มหกรรมยานยนต์ต่างประเทศ
มหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ 2025
งานแสดงรถยนต์ระดับ “อินเตอร์” ที่เปลี่ยนสภาพเป็นงานโฆษณาขายรถ
เปลี่ยนชื่องาน เปลี่ยนช่วงเวลาการจัดงาน แต่ไม่เปลี่ยนสถานที่จัดงาน
แล้วทีมงานของ “สื่อสากล” ก็ได้ไปเยือนสหรัฐอเมริกาอีกครั้งหนึ่ง และเนื่องจากวันเวลาของการจัดงานสอดคล้องกันดี การเดินทางข้ามแผ่นดิน และข้ามมหาสมุทรครั้งนี้ เราจึงวางแผนไปดูงานที่น่าสนใจ และตรงกับภาระหน้าที่ที่รับผิดชอบได้ถึง 3 งานต่อเนื่องกัน
คือ งาน CES (CUSTOMER ELECTRONIC SHOW) หรือมหกรรมสินค้าอีเลคทรอนิคเพื่อผู้บริโภค ซึ่งมีขึ้นที่เมือง LAS VEGAS (ลาสเวกัส) ในรัฐ NEVADA (เนวาดา) ระหว่างวันที่ 7-10 มกราคม 2025 งาน DETROIT AUTO SHOW หรือมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ ซึ่งมีขึ้นที่เมือง DETROIT (ดีทรอยท์) ในรัฐ MICHIGAN (มิชิแกน) ระหว่างวันที่ 10-20 มกราคม 2025 และงาน CHICAGO BOAT SHOW หรือมหกรรมนาวาชิคาโก ซึ่งมีขึ้นที่เมือง CHICAGO (ชิคาโก) ในรัฐ ILLINOIS (อิลลินอยส์) ระหว่างวันที่ 8-12 มกราคม 2025 งานแรกเรามีโอกาสเข้าชมงาน 2 วัน คือ วันอังคารที่ 7 กับวันพุธที่ 8 งานที่สองเข้าชม 2 วัน คือ วันศุกร์ที่ 10 กับวันเสาร์ที่ 11 ส่วนงานสุดท้ายเรามีโอกาสเดินอยู่ในงานเพียงวันเดียว คือ วันอาทิตย์ที่ 12
3 งานที่กล่าวข้างต้นให้ทั้งความสมหวัง และผิดหวัง ในที่นี้จะกล่าวเฉพาะงานมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ ซึ่งทีมงานของเราเดินทางไปเยือนเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2007 อันเป็นปีที่งานแสดงรถยนต์รายการนี้มีอายุครบ 100 ปีพอดี และนับจากนั้นจนถึงปี 2019 ที่เริ่มเกิดวิกฤตการณ์ COVID-19 เราก็บรรจุมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ไว้ในปฏิทินการทำงานประจำปีไม่เคยขาดตกยกเว้น หลังหมดปัญหาไวรัส เราก็เริ่มการทำงานที่ดีทรอยท์อีกครั้งหนึ่งเมื่อกลางเดือนกันยายน 2023 และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2
เป็นมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ที่มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญ 2 เรื่อง คือ (1) ย้ายช่วงเวลาการจัดงาน จากเดือนกันยายนกลับไปเป็นเดือนมกราคม เหมือนที่เคยจัดมายาวนานก่อนเกิดปัญหา COVID-19 (2) เปลี่ยนชื่องานจาก NORTH AMERICAN INTERNATIONAL AUTO SHOW (NAIAS) หรือมหกรรมยานยนต์นานาชาติแห่งทวีปอเมริกาเหนือ เป็น DETROIT AUTO SHOW หรือมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์
การเปลี่ยนชื่อดังที่ว่า ทำให้เราคิดล่วงหน้าไปในทางร้ายว่า งานแสดงรถยนต์ระดับอินเตอร์รายการนี้ คงเปลี่ยนสภาพเป็นงานโฆษณาประชาสัมพันธ์ขายรถยนต์ ที่สมควรดูกันเฉพาะผู้คนในเมือง DETROIT เท่านั้น เป็นการคิดล่วงหน้าที่ไม่ห่างไกลจากความเป็นจริงสักเท่าไร เพราะมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ครั้งนี้มีรถให้เห็นไม่กี่ยี่ห้อ และส่วนใหญ่เป็นรถที่มีขายอยู่แล้วในตลาด ที่น่าสงสาร และเห็นใจผู้จัดงานมากก็คือ เกือบครึ่งหนึ่งของพื้นที่งานซึ่งก็ไม่ได้กว้างขวางเลย ไม่ใช้สำหรับการแสดงรถยนต์ แต่ใช้ในกิจการอื่น รวมทั้งเป็นสนามทดสอบรถชั่วคราว ให้ผู้เข้าชมงานได้ทดลองเข้าไปนั่งในรถ โดยไม่มีโอกาสขับรถด้วยตนเอง แต่มีคนของบริษัทเป็นผู้ขับให้
เรารายงานข่าวมหกรรมยานยนต์ทั่วโลกต่อเนื่องกันมาแล้วประมาณ 4 ทศวรรษ แต่ไม่มีครั้งใดเลยที่ใช้พื้นที่หน้ากระดาษน้อยสุดๆ เหมือนครั้งนี้ คือ เพียง 6 หน้า และเป็นเรื่องราวของรถเพียง 12 แบบ 12 คัน เท่านั้นเอง
CADILLAC OPULENT VELOCITY
CADILLAC OPULENT VELOCITY (แคดิลแลค โอพูเลนท์ เวโลซิที) หนึ่งในบรรดารถแนวคิด 3-4 คัน ที่ปรากฏตัวในงานนี้ เปิดตัวในเมืองมะกันเมื่อเดือนสิงหาคม 2024 แต่ทีมงานของเราเพิ่งมีโอกาสสัมผัสตัวจริงเป็นครั้งแรกที่งานนี้ เป็นรถแนวคิดที่ออกแบบ/พัฒนาเพื่อสร้างความรู้สึก 2 ด้านให้แก่ผู้ขับ คือ OPULENT ซึ่งหมายถึง ความมั่งคั่งร่ำรวย กับ VELOCITY ซึ่งหมายถึง ความเร็ว นอกจากมีคุณสมบัติเป็น LEVEL 4 AUTONOMOUS DRIVING CAR หรือรถขับด้วยตนเองระดับ 4 ซึ่งสามารถเปลี่ยนโหมดการขับ จากขับด้วยคนเป็นขับแบบไร้คนได้ง่ายๆ โดยการสัมผัสด้วยปลายนิ้วแล้ว ยังมีนวัตกรรมใหม่อีกมากมายที่ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนในรถคันอื่นๆ เช่น การบอกข้อมูลการขับต่างๆ ด้วยระบบ HEAD-UP DISPLAY (เฮด-อัพ ดิสพเลย์) ที่ค่ายนี้เพิ่งพัฒนาขึ้นใหม่ และทำงานได้ดีมาก รูปทรงองค์เอวของตัวถังที่ติดตั้งประตูแบบปีกนก ออกแบบได้ดี เห็นแล้วไม่อยากเชื่อว่าเป็นรถอเมริกัน
CADILLAC VISTIQ
PRODUCTION CAR (พโรดัคชัน คาร์) หรือรถผลิตเพื่อจำหน่ายที่น่าสนใจที่สุดในบูธของยอดผู้ผลิตรถหรูเมืองมะกัน คือ รถติดป้ายชื่อ CADILLAC VISTIQ (แคดิลแลค วิสติค) รถอนุกรมใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024 และมีกำหนดเริ่มจำหน่ายภายในปี 2025 ในฐานะรถรุ่นปี 2026 โดยใช้โรงงานที่เมือง SPRING HILL (สปริง ฮิลล์) ในรัฐ TENNESSEE (เทนเนสซี) เป็นฐานการผลิต เป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ติดตั้งเก้าอี้ที่นั่ง 3 แถว ซึ่งมีขนาดตัวถังยาว 5.222 ม. กว้าง 2.026 ม. และสูง 1.804 ม. ติดตั้งระบบขับทุกล้อด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด ให้กำลังรวมสูงสุด 459 กิโลวัตต์/615 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรี LITHIUM-ION NCMA (ลิเธียม-ไอออน เอนซีเอมเอ) ขนาดความจุใช้งาน 102 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งผู้ผลิตคาดหมายว่า เมื่อชาร์จไฟเต็มรถจะวิ่งได้ไกล 300 ไมล์ หรือประมาณ 480 กม. เป็นรถพลังไฟฟ้าที่วิ่งเร็วสะใจ อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ทำได้ใน 3.7 วินาที
CHEVROLET BRIGHTDROP ZEVO 400
รถใหม่เพียงแบบเดียวในบูธของผู้ผลิตรถยนต์หมายเลข 1 เมืองมะกัน ที่ทีมงานของเราไม่เคยสัมผัสตัวจริงมาก่อน คือ รถติดป้ายชื่อ CHEVROLET BRIGHTDROP ZEVO 400 (เชฟโรเลต์ ไบรท์ดรอพ ซีโว 400) ที่เห็นใน 3 ภาพบน เป็นรถตู้พลังไฟฟ้าผลิตในแคนาดา ที่ออกแบบเพื่อใช้บรรทุกสินค้า และเพิ่งเริ่มการจำหน่ายในเมืองมะกันเมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2024 มีให้เลือกทั้งรถขับเคลื่อนล้อหน้า รถขับเคลื่อนทุกล้อ มีขนาดตัวถังยาว 6.060 ม. มีปริมาตรบรรทุก 412 ลูกบาศ์ฟุต หรือประมาณ 11.7 ลูกบาศก์เมตร และสามารถรับน้ำหนักสูงสุด 1,680 กก. เป็นรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ ติดตั้งแบทเตอรี LITHIUM-ION (ลิเธียม-ไอออน) ซึ่งมีขนาดความจุให้เลือก 2 ขนาด คือ ขนาดที่เมื่อชาร์จไฟเต็มรถจะวิ่งได้ไกลประมาณ 255 กม. กับขนาดที่เมื่อชาร์จไฟเต็มรถจะวิ่งได้ไกลประมาณ 440 กม. ราคา MSRP ของรถที่จำหน่ายในสหรัฐอเมริกา เริ่มต้นที่ 77,900 เหรียญ หรือประมาณ 2.65 ล้านบาทไทย
GMC HUMMER EV PICKUP
รถพิคอัพค่าตัวแพงที่สุดของยักษ์ใหญ่ GM หรือ GENERAL MOTORS COMPANY (เจเนอรัล มอเตอร์ส คัมพานี) มีขนาดตัวถังยาว 5.506 ม. กว้าง 2.201 ม. และสูง 2.009 ม. รถรุ่นปี 2025 มีให้เลือก 2 โมเดล คือ GMC HUMMER EV 2X (จีเอมซี ฮัมเมอร์ อีวี 2 เอกซ์) ซึ่งค่าตัว MSRP เริ่มต้นที่ 98,845 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 3.36 ล้านบาทไทย กับ GMC HUMMER EV 3X (จีเอมซี ฮัมเมอร์ อีวี 3 เอกซ์) ซึ่งค่าตัวเริ่มต้นที่ 106,945 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 3.64 ล้านบาทไทย โมเดลแรกติดตั้งระบบขับทุกล้อด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด กำลังรวมสูงสุด 425 กิโลวัตต์/570 แรงม้า และแบทเตอรี LITHIUM-ION (ลิเธียม-ไอออน) ซึ่งเมื่อชาร์จไฟเต็มรถจะวิ่งได้ไกล 510 กม. ส่วนโมเดลหลังติดตั้งระบบขับทุกล้อด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ชุด กำลังรวมสูงสุด 746 กิโลวัตต์/1,000 แรงม้า ทำงานร่วมกับแบทเตอรี LITHIUM-ION ซึ่งเมื่อชาร์จเต็มรถจะวิ่งได้ไกลถึง 590 กม.
GMC SIERRA EV
GMC SIERRA EV (จีเอมซี สิเอร์รา อีวี) รถพิคอัพตัวถังยาวที่สุดของค่าย GMC เป็นคู่แฝดต่างฝากับรถ CHEVROLET SILVERADO EV (เชฟโรเลต์ ซิลเวอราโด อีวี) รถในเครือข่ายเดียวกันแต่ใช้ยี่ห้อต่างกัน รถรุ่นปี 2025 ซึ่งเริ่มจำหน่ายเมื่อเดือนตุลาคม 2024 มีโมเดลเดียว คือ GMC SIEERA EV DENALI (จีเอมซี สิเอร์รา อีวี เดนาลี) ซึ่งค่าตัว MSRP เริ่มต้นที่ 89,900 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 3.06 ล้านบาทไทย รถโมเดลนี้มีขนาดตัวถังยาว 5.924 ม. กว้าง 2.129 ม. และสูง 1.985 ม. ติดตั้งระบบขับทุกล้อด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด โดยชุดหนึ่งขับล้อคู่หน้า อีกชุดหนึ่งขับล้อคู่หลัง ได้กำลังรวมสูงสุด 567 กิโลวัตต์/760 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรีซึ่งมีให้เลือก 2 ขนาดความจุ คือ EXTENDED RANGE BATTERY ซึ่งเมื่อชาร์จไฟเต็มรถจะวิ่งได้ไกล 627 กม. กับ MAX RANGE BATTERY ซึ่งเมื่อชาร์จไฟเต็มรถจะวิ่งได้ไกลถึง 740 กม.
FORD MUSTANG GTD
FORD MUSTANG GTD (ฟอร์ด มัสแตง จีทีดี) โมเดลพิเศษของรถ FORD MUSTANG รุ่นปัจจุบันซึ่งเป็นรถรุ่นที่ 7 เปิดตัวมานมนานตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2023 แต่มีกำหนดเริ่มการจำหน่ายในฐานะรถรุ่นปี 2025 พร้อมคำประกาศสรรพคุณว่า นี่คือ รถ FORD MUSTANG ที่เร็ว และทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 6 ทศวรรษของรถที่รู้จักกันดีทั่วโลกอนุกรมนี้ เป็นรถค่าตัวแพงสุดๆ คือ เริ่มต้นที่ระดับ 300,000 เหรียญ หรือประมาณ 10.2 ล้านบาทไทย และจะจำกัดจำนวนผลิตไว้ที่ 1,000-2,000 คัน ทุกคันติดตั้งเครื่องยนต์ซูเพอร์ชาร์จ วี 8 สูบ ความจุ 5.2 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 608 กิโลวัตต์/815 แรงม้า คือ มีค่าแรงม้าต่อลิตรสูงกว่า PORSCHE 911 GT3 RS (โพร์เช 911 จีที 3 อาร์เอส) ซึ่งเป็นยอดรถสปอร์ทของเยอรมนีด้วยซ้ำ ส่วนอุปกรณ์ส่งกำลังสู่ล้อคู่หลัง คือ เกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 8 จังหวะ สามารถทำความเร็วสูงสุด 325 กม./ชม. ซึ่งก็เร็วกว่า PORSCHE 911 GT3 RS เช่นกัน
FORD EXPEDITION
FORD EXPEDITION (ฟอร์ด เอกซ์พีดิชัน) รถกิจกรรมกลางแจ้งพันธุ์แท้ของค่าย “วงรีสีฟ้า” เป็นรถรุ่นใหม่ (รุ่นที่ 5) เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนตุลาคม 2024 มีกำหนดออกตลาดในฤดูใบไม้ผลิปี 2025 (ประมาณไตรมาส 2) และจะใช้โรงงานที่เมือง LOUISVILLE (หลุยส์วิลล์) ในรัฐ KENTUCKY (เคนทัคคี) เป็นฐานการผลิต เป็นรถขนาดใหญ่ ในตัวถังยาว 5.331 ม. กว้าง 2.032 ม. และสูง 1.981 ม. มีทั้งรถขับล้อหลัง รถขับทุกล้อ และมีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ขนาด คือ เครื่อง ECOBOOST (อีโคบูสต์) เทอร์โบเบนซินฉีดตรง วี 6 สูบ 3,497 ซีซี ซึ่งให้กำลังสูงสุด 299 กิโลวัตต์/400 แรงม้า และ 328 กิโลวัตต์/400 แรงม้า ส่วนระบบเกียร์เลือกไม่ได้เพราะมีแบบเดียว คือ เกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ SELECTSHIFT (ซีเลคท์ชิฟท์) ส่วนระดับการตกแต่ง และติดตั้งอุปกรณ์มีให้เลือก 4 ระดับ กำกับด้วยรหัส EXPEDITION ACTIVE-EXPEDITION PLATINUM-EXPEDITION KING RANGE-และ EXPEDITION TREMOR
FORD BRONCO SPORT BADLANDS
FORD BRONCO SPORT BADLANDS (ฟอร์ด บรองโก สปอร์ท แบดแลนด์ส์) โมเดลหัวกะทิของ FORD BRONCO SPORT รถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดเล็กกว่าเล็กกะทัดรัด ที่เริ่มจำหน่ายในเมืองมะกันเมื่อปี 2021 รถโมเดลนี้รุ่นปี 2025 ติดป้ายค่าตัวซึ่งเริ่มต้นที่ระดับ 40,115 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1.36 ล้านบาทไทย ตัวถังทรง 2 กล่อง ยาว 4.404 ม. กว้าง 1.938 ม. และสูง 1.816 ม. มีห้องโดยสารซึ่งติดตั้งเก้าอี้ที่นั่ง 2 แถว นั่งได้รวม 5 คน เป็นรถขับเคลื่อนทุกล้อผลิตในเมกซิโก ซึ่งใช้เครื่องยนต์ ECOBOOST เทอร์โบเบนซินฉีดตรง 1,999 ซีซี 187 กิโลวัตต์/250 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ นอกจากรถโมเดลนี้ รถรุ่นปี 2025 ยังมีให้เลือกอีก 4 โมเดล คือ FORD BRONCO SPORT BIG BEND-FORD BRONCO SPORT HERITAGE-FORD BRONCO SPORT FREE WHEELING และ FORD BRONCO SPORT OUTER BANKS
CHRYSLER HALCYON CONCEPT
รถแนวคิดอีกคันหนึ่งที่ปรากฏตัวในงานนี้ คือ CHRYSLER HALCYON CONCEPT (ไครสเลอร์ ฮัลซีออน คอนเซพท์) ซึ่งเปิดตัวมาแล้วเกือบปี และทีมงานของ “สื่อสากล” ก็ได้เห็นทั้งภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว มานานหลายเดือนแล้ว แต่เพิ่งมีโอกาสสัมผัสตัวจริงเป็นครั้งแรกที่งานนี้ เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถเก๋งซีดานระดับหรูขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นหลักฐานที่บ่งชี้ว่า ไม่น่าจะเป็นจริงตามข่าวเล่าลือที่บอกว่า รถติดป้ายยี่ห้อ CHRYSLER ใกล้จะถึงวันยุติการผลิต เป็นรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ และเป็น LEVEL 4 AUTONOMOUS DRIVING CAR (เลเวล 4 ออโทโนมัส ดไรวิง คาร์) หรือรถวิ่งได้ด้วยตัวเองระดับ 4 ที่เปลี่ยนโหมดการขับ จากขับโดยคนเป็นขับด้วยตัวเอง หรือจากขับด้วยตัวเองเป็นขับโดยคน โดยการออกคำสั่งด้วยเสียงพูด ที่น่าสนใจสำหรับคนรักโลกก็คือ แบทเตอรี LITHIUM-SULFUR (ลิเธียม-ซัลเฟอร์) ที่ใช้ ก่อให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าแบทเตอรีที่ดีที่สุดในปัจจุบันถึงร้อยละ 60
VOLKSWAGEN TAOS
VOLKSWAGEN TAOS (โฟล์คสวาเกน เทาส์) รถเยอรมันที่ไม่มีขายในเยอรมนี เป็น COMPACT CROSSOVER SUV (คอมแพคท์ ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี) หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดเล็กกะทัดรัด ที่ออกแบบ/พัฒนาสำหรับตลาดอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ และรัสเซีย โดยใช้โรงงานในเมกซิโก อาร์เจนตินา และรัสเซีย เป็นที่ผลิต เริ่มจำหน่ายในเมืองมะกันเมื่อปี 2020 รถรุ่นปี 2025 ที่ปรากฏตัวในงานนี้ มีขนาดตัวถัง ยาว 4.468 ม. กว้าง 1.842 ม. และสูง 1.638-1.654 ม. มีทั้งรถขับล้อหน้า รถขับทุกล้อ และมีรถให้เลือกรวม 4 โมเดล คือ VOLKSWAGEN TAOS S-VOLKSWAGEN TAOS SE-VOLKSWAGEN TAOS SE BLACK และ VOLKSWAGEN TAOS SEL 4MOTION ทุกโมเดลติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,498 ซีซี 130 กิโลวัตต์/174 แรงม้า และระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ราคา MSRP เริ่มต้นที่ 24,995 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 850,000 บาทไทย
VOLKSWAGEN ATLAS
รถเยอรมันอีกแบบหนึ่งที่ไม่ต้องเสียเวลาไปค้นหาในเยอรมนี คือ VOLKSWAGEN ATLAS (โฟล์คสวาเกน แอทลาส) รถติดตั้งเก้าอี้ที่นั่ง 3 แถว นั่งได้รวม 7 คน (2+3+2) ที่ออกแบบ/พัฒนาสำหรับตลาดอเมริกาเหนือ โดยใช้โรงงานในรัฐ TENNESSEE (เทนเนสซี) เป็นฐานการผลิต เป็น MID-SIZE CROSSOVER SUV (มิด-ไซซ์ ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี) หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดกลาง ซึ่งเริ่มการผลิตเมื่อปี 2017 รถรุ่นปี 2025 ที่ปรากฏตัวในงานนี้เป็นรถรุ่นใหม่ (รุ่นที่ 2) มีขนาดตัวถัง ยาว 5.098 ม. กว้าง 1.989 ม. และสูง 1.788 ม. มีรถให้เลือก 5 โมเดล มีทั้งรถขับล้อหน้า และรถขับทุกล้อ แต่มีเครื่องยนต์ขนาดเดียว คือ เครื่องเทอร์โบเบนซินฉีดตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,984 ซีซี 201 กิโลวัตต์/269 แรงม้า ระบบเกียร์เพื่อส่งกำลังสู่ล้อคู่หน้า หรือทั้งคู่หน้า และคู่หลังแล้วแต่กรณี ก็มีแบบเดียว คือ เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ราคา MSRP เริ่มต้นที่ 38,200 เหรียญ หรือประมาณ 1.30 ล้านบาทไทย
TOYOTA CROWN SIGNIA
ปิดรายงานมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ 2025 ที่น่าผิดหวังมากกว่าสมหวัง ด้วยรถญี่ปุ่นซึ่งไม่ต้องไปเสียเวลาเดินหาในญี่ปุ่น คือ TOYOTA CROWN SIGNIA (โตโยตา คราวน์ ซิกนีอา) ที่เพิ่งเริ่มการจำหน่ายในเมืองมะกันเมื่อเดือนมิถุนายน 2024 และยังไม่มีขายในญี่ปุ่น เป็น FULL-SIZE CROSSOVER SUV (ฟูลล์-ไซซ์ ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี) หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดใหญ่ ที่ใช้โรงงานในญี่ปุ่นเป็นฐานการผลิต ตัวถัง 5 ประตู 5 ที่นั่ง ยาว 4.930 ม. กว้าง 1.880 ม. และสูง 1.626 ม. ติดตั้งระบบขับทุกล้อแบบไฮบริดชนิดไม่ต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ ซึ่งใช้เครื่องยนต์เบนซินฉีดตรง DOHC 4 สูบเรียง 2,487 ซีซี 140 กิโลวัตต์/188 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 134 กิโลวัตต์/180 แรงม้า (ขับล้อคู่หน้า) และขนาด 40 กิโลวัตต์/54 แรงม้า (ขับล้อคู่หลัง) ได้กำลังรวมสูงสุด 179 กิโลวัตต์/240 แรงม้า ราคา MSRP เริ่มต้นที่ 43,590 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1.48 ล้านบาทไทย