รถแบบที่ 3 ที่นำเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังในเดือนที่สั้นที่สุดของปี 2025 นี้ เป็นผลงานใหม่ของ FORD EUROPE (ฟอร์ด ยุโรป) เพิ่งเปิดตัวเมื่อต้นเดือนธันวาคมปีมังกรไฟ และเริ่มการจำหน่ายไปเรียบร้อยไม่กี่วันหลังจากนั้น ฐานการผลิตของรถแบบใหม่นี้ ไม่ได้ตั้งอยู่ในสหราชอาณาจักรอังกฤษ หรือในเยอรมนี ซึ่งเคยเป็นฐานผลิตหลักของค่ายนี้ในอดีต แต่อยู่ที่เมือง CRAIOVA (คราอิโอวา) เมืองใหญ่ในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของโรมาเนีย
เมื่อเอ่ยชื่อ FORD PUMA (ฟอร์ด พูมา) คนรักรถระดับ “เกจิ” ในยุโรปจะทราบกันดีว่า เป็นชื่อของรถ 2 แบบ ที่ FORD EUROPE ผลิตจำหน่ายในอดีต และปัจจุบัน แบบแรกเป็นรถเก๋ง 2 ประตู 4 ที่นั่ง ซึ่งอยู่ในสายการผลิตระหว่างปี 1997-2001 ส่วนอีกแบบเป็นเอสยูวี หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ที่เพิ่งเริ่มการผลิตเมื่อปลายปี 2019
FORD PUMA แบบหลัง ซึ่งยังมีการผลิตอยู่ในขณะนี้ เป็น SUBCOMPACT CROSSOVER SUV (ซับคอมแพคท์ ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี) หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดเล็กกว่าเล็กกะทัดรัด ที่พัฒนามาอีกทอดหนึ่งจากรถเก๋งแฮทช์แบค FORD FIESTA (ฟอร์ด ฟิเอสตา) ซึ่งก็เป็นรถขนาดเล็กกว่าเล็กกะทัดรัดเช่นกัน
ประมาณ 4 ปี หลังจากเริ่มการผลิต คือ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2024 นี่เอง รถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ FORD PUMA ก็ได้รับการปรับปรุงแบบ FACELIFT (เฟศลิฟท์) หรือ “ยกหน้า” เป็นครั้งแรก รถซึ่งผ่านการปรับปรุงที่ว่านี้ มีขนาดตัวถัง ยาว 4.186-4.226 ม. กว้าง 1.805 ม. และสูง 1.550 ม. เป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า ด้วยพลังของเครื่องยนต์ ECOBOOST เทอร์โบเบนซินฉีดตรง 3 สูบเรียง ความจุ 999 ซีซี ซึ่งมีให้เลือก 3 ขนาดกำลัง คือ 92 กิโลวัตต์/125 แรงม้า-114 กิโลวัตต์/155 แรงม้า และ 117 กิโลวัตต์/160 แรงม้า ทุกขนาดทำงานร่วมกันกับระบบ MILD HYBRID (ไมล์ด์ ไฮบริด) หรือไฮบริดแบบอ่อน ขนาด 48 โวลท์ 11.5 กิโลวัตต์/15.6 แรงม้า ส่วนระบบเกียร์มีให้เลือก 2 แบบ คือ เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ กับเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ POWERSHIFT (เพาเวอร์ชิฟท์)
รถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ FORD PUMA เป็นรถที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในยุโรป เฉพาะในปี 2024 สามารถครองตำแหน่งรถขายดีที่สุดในสหราชอาณาจักรอังกฤษ คือ ขายได้มากกว่า 45,000 คัน
ส่วน FORD PUMA GEN-E (ฟอร์ด พูมา เจน-อี) ที่กำลังอวดโฉมอยู่นี้ ไม่ใช่รถอนุกรมใหม่ แต่เป็นรถที่พัฒนาต่อกิ่งต่อยอดจากรถ FORD PUMA ที่กล่าวข้างต้น และจุดใหญ่ใจความของการพัฒนาที่ว่านี้ ก็คือการเปลี่ยนจากรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังของ INTERNAL COMBUSTION ENGINE (อินเทอร์นัล คอมบัสชัน เอนจิน) หรือเครื่องยนต์สันดาปภายใน เป็นรถที่ขับด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ นั่นเอง
เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อตัวถังทั้งภายนอก และภายใน ที่เห็นได้ชัด คือ การหายไปของท่อไอเสีย กับส่วนหน้าของตัวรถที่ออกแบบขึ้นใหม่ และมีลักษณะคล้ายๆ กันกับรถพลังไฟฟ้าอีกแบบหนึ่งของค่ายนี้ คือ รถ FORD MUSTANG MACH-E (ฟอร์ด มัสแตง มัค-อี) มิติตัวถังก็เปลี่ยนไปจากเดิมนิดเดียว คือ ยาว 4.214 ม. กว้าง 1.805 ม. สูง 1.555 ม. และมีช่วงฐานล้อยาว 2.588 ม.
มีรถให้เลือก 2 โมเดล คือ FORD PUMA GEN-E กับ FORD PUMA GEN-E PREMIUM ทั้งคู่ติดตั้งระบบขับล้อหน้าด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 123.5 กิโลวัตต์/168 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรี LITHIUM-ION NMC (ลิเธียม-ไอออน เอนเอมซี) ขนาดความจุ 43 กิโลวัตต์ชั่วโมง
แต่ผลลัพธ์ที่ได้แตกต่างกันนิดหน่อย คือ โมเดลแรกมีระยะเดินทาง 376 กม. และมีอัตราสิ้นเปลืองพลังไฟฟ้าเฉลี่ย 13.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม. เมื่อวัดตามมาตรฐาน WLTP แต่โมเดลหลังมีระยะเดินทาง 364 หรือ 347 กม. และมีอัตราสิ้นเปลืองพลังไฟฟ้าเฉลี่ย 13.7 หรือ 14.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม. ที่ไม่แตกต่างกันก็คือ ทั้ง 2 โมเดลใช้เวลา 8.0 วินาที ในการทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. และความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 160 กม./ชม.
ราคาค่าตัวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 19 ของรถที่จำหน่ายในเยอรมนี เริ่มต้นที่ 36,900 ยูโร หรือประมาณ 1.4 ล้านบาทไทย เมื่อคิดว่าเงินฝรั่ง 1 ยูโร แลกได้ด้วยเงินไทย 37 บาทถ้วน
FORD PUMA GEN-E
รถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์สายเลือดยุโรป ขับล้อหน้าด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ
มิติตัวถัง 4.214x1.805x1.555 ม. ห้องโดยสาร 5 ที่นั่ง
มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 123.5 กิโลวัตต์/168 แรงม้า แบทเตอรี 43 กิโลวัตต์ชั่วโมง
ระยะเดินทาง 347-376 กม. ความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม.
ราคารวมภาษีในเยอรมนี เริ่มต้นที่ 36,900 ยูโร (ประมาณ 1.4 ล้านบาทไทย)