สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
เวย์น โจว กรรมการผู้จัดการ GWM (THAILAND)
“ฟอร์มูลา” สัมภาษณ์พิเศษ เวย์น โจว กรรมการผู้จัดการ GWM ประเทศไทย
ฟอร์มูลา : นโยบาย และทิศทางของ GWM ประเทศไทย ?
โจว : GWM (กเรท วอลล์ มอเตอร์) มีกลยุทธ์ระดับโลกที่ตอบโจทย์ลูกค้าด้วยความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ สำหรับประเทศไทย อันดับแรก คือ เรามีผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ลูกค้าด้วยเครื่องยนต์ที่หลากหลาย ไม่ใช่มีเฉพาะอีวีเพียงอย่างเดียว โดยมีทั้งไฮบริด พลัก-อิน ไฮบริด ล่าสุด เราแนะนำเครื่องยนต์ดีเซล นอกจากนี้ ประเภทรถยังครบทุกเซกเมนท์ ไม่ว่าจะเป็นบี-เซกเมนท์ เอสยูวีขนาดต่างๆ พีพีวี รวมถึงรถพิคอัพ
นโยบายที่ 2 เรามีโรงงานที่ระยอง ซึ่งไม่ได้ผลิตเพียงตลาดประเทศไทยเท่านั้น แต่มีการผลิตเพื่อส่งออก โดยต้องการให้ไทยเป็นฐานส่งออกรถพวงมาลัยขวา และเริ่มส่งออกไปแล้วหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย และล่าสุด ส่งออก ORA GOOD CAT (โอรา กูดแคท) ไปบราซิล ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ พร้อมแผนการเพิ่มโคคอลคอนเทนท์ และโลคอลซัพพลายเออร์ รวมถึงกโลบอลซัพพลายเออร์
นโยบายที่ 3 USER-CENTRIC หรือการให้ผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง โดยยึดมั่นในหลักการรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และความต้องการของลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อนำมาปรับใช้ในการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ๆ รวมถึงยกระดับคุณภาพการบริการหลังการขายให้ครอบคลุม ตรงจุด และสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่เจ้าของรถยนต์ GWM เห็นได้จากผลิตภัณฑ์ที่นำมาเปิดตัวในประเทศไทยจะมีการปรับให้เข้ากับความต้องการ และภูมิประเทศ ไม่ว่าจะเป็นช่วงล่าง รูปทรงภายนอก ภายใน ฟังค์ชันลดเสียง และระบบต่างๆ ที่ได้ปรับปรุงจากความคิดเห็นของลูกค้า หรือแม้แต่การแนะนำ TANK 300 (แทงค์ 300) เครื่องยนต์ดีเซล ที่มีแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ เข้ามาทำตลาดเป็นที่แรก และที่เดียวของโลก เพื่อตอบสนองลูกค้าที่ต้องการใช้ขับในเมือง
ฟอร์มูลา : แผนการลงทุนในด้านต่างๆ และความพร้อมในการขยายธุรกิจ ?
โจว : GWM วางแผนลงทุนในประเทศไทยประมาณ 22.6 พันล้านบาท โดยได้ลงทุนไปแล้ว 12.5 พันล้านบาท รวมถึงมีการนำพาร์ทเนอร์จากจีนเข้ามาลงทุนในไทย ส่วนใหญ่เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรถไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังมีพาร์ทเนอร์ในประเทศเพื่อให้เกิดการใช้ชิ้นส่วนในประเทศเพิ่มขึ้น รวมถึงสร้างงาน สร้างรายได้ให้คนไทย ส่วนการลงทุนที่เหลือขึ้นอยู่กับการผลิต และรถรุ่นใหม่ที่จะมาผลิต
ฟอร์มูลา : โรงงานในประเทศไทยมีกำลังการผลิตเท่าไหร่ และแผนส่งออกในอนาคต ?
โจว : โรงงาน GWM ประเทศไทย มีกำลังการผลิต 80,000 คัน/ปี โดยจะผลิตรถ GWM TANK 500 DIESEL (กเรท วอลล์ มอเตอร์ แทงค์ 500 ดีเซล), GWM TANK 500 HEV (กเรท วอลล์ มอเตอร์ แทงค์ 500 เอชอีวี), GWM TANK 300 DIESEL (กเรท วอลล์ มอเตอร์ แทงค์ 300 ดีเซล), GWM TANK 300 HEV (กเรท วอลล์ มอเตอร์ แทงค์ 300 เอชอีวี), GWM HAVAL H6 PHEV (กเรท วอลล์ มอเตอร์ ฮาวัล เอช 6 พีเอชอีวี), GWM HAVAL H6 HEV (กเรท วอลล์ มอเตอร์ ฮาวัล เอช 6 เอชอีวี), GWM HAVAL JOLION HEV (กเรท วอลล์ มอเตอร์ ฮาวัล โจไลออน เอชอีวี), GWM ORA GOOD CAT, GWM ORA GOOD CAT GT (กเรท วอลล์ มอเตอร์ โอรา กูด แคท จีที) และ GWM POER SAHAR HEV (กเรท วอลล์ มอเตอร์ โพเออร์ ซาฮาร์) โดยปัจจุบันมีการส่งออกเกือบทุกโมเดล
ฟอร์มูลา : รถที่จะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้ GWM ในไทยจะเป็นเซกเมนท์ไหน ?
โจว : GWM มีรถในเซกเมนท์ต่างๆ ครอบคลุมตลาดแล้ว 85 % ซึ่งถ้ามองในผลิตภัณฑ์ที่เรามีอยู่ เราจะมีความเชี่ยวชาญรถประเภทเอสยูวี กับพิคอัพ ซึ่งเป็นตลาดค่อนข้างใหญ่ เอสยูวีขนาดเล็ก GWM มี HAVAL JOLION ที่มีตลาดค่อนข้างใหญ่กว่าบแรนด์อื่น ส่วนเอสยูวีกลาง เป็นรุ่น HAVAL H6 โดยเฉพาะรุ่น PHEV ที่มีจุดเด่น และจุดขายที่เหนือกว่า มีโอกาสผลักดัน พลัก-อิน ไฮบริด ส่วน PPV เป็นอีกหนึ่งเซกเมนท์ ที่เราอยากบุกตลาดในขณะนี้ เพราะ GWM มีความเชี่ยวชาญ มีเครื่องยนต์ดีเซล อีกทั้งพิคอัพของ GWM ยังครองอันดับ 1 ในจีน 26 ปีแล้ว ซึ่งเรารู้ว่าจะทำตลาดอย่างไร แม้ผู้นำตลาดขณะนี้มีความแข็งแกร่ง แต่เราก็อยากเพิ่มออพชัน ขยายเซกเมนท์ของพิคอัพ และเพิ่มทางเลือกให้คนไทย
ส่วนเซกเมนท์ที่ GWM ยังขาดอยู่ 15 % จะเป็นรถประเภท แฮทช์แบค ซิทีคาร์ เอมพีวี พรีเมียม โดยเราวางแผนที่จะเปิดตัวในประเทศไทยในอนาคตอันใกล้นี้
ฟอร์มูลา : การขยายเครือข่ายผู้จำหน่าย และศูนย์บริการ ?
โจว : ปัจจุบัน GWM มีเครือข่ายผู้จำหน่าย 70 แห่ง คาดว่าจะมีขยายเพิ่มอีก แต่น่าจะไม่เกิน 80 แห่ง เพราะสิ่งสำคัญที่ GWM เน้นคือ คุณภาพ ที่เราให้ความสำคัญมากกว่าปริมาณ โดยต้องการสร้างประสบการณ์ให้ผู้บริโภคเกิดความพึงพอใจสูงสุด โดยที่ผ่านมา GWM จะโดดเด่นในเรื่องแอพพลิเคชัน ที่ลูกค้าสามารถใช้บริการผ่านแอพพลิเคชันได้ และถึงแม้จะมีศูนย์บริการน้อย แต่ก็มีบริการพิเศษรองรับเช่น ROADSIDE ASSISTANCE 24 ชม. หากรถมีปัญหาพร้อมให้บริการภายใน 30 นาที พารถไปจุดบริการที่ใกล้ที่สุด และ GWM MOBILITY SERVICE จำนวนศูนย์บริการจึงไม่สำคัญ เพื่อตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง เดินหน้าสะท้อนพันธกิจด้าน “QUALITY LONG-TEMISAM” หรือแนวคิด “คุณภาพที่ยั่งยืนในระยะยาว”
ฟอร์มูลา : ความพร้อมในการแข่งขันกับคู่แข่งในตลาด ?
โจว : การแข่งขันแบ่งออกเป็น 2 แบบ แบบแรก คือ ถ้าเปรียบเทียบการแข่งขันกับบแรนด์จีนด้วยกัน ซึ่งบแรนด์จีนอื่นจะมีแค่ BEV ซึ่งจะมีสัดส่วนอยู่แค่ 13.3 % ของทั้งหมด แต่สำหรับ GWM มีสินค้าที่มีความหลากหลายมากถึง 85 % ถือเป็นจุดแข็งของเราอย่างมาก แบบที่ 2 การแข่งขันกับบแรนด์ที่อยู่มานาน หลักๆ ก็จะเป็นบแรนด์จากญี่ปุ่น แต่สำหรับ GWM เป็นรถที่มาจากจีน มีความโดดเด่นเรื่องเทคโนโลยี และพลังงานใหม่ ถ้าเปรียบเทียบกันระหว่างรถเรากับรถที่อยู่มานาน ในราคาเดียวกัน จะพบว่ารถเรามีเทคโนโลยีมากกว่า ซึ่งเราใช้จุดนี้เป็นหลักในการแข่งขัน เพราะ GWM คิดว่าลูกค้าควรจะจ่ายเงินเพื่อคุณค่ามากกว่าจ่ายเงินให้พื้นเพของบแรนด์ที่อยู่มานาน
นอกจากความแตกต่างดังกล่าวแล้วเรายังมีความใกล้ชิดกับลูกค้ามากกว่า ซึ่งเราจะฟังลูกค้า และนำมาปรับปรุง เปลี่ยนแปลงสินค้าได้เร็วกว่า รวมถึงพร้อมจะรับฟังความคิดเห็นจากผู้บริโภค อีกจุดหนึ่ง คือ การบริการหลังการขาย ซึ่งเราถือว่าความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ เรามีแอพพลิเคชัน และการบริการต่างๆ ที่สะดวก รวดเร็ว เราเชื่อว่าเราตอบปัญหาของลูกค้าได้รวดเร็วกว่า
ฟอร์มูลา : เป้าหมายการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ?
โจว : ในระยะยาว GWM อยู่ในกลุ่มทอพบแรนด์รถยนต์ของไทย เพราะเชื่อมั่นว่า เรามาถูกทาง และมีสินค้า และองค์ประกอบต่างๆ ที่ตอบโจทย์ เราเข้ามาอยู่ในตลาดแค่ 5 ปีเท่านั้น ยังอยู่ในช่วงวางรากฐาน แต่ GWM มีศักยภาพ และความพร้อม จึงเชื่อมั่นว่า สักวันหนึ่ง GWM จะขึ้นไปอยู่ในระดับทอพบแรนด์ได้
ฟอร์มูลา : อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยปีนี้จะเป็นอย่างไร ?
โจว : ท้าทายอย่างยิ่ง ปีนี้ตลาดรถยนต์รวมน่าจะอยู่ที่ 590,000 คัน อย่างไรก็ตาม ผมมองว่าตลาดเมืองไทยมีศักยภาพ และรากฐานที่มั่นคง เคยมีการผลิตถึง 3 ล้าน เพราะฉะนั้นทิศทางของไทยในอนาคตยังดูดี ถึงแม้ว่าขณะนี้จะยากลำบากก็ตาม
การแข่งขันของเราจะแบ่งออกเป็น 2 ทาง คือ ทางแรกตลาดในประเทศจะแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ตอบโจทย์คนไทย ส่วนอีกทางหนึ่งจะดันการส่งออกให้มากขึ้น พร้อมยังเชื่อมันว่าเราจะแข่งขันได้ และจะมีส่วนแบ่งการตลาดแบบสมเหตุสมผล โดยปีที่แล้ว GWM มียอดขายรวม 7,368 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 1.3 % ปีนี้ตั้งเป้ามีส่วนแบ่งตลาด 4 %
ฟอร์มูลา : คุณมีความคิดเห็นอย่างไร ที่ปัจจุบันตลาดรถยนต์ไฟฟ้า เริ่มหดตัว ?
โจว : ปัจจุบันรถไฟฟ้าในประเทศไทยมีจำนวนผู้เล่นเยอะ มีการแข่งขันรุนแรง และในอนาคตก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ดูไม่เติบโตอย่างที่ควรจะเป็น ปีนี้น่าจะไม่เติบโตมากนัก GWM มองว่า รถยนต์ BEV เหมาะสมสำหรับการเดินทางในเมือง ซึ่ง ORA GOOD CAT วิ่งได้ 500 กม.เพียงพอ และสามารถตอบสนองการเดินทางในมืองได้ แต่สำหรับการเดินทางไกล เชื่อว่า ไฮบริด พลัก อิน-ไฮบริด เครื่องยนต์สันดาป เครื่องยนต์ดีเซล ตอบโจทย์มากกว่ารถยนต์ไฟฟ้า นั่นคือ เหตุผลที่เราสร้างเครื่องยนต์ที่หลากหลายสำหรับตลาดทั่วโลก
ฟอร์มูลา : คุณมองเรื่องสงครามราคาอย่างไร ?
โจว : สงครามราคาที่รุนแรงทำให้ห่วงโซอุปทานไม่ดี โดยตอนแรกอาจจะดี แต่เมื่อมีการลดราคาสุดท้ายใครจะดูแล เมื่อราคาลดรุนแรงขนาดนี้ ต่อไปบริษัทอาจจะอยู่ไม่ได้ ในแง่คุณภาพก็ต้องลดต้นทุน ตัวรถไม่มีคุณภาพ การลดราคาต้องสละเรื่องคุณภาพ แต่ GWM ให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญ