำกก และด้วยระยะทางประมาณ
17 กิโลเมตรจากตัวเมืองเชียงราย บ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ จึงมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ แวะเวียนมาเที่ยวกันอย่างไม่ขาดสาย
คณะคาราวานเดินเที่ยวชมความเป็นธรรมชาติของอุทยานแม่น้ำกกกันพักใหญ่ก่อนที่จะอำลาและแยกย้ายกันเดินทางกลับ ความทรงจำและความประทับใจในการได้เดินทางร่วมกันในทริพนี้ยังคงอยู่และหวังว่าหากมีโอกาสคงได้ร่วมกิจกรรมสนุกๆ แบบนี้อีก
ABOUT THE AUTHOR
ถ
ถาวร พรมพิทักษ์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2547
คอลัมน์ Online : ชีวิตอิสระ(4wheels)