ระเบียงรถใหม่
MERCEDES-BENZ CLA รถเก๋งคูเปขนาดเล็กติดตราดาว มีทั้งรถพลังไฟฟ้า และรถไฮบริด
เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันที่นำเรื่องราวของ FULLY ELECTRIC CAR หรือรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ มาเล่าสู่กันฟังใน “ระเบียงรถใหม่” เดือนนี้เป็นรถ 4 สัญชาติ คือ รถเยอรมัน รถสวีเดน รถญี่ปุ่น และรถเกาหลี เป็นผลงานของผู้ผลิตรถยนต์ 5 ราย คือ MERCEDES-BENZ (เมร์เซเดส-เบนซ์) VOLVO (โวลโว) TOYOTA (โตโยตา) LEXUS (เลกซัส) และ KIA (เกีย) มีทั้งรถเก๋งซีดาน รถเก๋งแฮทช์แบค รถเก๋งคูเป และ SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้ง
เปิดระเบียงด้วยรถติดป้ายชื่อ MERCEDES-BENZ CLA (เมร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอ) รุ่นใหม่ (รุ่นที่ 3) รถเก๋งคูเปขนาดเล็กที่สุดในสายการผลิตปัจจุบันของยักษ์ใหญ่เมืองเบียร์ เป็นรถที่ออกแบบ/พัฒนา โดยมีโครงสร้างและใช้ชิ้นส่วนหลายชิ้นร่วมกันกับรถขนาดเล็กที่สุดของค่าย คือ MERCEDES-BENZ A-CLASS (เมร์เซเดส-เบนซ์ เอ-คลาสส์) ซึ่งมีทั้งตัวถัง 4 ประตูซีดาน และตัวถัง 5 ประตูแฮทช์แบค
เจ้าของเครื่องหมายการค้า “ดาวสามแฉก” เริ่มการผลิตรถเล็กอนุกรมนี้เมื่อต้นปี 2013 โดยใช้โรงงานที่กรุง BUDAPEST ของฮังการีเป็นฐานการผลิต ในระยะแรกรถรุ่นดังกล่าว มีตัวถังเพียงแบบเดียว คือ ตัวถัง 4 ประตูคูเป 5 ที่นั่ง (รหัสโรงงาน C117) ยาว 4.630 ม. กว้าง 1.777 ม. สูง 1.432 ม. และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.22-0.29 มีทั้งรถขับเคลื่อนล้อหน้า และรถขับเคลื่อนทุกล้อ เครื่องยนต์ก็มีให้เลือกทั้งเครื่องเบนซิน และเครื่องดีเซล หลังจากนั้นประมาณ 2 ปี คือ ในไตรมาสแรกของปี 2015 ตัวถังแบบที่ 2 จึงตามมา เป็นตัวถัง 5 ประตูตรวจการณ์ 5 ที่นั่ง (รหัสโรงงาน X117) ยาว 4.953 ม. กว้าง 1.881 ม. สูง 1.419 ม. และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.26-0.30 เป็นตัวถังที่มีส่วนท้ายเอียงลาด และติดป้ายชื่อ MERCEDES-BENZ CLA SHOOTING BRAKE (เมร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอ ชูทิง เบรค)
หลังจากอยู่ในสายการผลิตยาวนานถึง 6 ปี รถรุ่นแรกก็ถูกแทนที่ด้วยรถรุ่นที่ 2 ซึ่งก็มีตัวถัง 2 แบบเช่นกัน ตัวถัง 4 ประตูคูเป 5 ที่นั่ง (รหัสโรงงาน C118) ซึ่งยาว 4.688 ม. กว้าง 1.830 ม. สูง 1.439 ม. และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศต่ำสุด 0.23 เปิดตัวเมื่อเดือนมกราคม 2019 ส่วนตัวถัง 5 ประตูตรวจการณ์ 5 ที่นั่ง (รหัสโรงงาน X118) ซึ่งยาว 4.688 ม. กว้าง 1.830 ม. สูง 1.442 ม. และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศต่ำสุด 0.25 ตามมาไม่กี่เดือนหลังจากรถรุ่นที่ 2 นี้ ก็มีทั้งรถขับเคลื่อนล้อหน้า รถขับเคลื่อนทุกล้อ มีทั้งรถติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน รถติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล และรถติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินซึ่งทำงานร่วมกันกับระบบ MILD HYBRID หรือไฮบริดแบบอ่อน
ที่กำลังอวดตัวอยู่นี้ เป็นรถรุ่นที่ 3 ปรากฏตัวแบบ WORLD PREMIERE หรือ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานมหกรรมยานยนต์มิวนิค ในเยอรมนีเมื่อเดือนกันยายน 2023 ในฐานะรถแนวคิดติดป้ายชื่อ MERCEDES-BENZ CONCEPT CLA (เมร์เซเดส-เบนซ์ คอนเซพท์ ซีแอลเอ) ส่วนรถตลาด หรือรถผลิตเพื่อจำหน่ายสมบูรณ์แบบ เพิ่งมีงานเปิดตัวที่กรุง ROME ในอิตาลี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม 2025 และขณะนี้ยังไม่ได้เริ่มการจำหน่าย เช่นเดียวกับรถ 2 รุ่นเดิม รถรุ่นใหม่นี้จะมี ตัวถังให้เลือกใช้ 2 แบบ คือ ตัวถัง 4 ประตูคูเป 5 ที่นั่ง (รหัสโรงงาน C178) ซึ่งติดป้ายชื่อ MERCEDES-BENZ CLA กับตัวถัง 5 ประตูตรวจการณ์ 5 ที่นั่ง ซึ่งติดป้ายชื่อ MERCEDES-BENZ CLA SHOOTING BRAKE ที่เปิดตัวไปแล้วคือตัวถังแบบแรก ส่วนตัวถังแบบหลัง ซึ่งตั้งแต่หน้ารถจนจรด C-PILLAR หรือเสาค้ำยันหลังคาคู่ที่ 3 จะเหมือนกันทุกประการกับตัวถังแบบแรก ต้องรองานมหกรรมยานยนต์มิวนิคในเยอรมนี ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 8-14 กันยายน 2025 ผู้คนจึงจะได้สัมผัสตัวจริง
ที่เปลี่ยนไปมากจากรถ 2 รุ่นเดิม ก็คือ รถรุ่นใหม่นี้ซึ่งก็มีทั้งรถขับเคลื่อนล้อหน้า และรถขับเคลื่อนทุกล้อ จะมีขุมพลังขับเคลื่อนให้เลือกใช้ 2 แบบ คือ ขับด้วยพลังของระบบไฮบริดซึ่งใช้เครื่องยนต์เบนซินทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า และขับด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ไม่มีการติดตั้งเครื่องยนต์ใดๆ
ที่นับว่าเป็นครั้งแรกของรถติดตรา “ดาวสามแฉก” ก็คือ ทั้งรถไฮบริด และรถพลังไฟฟ้าของรถรุ่นนี้ จะมีตัวถังที่เหมือนกันแทบทุกประการทั้งภายนอกภายใน เป็นตัวถังรูปทรงปราดเปรียวแต่ดูทรงพลัง ที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดตั้งแต่พื้นรถจรดหลังคา โดยใช้หลักสถาปัตยกรรมที่ค่ายนี้เพิ่งนำมาใช้เป็นครั้งแรก และตั้งชื่อว่า MERCEDES-BENZ MODULAR ARCHITECTURE (เมร์เซเดส-เบนซ์ โมดูลาร์ อาร์คีเทคเจอร์) และเรียกโดยย่อว่า MMA
นอกจากนั้น นโยบายการตั้งชื่อยี่ห้อ และชื่อรุ่นของรถที่เพิ่งเปลี่ยนไปเมื่อไม่นานมานี้ ทำให้รถรุ่นใหม่นี้ทั้งรถไฮบริดที่ติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน และรถพลังไฟฟ้า จะใช้ชื่อยี่ห้อ และชื่อรุ่นเหมือนกัน คือ MERCEDES-BENZ CLA ไม่ใช่รถเครื่องยนต์สันดาปภายในกับรถพลังไฟฟ้าติดป้ายชื่อต่างกัน เหมือนรถหลายๆ รุ่นก่อนหน้านี้ ตัวอย่างเช่น รถเก๋งซีดานขนาดกลางซึ่งติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายในใช้ชื่อ MERCEDES-BENZ E-CLASS (เมร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาสส์) ส่วนรถพลังไฟฟ้าใช้ชื่อ MERCEDES-EQ EQE (เมร์เซเดส-อีคิว อีคิวอี) และรถเก๋งซีดานขนาดใหญ่ซึ่งติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายในใช้ชื่อ MERCEDES-BENZ S-CLASS (เมร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาสส์) ส่วนรถพลังไฟฟ้าใช้ชื่อ MERCEDES-EQ EQS (เมร์เซเดส-อีคิว อีคิวเอส)
MERCEDES-BENZ CLA พลังไฟฟ้า จะเริ่มการจำหน่ายในเดือนตุลาคม 2025 นี้ และจะมีรถให้เลือกเพียง 2 โมเดลเท่านั้น คือ MERCEDES-BENZ CLA 250+ WITH EQ TECHNOLOGY (เมร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอ 250+ วิธ อีคิว เทคโนโลยี) กับ MERCEDES-BENZ CLA 350 4MATIC WITH EQ TECHNOLOGY (เมร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอ 350 4 เมทิค วิธ อีคิว เทคโนโลยี) ทั้งคู่มีขนาดตัวถังยาว 4.723 ม. กว้าง 1.855 ม. และสูง 1.468 ม. คือ ยาวขึ้น 3.5 ซม.กว้างขึ้น 2.5 ซม. และสูงขึ้น 2.9 ซม. เมื่อเทียบกับรถรุ่นเดิม เป็นตัวถังที่มีช่วงฐานล้อยาว 2.790 ม.คือ ยาวขึ้นถึง 6.1 ซม. และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศที่เยี่ยมยอดมาก คือ ต่ำเพียง 0.21 เท่านั้นเอง
โมเดลพื้นฐาน MERCEDES-BENZ CLA 250+ WITH EQ TECHNOLOGY เป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า ติดตั้งระบบขับซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 200 กิโลวัตต์/272 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับระบบเกียร์ 2 จังหวะ และแบทเตอรี LITHIUM-ION ขนาดความจุใช้งาน 85 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 6.7 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 210 กม./ชม. กรณีชาร์จไฟเต็มและวัดตามมาตรฐาน WLTP จะวิ่งได้ไกล 694-792 กม. และมีอัตราสิ้นเปลืองพลังไฟฟ้าเฉลี่ย 12.2-14.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม. หรือ 7.1-8.2 กม./กิโลวัตต์ชั่วโมง
โมเดลหัวกะทิ MERCEDES-BENZ CLA 350 4MATIC WITH EQ TECHNOLOGY เป็นรถขับเคลื่อนทุกล้อ ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด ให้กำลังรวม 260 กิโลวัตต์/354 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับระบบเกียร์ 2 จังหวะ และแบทเตอรี LITHIUM-ION ขนาดความจุใช้งาน 85 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาแค่ 4.9 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 210 กม./ชม. เช่นกัน กรณีชาร์จไฟเต็ม และวัดตามมาตรฐาน WLTP รถจะวิ่งได้ไกล 672-771 กม. และมีอัตราสิ้นเปลืองพลังไฟฟ้าเฉลี่ย 12.5-14.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม. หรือ 6.8-8.0 กม./กิโลวัตต์ชั่วโมง
แบทเตอรี LITHIUM-ION ขนาดความจุ 85 กิโลวัตต์ชั่วโมง ที่ใช้ในรถ 2 โมเดลนี้ การชาร์จไฟด้วยไฟบ้านกระแสสลับ (AC) 3-เฟส 11 กิโลวัตต์ จะใช้เวลาถึง 9 ชม. การชาร์จไฟแบบเร่งด่วน ณ สถานีจ่ายไฟด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC) จะใช้เวลาเพียง 22 นาที และการชาร์จไฟแบบเร่งด่วน ณ สถานีจ่ายไฟด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC) เป็นเวลา 10 นาที รถขับล้อหน้าจะวิ่งได้ไกล 285-325 กม. ส่วนรถขับทุกล้อจะวิ่งได้ไกล 275-315 กม.
สำหรับผู้นิยมรถไฮบริด ซึ่งจะมีกำลังสูงสุดให้เลือกใช้ถึง 3 ระดับ และเป็นรถประหยัดเชื้อเพลิงระดับเดียวกับรถดีเซล ต้องอดใจรอจนถึงปี 2026
MERCEDES-BENZ CLA 250+ WITH EQ TECHNOLOGY
- รถเก๋งคูเประดับหรูขนาดเล็กกะทัดรัด ขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ
- มิติตัวถัง 4.723x1.855x1.468 ม. สัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศต่ำสุด 0.21
- มอเตอร์ไฟฟ้า 200 กิโลวัตต์/272 แรงม้า+แบทเตอรี 85 กิโลวัตต์ชั่วโมง
- อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 6.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม. (จำกัด)
- ระยะเดินทาง 694-792 กม. อัตราสิ้นเปลือง 12.2-14.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม.
MERCEDES-BENZ CLA 350 4MATIC WITH EQ TECHNOLOGY
- รถเก๋งคูเประดับหรูขนาดเล็กกะทัดรัด ขับเคลื่อนทุกล้อด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ
- มิติตัวถัง 4.723x1.855x1.468 ม. สัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.21
- มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด 260 กิโลวัตต์/354 แรงม้า+แบทเตอรี 85 กิโลวัตต์ชั่วโมง
- อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม. (จำกัด)
- ระยะเดินทาง 672-771 กม. อัตราสิ้นเปลือง 12.5-14.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม.