มหกรรมยานยนต์ต่างประเทศ
มหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์
หลังจากตกต่ำย่ำแย่เพราะวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์อยู่ 1 ปีเต็ม ในรอบปีเสือดุที่เพิ่งผ่านพ้นไปอาการของอุตสาหกรรมรถยนต์ในเมืองมะกัน ก็เริ่มกระเตื้องขึ้น ผู้ผลิตรถยนต์อเมริกันระดับ "บิกธรี"ล้วนปิดผลประกอบการในรอบปี 2010 ด้วยตัวเลขที่เห็นแล้ว น่าจะยิ้มได้บ้างยักษ์ใหญ่ เจเนอรัล มอเตอร์ส (GENERAL MOTORS) ซึ่งกลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มีรัฐบาลอเมริกันเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ไปแล้ว ออกข่าวผ่านเวบไซท์เมื่อเริ่มปีกระต่ายทองไปได้เพียง 4 วันว่า ในรอบปี 2010 ที่เพิ่งผ่านพ้นไปสามารถส่งรถรวม 10 ยี่ห้อ ใหแก่ลูกค้าในตลาดทั่วโลกได้รวมทั้งสิ้น 8,389,769 คัน หรือเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 12.2 จากตัวเลขในรอบปี 2009 โดยที่ตลาดใหญ่ที่สุด คือ สาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งมียอดสูงถึง 2,351,610 คัน หรือเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 28.8 จาก 1,826,475 คัน ในรอบปี 2009 รองลงไป คือสหรัฐอเมริกา 2,215,227 คัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3 จาก 2,084,492 คัน ในรอบปี 2009
ยักษ์รอง ฟอร์ด (FORD) ก็ประกาศในเวลาใกล้เคียงกันว่า ในรอบปี 2010 สามารถขายรถใหม่ในตลาดเมืองมะกันได้ถึง 1,935,462 คัน หรือเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 19.4 จากยอดขาย 1,620,888 คัน ในรอบปี 2009 ยอดขายดังกล่าวนี้แยกออกได้เป็นรถยนต์นั่ง 696,918 คัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.0) รถกิจกรรมกลางแจ้ง 515,240 คัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.9) รถกระบะ 723,304 คัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.1) และแยกออกได้เป็นรถติดป้ายชื่อ ฟอร์ด (FORD) 1,756,439 คัน รถติดป้ายชื่อ เมอร์คิวรี (MERCURY) 93,195 คัน และรถติดป้ายชื่อ ลินคอล์น (LINCOLN) 85,828 คัน
ส่วนยักษ์เล็ก ไครสเลอร์ (CHRYSLER) ซึ่งมีกลุ่ม เฟียต (FIAT) ของอิตาลีเป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ 20 ก็ประกาศเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2011 ว่า ในรอบปีเสือดุ สามารถขายรถในตลาดเมืองมะกันได้รวม 1,085,211 คัน หรือเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 16.5 จากยอดขาย 931,402 คัน ในรอบปี 2009 โดยแยกออกได้เป็นรถติดป้ายชื่อ ดอดจ์ (DODGE) 383,675 คัน รถติดป้ายชื่อ จีพ (JEEP) 291,138 คัน รถติดป้ายชื่อ แรม (RAM) 212,952 คัน และรถติดป้ายชื่อ ไครสเลอร์ (CHRYSLER) 197,446 คัน กล่าวโดยรวม ในรอบปีเสือดุ ตลาดรถใหม่ในเมืองมะกันทำยอดขายรถทุกประเภทได้รวมทั้งสิ้นประมาณ 11.6 ล้านคัน และคาดหมายกันว่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 1.0 ล้านคันในปีกระต่าย แม้ว่าเป็นตัวเลขที่ดูจิ๊บจ๊อยเมื่อเทียบกับมาตรฐานในอดีต แต่ก็ยังนับว่าน่าพอใจเมื่อเทียบกับสถานการณ์ย่ำแย่ในรอบปี 2008 และ 2009
เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทีมงาน "ฟอร์มูลา"เดินทางไปเยือนสหรัฐอเมริกา โดยมี NORTH AMERICAN INTERNATIONAL AUTO SHOW (NAIAS) หรือ "มหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์" เป็นจุดหมายปลายทาง และก็เป็นอีกครั้งหนึ่งเช่นกันที่คณะของเราต้องผจญกับสภาพอากาศที่น่าระอา เพราะมีทั้งฝน มีทั้งหมอก มีทั้งหิมะ และอุณหภูมิอันเย็นยะเยือก เราออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิด้วยนกเหล็กของสายการบินเจ้าจำปีเมื่อตอนค่ำของวันเสาร์ที่ 8 มกราคม 2011 และต้องใช้เวลายาวนานเกือบ 24 ชั่วโมง จึงได้เหยียบเท้าลงบนแผ่นดินของเมืองดีทรอยท์ในรัฐมิชิแกน เป็นแผ่นดินที่ขาวโพลนไปด้วยหิมะหนาเตอะ และอุณหภูมิระดับติดลบแม้เมื่ออยู่ในยามบ่าย
เช่นเดียวกับเมื่อปีกลาย มหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ จัดวันพิเศษสำหรับสื่อมวลชนไว้เพียง 2 วัน คือ วันจันทร์ที่ 10 และวันอังคารที่ 11 มกราคม 2010 พิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการกระทำในวันแรกและทำกันเช้ามาก คือ เวลา 07.30 น. หลังจากนั้นจึงเป็นการแถลงข่าวของรถแต่ละยี่ห้อ ซึ่งกระทำต่อเนื่องกันไปจนค่ำยอดขายที่กระเตื้องขึ้นเป็นอย่างมากดังกล่าวข้างต้น ทำให้คณะของเราคาดหมายกันว่า บรรยากาศของมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ครั้งนี้น่าจะคึกคักกว่าเมื่อปีกลาย ซึ่งบูธของผู้ผลิตรถยนต์หลายรายมีสภาพเหมือนร้านขายรถมือสอง แต่เอาเข้าจริงสภาพโดยรวมดูดีขึ้นบ้าง แต่ไม่ดีอย่างที่คาด ใน 2 วันที่จัดไว้โดยเฉพาะสำหรับสื่อมวลชน พื้นที่จัดงานดูโหรงเหรง ไม่คลาคล่ำไปด้วยสื่อมวลชนหัวแดงหัวดำและผู้ติดตามเหมือนงานแสดงรถยนต์ระดับ "อินเตอร์" ในยุโรป อย่างมหกรรมยานยนต์เจนีวาและมหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ท ผู้ผลิตรถยนต์หลายๆ รายที่เคยร่วมงานนี้ ยังหายหน้าหายตาไป ตัวอย่าง คือ นิสสัน (NISSAN) อินฟินิที (INFINITI) มิตซูบิชิ (MITSUBISHI) และ ซูซูกิ (SUZUKI) ของค่ายญี่ปุ่น
เป็นอีกงานหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า อนาคตของอุตสาหกรรมรถยนต์ คือ รถไฟฟ้า มีรถไฟฟ้าแบบใหม่ๆ อวดตัวในงานนี้นับ 10 คัน บางคันมีขายแล้ว แต่บางคันยังมีฐานะเป็นรถแนวคิด ซึ่งไม่มีการยืนยันว่าเมื่อไรจึงจะมีขายในตลาด ? มีรถอะไรกันบ้าง พลิกไปอ่านได้เลยใน 16 ถัดไป
บิวอิค เวอราโน
บิวอิค เวอราโน (BUICK VERANO) รถแบบใหม่ล่าสุด และเป็นรถใหม่แบบที่ 3 ในรอบ 2 ปีอันเป็นช่วงเวลาแห่งการ "ฟื้นฟูศิลปะวิทยาการในการผลิตรถ" ของค่าย บิวอิค อวดตัวเป็นครั้งแรกที่งานนี้ ในตัวถังขนาด 4.671x1.815x1.484 ม. ที่รูปทรงองค์เอวดูไม่เป็นรถอเมริกันเอาเสียเลย เป็นรถที่เพียบไปด้วยอุปกรณ์ความปลอดภัย รวมทั้งระบบถุงลมนิรภัยที่ติดตั้งไว้มากมายถึง 10 ชุด แถมยังมีอุปกรณ์อำนวยความสุขความสะดวกเขียนได้ยาวเป็นหางว่าว ตัวอย่าง คือ ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยการกดปุ่ม พวงมาลัยและเก้าอี้ที่นั่งซึ่งมีเครื่องทำความร้อนอยู่ในตัว ฯลฯ เป็นรถขนาด 5 ที่นั่ง ที่จะออกตลาดในเมืองมะกันตอนไตรมาสสุดท้ายของปีกระต่าย ในฐานะรถรุ่นปีโมเดล 2012 โดยติดตั้งเครื่อง DOHC 4 สูบเรียง 2,384 ซีซี 177 แรงม้า ที่ออกแบบโดยเน้นความประหยัด จึงมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ดีมาก คือ 13.2 กม./ลิตร เมื่อขับขี่บนทางหลวง
บิวอิค ลา กรอสเซ อีแอสซิสต์
บิวอิค ลา กรอสเซ อีแอสซิสต์ (BUICK LA CROSSE EASSIST) รถโมเดลพิเศษและเป็นรถไฮบริดแบบแรกของค่ายนี้ พัฒนาจากรถ บิวอิค ลา กรอสเซ (BUICK LA GROSSE) รุ่นปัจจุบันซึ่งเริ่มจำหน่ายในเมืองมะกันเมื่อกลางปี 2009 โดยเปลี่ยนระบบขับจากขับล้อหน้าด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายในเพียงอย่างเดียว เป็นขับแบบไฮบริด โดยใช้เครื่องยนต์ DOHC 4 สูบเรียง 2,384 ซีซี 182 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าระบายความร้อนด้วยของเหลวขนาด 15 กิโลวัตต์ และใช้แบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ขนาด 115 โวลท์ 15 กิโลวัตต์ มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำกว่ารถรุ่นสามัญถึงร้อยละ 25 จะออกตลาดฤดูร้อนปีนี้ ในฐานะรถรุ่นปีโมเดล 2012 ด้วยค่าตัวที่คาดกันว่าน่าจะเริ่มต้นที่ระดับ 30,000 เหรียญสหรัฐ ฯ
บิวอิค รีกัล จีเอส
รถรุ่นปีโมเดล 2012 อีกแบบหนึ่งที่ค่าย บิวอิค นำออกแสดงในงานนี้ คือ บิวอิค รีกัล จีเอส (BUICK REGAL GS) รถโมเดลที่สามถัดจาก บิวอิค รีกัล ซีเอกซ์แอล (BUICK REGAL CXL) และ บิวอิค รีกัล ซีเอกซ์แอล เทอร์โบ (BUICK REGAL CXL TURBO) ซึ่งเพิ่งเริ่มจำหน่ายในเมืองมะกันเมื่อปลายปีเสือในฐานะรถรุ่นปีโมเดล 2011 รถโมเดลใหม่ และเป็นโมเดลหัวกะทินี้ ติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบ DOHC 4 สูบเรียง 1,998 ซีซี 255 แรงม้า ถ่ายทอดกำลังสู่ล้อคู่หน้าผ่านระบบเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ นับเป็นรถยนต์นั่งซีดานขนาดกลางที่แรงและเร็ว อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาไม่ถึง 7.0 วินาที จะออกตลาดในช่วงครึ่งหลังของปีกระต่าย ในฐานะรถรุ่นปีโมเดล 2012
เชฟโรเลต์ โวลท์
อวดตัวในงานนี้เช่นกัน คือ เชฟโรเลต์ โวลท์ (CHEVROLET VOLT) รถไฟฟ้าสัญชาติอเมริกันที่เป็นข่าวต่อเนื่องกันมายาวนาน และขณะนี้ออกจำหน่ายไปเรียบร้อยแล้วพร้อมคำกล่าวอ้างว่า เป็นรถไฟฟ้าแบบแรกของโลกที่ติดตั้งเครื่องยนต์ซึ่งทำหน้าที่เป็น RANGE EXTENDER หรือ "ตัวยืดระยะทาง" ไว้ด้วย รถไฟฟ้าซึ่งมีตัวถังขนาด 4.438x1.788x1.430 ม. มีค่าสัมประสิทธิแรงต้านอากาศ 0.28 และนั่งได้รวม 4 คนนี้ เป็นรถขับล้อหน้าซึ่งติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 111 กิโลวัตต์/149 แรงม้า และแบทเตอรีลิเธียม-ไอออนซึ่งมีน้ำหนักตัว 198 กก. (รับประกันอายุการใช้งาน 8 ปี/160,000 กม.) ประจุไฟแต่ละครั้งด้วยไฟบ้าน 120 โวลท์ โดยใช้เวลา 10-12 ชั่วโมง หรือด้วยไฟ 240 โวลท์ โดยใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง รถจะวิ่งได้ไกลประมาณ 55 กม.ด้วยความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม. ที่พิเศษกว่ารถไฟฟ้าแบบอื่นๆ ก็คือ เมื่อแบทเตอรีไฟหมดหม้อ ก็ยังมีเครื่องยนต์ DOHC 4 สูบเรียง 1,398 ซีซี 84 แรงม้า หมุนปั่นไฟเข้าแบทเตอรี ทำให้สามารถยืดระยะการเดินทางเป็นประมาณ 600 กม. เมื่อเติมเชื้อเพลิงเต็มถังซึ่งจุ 35 ลิตร เชฟโรเลต์ ซึ่งใช้เงินลงทุนสูงถึง 700 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ สำหรับโครงการผลิตรถแบบนี้ นั่งยันยืนยันว่า นี่คือ รถไฟฟ้าแท้ๆ ไม่ใช่รถไฮบริด แต่ประเด็นที่สื่อมวลชนบางค่ายยังสงสัย และถกเถียงกันอยู่ในขณะนี้ก็คือ เจ้าเครื่องยนต์เบนซินขนาดเล็กที่ว่านี้ ทำหน้าที่หมุนเพื่อปั่นไฟเพียงอย่างเดียว หรือช่วยขับล้อด้วย หากเป็นอย่างแรก เชฟโรเลต์ โวลท์ ก็คือ รถไฟฟ้าแท้ๆ ถ้าเป็นอย่างหลัง ก็น่าจะเรียกว่ารถไฮบริด
เชฟโรเลต์ คามาโร คอนเวอร์ทิเบิล
อวดตัวครั้งแรกที่งานมหกรรมยานยนต์ลอสแองเจลิสเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนปีเสือและฉายซ้ำอีกครั้งที่งานนี้ คือ เชฟโรเลต์ คามาโร คอนเวอร์ทิเบิล (CHEVROLET CAMARO CONVERTIBLE) รถเปิดประทุน 4 ที่นั่ง สมรรถนะสูง ซึ่งเพิ่งเริ่มการผลิตเมื่อเดือนมกราคม และเริ่มการขายไปแล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ในฐานะรถรุ่นปีโมเดล 2011 ด้วยค่าตัวเริ่มต้นที่ระดับ 30,000 เหรียญสหรัฐ ฯ หรือประมาณ 0.93 ล้านบาทไทย ตัวถังขนาด 4.836x1.918x1.389 ม. ดัดแปลงจากรถคูเป เชฟโรเลต์ คามาโร (CHEVROLET CAMRO) ซึ่งเริ่มจำหน่ายในเมืองมะกันเมื่อฤดูใบไม้ผลิ 2009 โดยเปลี่ยนจากหลังคาแข็ง เป็นหลังคาเปิดประทุนแบบอ่อน เปิด/ปิดด้วยการกดปุ่ม โดยใช้เวลาประมาณ 20 วินาที มีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้ 2 ขนาด คือ เครื่องฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 6 สูบ 3,564 ซีซี 312 แรงม้า กับเครื่อง OHV วี 8 สูบ 6,162 ซีซี 400/426 แรงม้า
เชฟโรเลต์ โซนิค
รถเชื้อชาติเกาหลี/สัญชาติอเมริกัน อวดโฉมให้คนรักรถในเมืองมะกันได้สัมผัสเป็นครั้งแรกที่งานนี้ กำลังจะเริ่มการผลิตที่โรงงานของค่ายจีเอมซึ่งตั้งอยู่ในรัฐมิชิแกน และออกจำหน่ายตอนกลางปีกระต่ายในฐานะรถรุ่นปีโมเดล 2012 ชื่อ เชฟโรเลต์ โซนิค (CHEVROLET SONIC) จะใช้เฉพาะรถที่จำหน่ายในทวีปอเมริกาเหนือซึ่งมีอยู่เพียง 3 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา แคนาดา และเมกซิโก ส่วนในประเทศอื่นๆ มากกว่า 50 ประเทศ (รวมทั้งประเทศไทย?) จะติดป้ายชื่อ เชฟโรเลต์ อาวีโอ (CHEVROLET AVEO) เป็นรถที่ออกแบบขึ้นใหม่ตั้งแต่หัวจรดหาง และจะมีตัวถังให้เลือกใช้ 2 แบบ คือ ตัวถังซีดานขนาด 4.399x1.735x1.517 ม. และตัวถังแฮทช์แบคขนาด 4.039x1.735x1.517 ม. ส่วนเครื่องยนต์ที่ใช้จะแตกต่างกันไปในแต่ละตลาด รถที่ออกจำหน่ายในเมืองมะกัน จะมีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้รวม 2 ขนาด เป็นเครื่องที่ใช้อยู่แล้วในรถอนุกรมพี่ คือ เชฟโรเลต์ ครูซ (CHEVROLET CRUZE) ได้แก่เครื่องเทอร์โบ DOHC 4 สูบเรียง 1,364 ซีซี 138 แรงม้า ทำงานร่วมกับระบบเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ กับเครื่อง DOHC 4 สูบเรียง 1,796 ซีซี 135 แรงม้า ทำงานร่วมกับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ หรือเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
ฟอร์ด มัสแตง บอสส์ 302
ฟอร์ด มัสแตง บอสส์ 302 (FORD MUSTANG BOSS 302) รถโมเดลพิเศษที่ยักษ์รองเมืองมะกันกำลังจะนำออกสู่ตลาดในฐานะรถรุ่นปีโมเดล 2012 พัฒนาจากรถ ฟอร์ด มัสแตง จีที (FORD MUSTANG GT) รุ่นปีโมเดล 2011 เพื่อสู้กับรถสมรรถนะสูงระดับเดียวกันของค่ายเยอรมัน คือ รถ บีเอมดับเบิลยู เอม 3 (BWW M3) โดยปรับปรุงเปลี่ยนแปลงรายละเอียดมากมาย รวมทั้งปรับแต่งเครื่องยนต์ DOHC วี 8 สูบ 4,951 ซีซี จนได้ม้าเพิ่มขึ้น 28 ตัว คือ กำลังสูงสุดพุ่งจาก 412 เป็น 440 แรงม้า ส่วนระบบเกียร์เพื่อส่งทอดกำลังสู่ล้อคู่หลังยังคงเป็นเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะชุดเดิม ตัวถังขนาด 4.778x1.877x1.400 ม. จะมีให้เลือกใช้รวม 5 สี คือ ส้ม ขาว ฟ้า เหลือง และ แดง
ฟอร์ด เอกซ์พลอเรอร์
ฟอร์ด เอกซ์พลอเรอร์ (FORD EXPLORER) รถกิจกรรมกลางแจ้งรุ่นใหม่ซึ่งเพิ่งออกตลาดในฐานะรุ่นปีโมเดล 2011 และคว้ารางวัล NORTH AMERICAN TRUCK OF THE YEAR หรือ "รถบรรทุกแห่งปีของทวีปอเมริกาเหนือ" ไปแล้วที่งานนี้ เป็นรถที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่กันชนหน้าจรดกันชนหลัง ตัวถังยาว 5.006 ม. ซึ่งติดตั้งเก้าอี้ที่นั่ง 3 แถว และนั่งได้รวม 6-7 คน มีโครงสร้างแตกต่างจากรถรุ่นเดิมแบบพลิกฝ่ามือ คือ เปลี่ยนจากโครงสร้างแบบ BODY-ON-FRAME เหมือนรถกระบะ เป็นโครงสร้างแบบ UNIBODY ซึ่งเป็นตัวถังรับแรงเหมือนรถเก๋ง มีทั้งแบบขับล้อหน้าและขับทุกล้อ ทั้ง 2 แบ่งระดับการตกแต่งและอุปกรณ์เป็น 3 ระดับ กำกับด้วยรหัส BASE XLT และ LIMITED
ฟอร์ด ซี-แมกซ์
ยักษ์รองเมืองมะกันใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัว ฟอร์ด ซี-แมกซ์ (FORD C-MAX) รถอเนกประสงค์ขนาด 5+2 ที่นั่ง ซึ่งออกแบบและพัฒนาในยุโรปโดยใช้พแลทฟอร์มชุดเดียวกับรถ ฟอร์ด โฟคัส (FORD FOCUS) รุ่นใหม่ ตัวถังทรง 2 กล่องซึ่งยาว 4 เมตรครึ่ง ติดตั้งเก้าอี้ที่นั่งรวม 3 แถว และมีประตูข้างคู่หลังเป็นประตูเลื่อนเหมือนรถตู้ทั่วๆ ไป เก้าอี้ที่นั่งแถว 2 ติดตั้งกลไกพิเศษทำให้สามารถพลิกเก้าอี้ตัวกลางเข้าไปซ่อนอยู่ใต้เก้าอี้ตัวขวาได้โดยง่าย และรวดเร็ว เพื่อเปิดช่องทางเดินให้แก่ผู้โดยสารแถวหลัง ยังไม่ยืนยันกำหนดวันออกตลาดที่แน่นอน แต่บอกว่าจะมีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้รวม 2 ขนาด คือ เครื่อง 4 สูบเรียง 1.6 ลิตร กับเครื่อง 4 สูบเรียง 2.5 ลิตร แต่มีระบบเกียร์แบบเดียว คือ เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
ฟอร์ด ซี-แมกซ์ เอเนอจี
อวดตัวครั้งแรกที่งานเช่นนี้เช่นกันคือ ฟอร์ด ซี-แมกซ์ เอเนอจี (FORD C-MAX ENERGI) รถไฮบริดอย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษสไตล์อเมริกันว่า PLUG-IN HYBRID ELECTRIC VEHICLE แบบแรกของค่ายนี้ ปี 2012 จะเริ่มจำหน่ายในทวีปอเมริกาเหนือ ส่วนในยุโรปต้องรอจนถึงปี 2013 พัฒนาจากรถ ฟอร์ด ซี-แมกซ์ 5 ที่นั่ง เวอร์ชันที่ออกแบบสำหรับตลาดยุโรป โดยเปลี่ยนระบบขับ จากขับด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายในอย่างเดียวเป็นขับแบบไฮบริด โดยใช้เครื่องยนต์เบนซินสมรรถนะสูงทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งรับพลังไฟจากแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน (LITHIUM-ION) ที่สามารถประจุไฟด้วยไฟบ้าน มีพิสัยการเดินทางที่น่าพอใจ คือ 800 กม. เมื่อประจุไฟเต็มหม้อ และเติมเชื้อเพลิงเต็มถัง
ฟอร์ด เวอร์ทเรค
จุดโฟคัสสายตาในบูธของยักษ์รองเมืองมะกัน คือ รถแนวคิดซึ่งอวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้โดยติดป้ายชื่อ ฟอร์ด เวอร์ทเรค (FORD VERTREK) เป็นรถแนวคิดซึ่งเป็นต้นแบบของรถ เอสยูวี ขนาดเล็กกะทัดรัด ที่ค่ายนี้ตั้งใจจะผลิตขายในตลาดทั่วโลกโดยใช้พแลทฟอร์มชุดเดียวกับรถเก๋ง ฟอร์ด โฟคัส (FORD FOCUS) รุ่นใหม่ เป็นรถที่ออกแบบโดยเน้นเป็นพิเศษในเรื่องการประหยัดเชื้อเพลิงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ข้อมูลจากการศึกษาเบื้องต้นบ่งบอกว่า ตัวถังของรถตลาดที่พัฒนาจากตัวถังของรถแนวคิดคันนี้ จะมีคุณสมบัติทางอากาศพลศาสตร์ดีกว่ารถประเภทเดียวกันที่มีขายอยู่ในขณะนี้ คือ ฟอร์ด เอสเคพ (FORD ESCAPE) และ ฟอร์ด คูกา (FORD KUGA) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ส่วนเครื่องยนต์ที่จะใช้ คือ เครื่องเทอร์โบฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง ความจุ 1.6 ลิตร ก็จะประหยัดเชื้อเพลิงและมีอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงถึงร้อยละ 10 เมื่อขับขี่ในเขตเมือง
ฟอร์ด โฟคัส อีเลคทริค
อวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้เช่นกัน คือ ฟอร์ด โฟคัส อีเลคทริค (FORD FOCUS ELECTRIC) รถไฟฟ้าแบบแรกและเป็น 1 ในบรรดารถไฟฟ้ารวม 5 แบบที่ค่ายนี้จะนำออกสู่ตลาดอเมริกาเหนือและตลาดยุโรปภายในปี 2013 พัฒนาจากรถ ฟอร์ด โฟคัส แฮทช์แบค (FORD FOCUS HATCHBACK) รุ่นใหม่ โดยเปลี่ยนระบบขับจากขับด้วยพลังของเครื่องยนต์สันดาปภายใน เป็นขับด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ 100 กิโลวัตต์/123 แรงม้า ซึ่งรับพลังไฟจากแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน (LITHIUM-ION) ระบายความร้อนด้วยของเหลวขนาด 23 กิโลวัตต์ชั่วโมง ประจุไฟแต่ละครั้งด้วยไฟบ้าน 240 โวลท์ จะใช้เวลา 3-4 ชั่วโมง และเพิ่มเป็น 18-20 ชั่วโมง เมื่อใช้ไฟ 120 โวลท์
ฟอร์ด ฟิวชัน ไฮบริด
รถประหยัดเชื้อเพลิงอีกแบบหนึ่งของค่าย ฟอร์ด ที่อวดตัวในงานนี้ คือ ฟอร์ด ฟิวชัน ไฮบริด (FORD FUSION HYBRID) รถเก๋งซีดานขนาดกลางซึ่งออกขายแล้วในฐานะรถรุ่นปีโมเดล 2011 โดยติดป้ายค่าตัว 28,200 เหรียญสหรัฐ ฯ หรือเท่ากับประมาณ 0.87 ล้านบาทไทย เป็นรถขับล้อหน้าแบบไฮบริด โดยใช้เครื่องยนต์ DOHC 4 สูบเรียง 2,488 ซีซี 156 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ 29 กิโลวัตต์/40 แรงม้า ให้กำลังรวมสูงสุด 191 แรงม้า ส่วนระบบเกียร์เพื่อถ่ายทอดกำลังสู่ล้อเป็นเกียร์อัตโนมัติปรับอัตราทดต่อเนื่อง (เกียร์ CVT) เมื่อขับด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างเดียวจะทำความเร็วสูงสุด 75 กม./ชม. และจะวิ่งได้ไกลกว่า 1,100 กม. เมื่อเติมเชื้อเพลิงเต็มถังซึ่งจุ 66 ลิตร
ไครสเลอร์ 300
ค่าย ไครสเลอร์ ซึ่งเปลี่ยนรุ่นรถทุกอนุกรมในปีโมเดล 2011 นำรถใหม่ทุกอนุกรมออกอวดตัวในงานนี้ ไครสเลอร์ 300 (CHRYSLER 300) ในภาพบนและภาพใหญ่ เป็นรถธงที่ออกแบบขึ้นใหม่และมีขนาดตัวถังโตกว่ารถรุ่นเดิมในทุกมิติ คือ มีขนาด 5.044x1.902x1.484-1.504 ม. และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.320 แต่หน้าตาและรูปทรงองค์เอวแทบไม่มีอะไรแปลกแหวกแนวจากรถรุ่นก่อน ซึ่งอยู่ในตลาดมาตั้งแต่ปีโมเดล 2005 เป็นรถขนาด 5 ที่นั่ง ซึ่งมีรถให้ลูกค้าในเมืองมะกันเลือกใช้รวม 4 โมเดล คือ CHRYSLER 300-CHRYSLER 300 LIMITED-CHRYSLER 300C-CHRYSLER 300C AWD โดยที่ 2 โมเดลแรกซึ่งเป็นรถขับเคลื่อนล้อหลัง ติดตั้งเครื่องยนต์ DOHC วี 6 สูบ 3,604 ซีซี 292 แรงม้า ส่วน 2 โมเดลหลังติดตั้งเครื่อง OHV วี 8 สูบ 5,654 ซีซี 363 แรงม้า และทุกโมเดลมีระบบเกียร์เพียงแบบเดียว คือ เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ
ไครสเลอร์ 200
รถอีกอนุกรม 1 ในบรรดารถเพียง 3 อนุกรม ที่ค่าย ไครสเลอร์ เสนอให้ลูกค้าในเมืองมะกันเลือกใช้ในขณะนี้ คือ ไครสเลอร์ 200 (CHRYSLER 200) ในภาพซ้ายมือ เป็นรถแบบใหม่ที่เพิ่งออกจำหน่ายในฐานะรถรุ่นปีโมเดล 2011 แทนที่รถอนุกรมเดิม ซึ่งติดป้ายชื่อ ไครสเลอร์ เซบริง (CHRYSLER SEBRING) เป็นรถเก๋งซีดานขนาดกลาง ในตัวถังทรง 3 กล่องขนาด 4.870x1.842x1.482 ม. ซึ่งมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.342 เริ่มจำหน่ายเมื่อเดือนธันวาคมปีเสือ โดยมีรถให้ลูกค้าเลือกใช้รวม 3 โมเดล โดยมีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้ 2 ขนาด คือ เครื่อง DOHC 4 สูบเรียง วี 6 สูบ 3,605 ซีซี 283 แรงม้า ระบบเกียร์เพื่อส่งกำลังสู่ล้อคู่หน้าก็มีให้เลือก 2 แบบ คือ เกียร์อัตโนมัติ 4 หรือ 6 จังหวะ
ไครสเลอร์ ทาวน์ แอนด์ คันทรี
เพิ่งออกจำหน่ายเมื่อเดือนธันวาคมปีเสือในฐานะรถรุ่นปีโมเดล 2011 เช่นกัน คือ ไครสเลอร์ ทาวน์ แอนด์ คันทรี (CHRYSLER TOWN & COUNTRY) รถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง (2+2+3) ในตัวถังขนาด 5.151x1.998x1.725 ม. ซึ่งมีประตูข้างคู่หลังเป็นประตูบานเลื่อน เป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้าผลิตในแคนาดาที่ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากแก่ความปลอดภัยของผู้ขับและผู้โดยสาร จึงติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยไว้มากมายกว่า 40 รายการ แถมเครื่องยนต์ DOHC วี 6 สูบ 3,605 ซีซี ที่ใช้ก็ให้กำลังสูงถึง 283 แรงม้า แต่มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่น่าพอใจมาก คือ 10.6 กม./ลิตร เมื่อวิ่งบนทางหลวง มีรถให้ลูกค้าเลือกใช้รวม 3 โมเดล สนนราคาค่าตัวเริ่มต้นที่ระดับ 30,160 เหรียญสหรัฐ ฯ หรือประมาณ 0.93 ล้านบาท
ดอดจ์ ชาร์เจอร์
รถใหม่แท้ๆ เพียงแบบเดียวที่ปรากฏตัวในบูธของค่าย ดอดจ์ คือ ดอดจ์ ชาร์เจอร์ (DODGE CHARGER) รุ่นปีโมเดล 2011 รถธงในสายการผลิตที่ออกแบบ และพัฒนาโดยมีคนรักรถผู้พิสมัยความเร็วความแรงและยังมีหัวใจเป็นคนหนุ่มคนสาวเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ตัวถัง 5.077x1.905x1.483 ม. ซึ่งนั่งได้รวม 5 คน มีรูปทรงองค์เอวที่เห็นแล้วน่าเชื่อว่ามีสมรรถนะระดับ WORLD-CLASS ตามคำโฆษณาของผู้ผลิต แยกโมเดลให้ลูกค้าในเมืองมะกันเลือกใช้รวม 10 โมเดล มีทั้งแบบขับล้อหลัง และขับทุกล้อ แต่มีเครื่องยนต์ให้เลือกเพียง 2 ขนาด คือ เครื่อง DOHC วี 6 สูบ 3,604 ซีซี 292 แรงม้า กับเครื่อง OHV วี 8 สูบ 5,654 ซีซี 370 แรงม้า สนนราคาค่าตัวเริ่มต้นที่ 25,170 เหรียญสหรัฐ ฯ หรือประมาณ 0.78 ล้านบาท
จีพ คอมพาสส์
จีพ คอมพาสส์ (JEEP COMPASS) ผลงานใหม่เอี่ยมแกะกล่องของยอดผู้ผลิตรถ เอสยูวี เมืองมะกัน เพิ่งออกจำหน่ายในฐานะรถรุ่นปีโมเดล 2011 แทนที่รถรุ่นเดิมซึ่งอยู่ในตลาดมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2006 ตัวถังทรง 2 กล่องขนาด 4.404x1.760x1.631 ม. ซึ่งนั่งได้รวม 5 คน มีรูปทรงองค์เอวเหมือนย่อส่วนจากรถอนุกรมพี่ คือ จีพ กแรนด์ เชอโรคี (JEEP GRAND CHEROKEE) รุ่นใหม่ ซึ่งก็เพิ่งออกจำหน่ายเช่นกัน มีรถให้ลูกค้าในเมืองมะกันเลือกใช้รวม 6 โมเดล ทั้งรถขับล้อหน้าและรถขับทุกล้อ แต่มีเครื่องยนต์เพียง 2 ขนาด คือ เครื่อง DOHC 4 สูบเรียง 1,998 ซีซี 158 แรงม้า กับเครื่อง DOHC 4 สูบเรียง 2,360 ซีซี 172 แรงม้า ค่าตัวเริ่มต้นที่ 19,295 เหรียญสหรัฐ ฯ หรือเท่ากับประมาณ 0.60 ล้านบาท
เมร์เซเดส-เบนซ์ เอสแอลเอส เอเอมจี อี-เซลล์
นำเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังไปแล้วใน "ระเบียงรถใหม่" เดือนตุลาคม 2553 แต่ทีมงานของเราเพิ่งมีโอกาสสัมผัสตัวจริงกระสุนจริงของ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอสแอลเอส เอเอมจี อี-เซลล์ (MERCEDES-BENZ SLS AMG E-CELL) ก็ที่งานนี้นี่เอง เป็นรถสปอร์ทระดับ "ซูเพอร์คาร์" ที่ขับเคลื่อนทุกล้อด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ โดยติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 4 ชุด ให้กำลังรวมสูงสุด 392 กิโลวัตต์/525 แรงม้า และใช้แบทเตอรีลิเธียม-ไอออน (LITHIUM-ION) ขนาด 400 โวลท์ 48 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาแค่ 4.0 วินาที เท่านั้นเอง
เมร์เซเดส-เบนซ์ อีสเธทิคส์ นัมเบอร์ 2
อวดตัวต่อสายตาสาธารณชนแบบ"ครั้งแรกในโลก"ที่งานนี้ คือ เมร์เซเดส-เบนซ์ อีสเธทิคส์
นัมเบอร์ 2 (MERCEDES-BENZ AESTHETICS NUMBER 2) ซึ่งไม่ใช่รถที่เสร็จสมบูรณ์เต็มคัน แต่เป็นเพียงโครงสร้างที่ทำขึ้นเพื่ออวดแนวคิดการออกแบบห้องโดยสารซึ่งจะใช้กับรถติดตรา "ดาวสามแฉก" ที่ออกจำหน่ายในอนาคต เป็นโครงสร้างซึ่งมีขนาดโตกว่าของจริงครึ่งเท่าตัว คือ มีขนาด 5.578x1.829x2.591 ม. ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของเมืองเบียร์ อธิบายความเป็นมาเป็นไปของแนวคิดนี้ยาว 2 หน้ากระดาษขนาด A4 เป็นการอธิบายที่เต็มไปด้วยถ้อยคำเพราะๆ และสมยุคสมสมัยอย่าง ERGONOMICS (การเหมาะเจาะกับเรือนร่างมนุษย์) และ NATURE (ธรรมชาติ) แต่อ่านแล้วจับความอะไรไม่ค่อยได้เลย
เอาดี เอ 6
ออกข่าวผ่านสื่อต่างๆ มาตั้งแต่ก่อนสิ้นปีเสือดุ และ "ฟอร์มูลา" รายงานไปแล้วใน "ข่าวรอบโลก" ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ แต่คนรักรถเพิ่งได้สัมผัสตัวจริงเสียงจริงของ เอาดี เอ 6 (AUDI A6) รุ่นใหม่ ก็ที่งานมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ครั้งนี้นี่เอง กำลังจะออกจำหน่ายในเมืองแม่ โดยมีเครื่องยนต์ให้เลือกถึง 5 ขนาด ตั้งแต่ 177-300 แรงม้า แยกเป็นเครื่องเบนซิน 2 ขนาด กับเครื่องดีเซล 3 ขนาด รวมทั้งจะมีรถไฮบริดซึ่งใช้เครื่องเบนซินทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังรวมสูงสุด 245 แรงม้า ให้เลือกใช้อีกต่างหาก สนนราคาค่าตัวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มที่ซื้อขายกันในเมืองเบียร์ จะเริ่มต้นที่ระดับ 38,500 ยูโร หรือประมาณ 1.62 ล้านบาทไทย ที่กำลังจะตามมาแต่ต้องรอหน่อย ก็คือ รถอนุกรมนี้ในตัวถังตรวจการณ์
บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-1
พระเอกหรือนางเอกในบูธของค่าย "ใบพัดเครื่องบินสีฟ้าขาว" คือ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-1 (BMW 1-SERIES) รุ่น "ยกหน้า" ซึ่งอวดตัวต่อสายตาผู้คนเป็นครั้งแรกที่งานนี้ และมีกำหนดออกตลาดในเมืองมะกันฤดูใบไม้ผลิปีกระต่ายในฐานะรถรุ่นปีโมเดล 2012 บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-1 รุ่นปัจจุบัน มีตัวถังให้เลือกใช้ถึง 4 แบบ แต่การปรับปรุงแบบ "ยกหน้า" ครั้งนี้กระทำกับตัวถังเพียง 2 แบบ คือ ตัวถังคูเปกับตัวถังเปิดประทุน ประเด็นที่เป็นข่าวฮือฮาไปทั่วโลก ก็คือ มีรถโมเดลหัวกะทิ คือ BMW 1-SERIES M COUPE (คันสีส้ม) เครื่องยนต์ 340 แรงม้า ให้เลือกใช้ด้วย
บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-6 คอนเวอร์ทิเบิล
เป็นข่าวในสื่อต่างๆ มาตั้งแต่ก่อนสิ้นปีเสือ แต่เพิ่งอวดตัวต่อสายตาสาธารณชนเป็นครั้งแรกที่
งานนี้เช่นกัน ก็คือ รถเปิดประทุน บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-6 คอนเวอร์ทิเบิล (BMW 6-SERIES CONVERTIBLE) รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งกำลังจะออกจำหน่ายในเมืองเบียร์โดยมีรถให้เลือกใช้ 2 โมเดล คือ BMW 640I CABRIOLET กับ BMW 650I CABRIOLET ส่วนคันที่แสดงในงานนี้เป็นเวอร์ชันที่ผลิตสำหรับตลาดอเมริกาเหนือโดยติดป้ายชื่อ BMW 650I CONVERTIBLE รถโมเดลนี้ติดตั้งเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 8 สูบ 4,395 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 400 แรงม้า (SAE-NET) ที่ 5,500-6,400 รตน. จะเริ่มจำหน่ายในเมืองมะกันฤดูใบไม้ผลิปีกระต่าย ในฐานะรถรุ่นปีโมเดล 2012
มีนี เพศแมน คอนเซพท์
รถสัญชาติอังกฤษ/เยอรมันเพียงคันเดียวในงานนี้ ที่เรียกความสนใจจากสื่อมวลชนและผู้ชมงานได้อย่างล้นหลาม คือ มีนี เพศแมน คอนเซพท์ (MINI PACEMAN CONCEPT) ผลงานชิ้นใหม่ล่าสุดของยอดผู้ผลิตรถจิ๋วทวิสัญชาติซึ่งอวดตัวแบบ WORLD PREMIERE หรือ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ เป็นรถแนวคิดที่ค่ายนี้รังสรรค์ขึ้นเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการผลิตรถคูเป ซึ่งมีขนาดตัวถังโตพอๆกับรถกิจกรรมกลางแจ้ง มีนี คันทรีแมน (MINI COUNTRYMAN) และอธิบายลักษณะของรถแบบนี้ด้วยคำใหม่ คือ SAC ซึ่งย่อมาจาก SPORTS ACTIVITY COUPE เป็นรถที่ผู้ผลิตบอกว่ามีบุคลิกเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน รวมทั้งเป็นรถที่จะบังคับขับขี่ได้อย่างแคล่วคล่องว่องไวเหมือนรถโกคาร์ทนั่นเทียว
โพร์เช 918 อาร์เอสอาร์
รถสปอร์ทซูเพอร์คาร์ประตูปีกนกอีกคันหนึ่งที่อวดตัวในงานนี้ เป็นผลงานใหม่ล่าสุดของยอดผู้ผลิตรถสปอร์ทเมืองเบียร์ซึ่งติดป้ายชื่อ โพร์เช 918 อาร์เอสอาร์ (PORSCHE 918 RSR) เป็นผลงานจากนำรถแนวคิดสองคันมารวมกันเป็นรถคันเดียว คือ ใช้ตัวถังของรถ โพร์เช 918 สไปเดอร์ (PORSCHE 918 SPYDER) ซึ่งอวดตัวครั้งแรกที่งานมหกรรมยานยนต์เจนีวาครั้งที่ 80 เมื่อเดือนมีนาคม 2010 และใช้ระบบขับไฮบริดซึ่งให้กำลังสูงถึง 767 แรงม้า ที่พัฒนาจากระบบที่ใช้ในรถ โพร์เช 911 จีที 3 อาร์ ไฮบริด (PORSCHE 911 GT3 R HYBRID) ซึ่งอวดตัวในงานเดียวกัน
โฟล์คสวาเกน พาสสัท
รถสัญชาติเยอรมันอีกแบบหนึ่งที่อวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ คือ รถซีดานขนาดกลาง โฟล์คสวาเกน พาสสัท (VOLKSWAGEN PASSAT) เวอร์ชันที่ออกแบบขึ้นโดยเฉพาะสำหรับตลาดอเมริกาเหนือและใช้โรงงานในทวีปนี้เป็นที่ผลิต มีกำหนดออกจำหน่ายในเมืองมะกันตอนกลางเดือนสิงหาคมปีกระต่าย ด้วยค่าตัวเริ่มต้นที่ระดับ 20,000 เหรียญสหรัฐ ฯ หรือประมาณ 0.62 ล้านบาทไทย หากในเวลานั้นเงินเหรียญสหรัฐ ฯ ยังแลกได้ด้วยเงินไทย 31 บาท อย่างที่เป็นขณะรายงานข่าวนี้ คำโฆษณาสวยหรูที่จะประโคมเพื่อดึงดูดใจให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ คือ THIS IS A SEDAN WITH GERMAN ROOTS, BUT IT IS A TRUE AMERICAN หรือ "นี่คือรถซีดานที่มีรากแก้วเป็นเยอรมัน แต่เป็นรถอเมริกันแท้ๆ"
โวลโว ซี 30 อีเลคทริค
จุดดึงดูดความสนใจในบูธของผู้ผลิตรถเมืองฟรีเซกซ์ ซึ่งมีเจ้าของนั่งจิบเต๊อยู่ในเมืองจีน คือ โวลโว ซี 30 อีเลคทริค (VOLVO C30 ELECTRIC) รถไฟฟ้าซึ่งพัฒนาจากรถเก๋งแฮทช์แบค โวลโว วี 30 (VOLVO C30) รุ่นสามัญ โดยเปลี่ยนระบบขับ จากขับด้วยพลังของเครื่องยนต์ที่ต้องเติมเชื้อเพลิง เป็นขับด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 82 กิโลวัตต์/110 แรงม้า ซึ่งรับพลังไฟจากแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน (LITHIUM-ION) ขนาด 24 กิโลวัตต์ชั่วโมง น้ำหนักตัว 280 กก. ซึ่งประจุไฟเต็มหม้อแต่ละครั้งด้วยไฟบ้าน 230 โวลท์ จะใช้เวลา 8-10 ชั่วโมง และรถจะวิ่งได้ไกล 120-150 กม. ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 10.5 วินาที และความเร็วสูงสุด 130 กม./ชม. แต่ยังไม่มีการยืนยันว่าเมื่อไรจะมีขาย ?
เกีย เควี 7
มีรถแนวคิดสัญชาติเกาหลีอวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้เพียง 2 คัน คันแรกในภาพใหญ่
และภาพขวามือเป็นผลงานของค่ายยักษ์รองและติดป้ายชื่อ เกีย เควี 7 (KIA KV7) เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถตู้อเนกประสงค์ขับเคลื่อนด้วยพลังของเครื่องยนต์เทอร์โบฉีดเชื้อเพลิงโดยตรงความจุ 2.0 ลิตร ที่ให้กำลังสูงถึง 285 แรงม้า ตัวถังขนาด 4.873x2.033x1.729 ม. มีรายละเอียดในหลายๆ จุดที่ผิดแผกจากรถทั่วๆ ไป ตัวอย่าง คือ มีประตูข้างบานหลังด้านผู้ขับ (ด้านซ้าย) เป็นประตูบานเลื่อนเหมือนรถตู้ทั่วไป แต่ด้านขวาเป็นประตูแบบปีกนกดังที่เห็นได้อย่างชัดเจนในภาพใหญ่
ฮันเด เคิร์บ คอนเซพท์
รถแนวคิดจากเมืองโสมอีกคันหนึ่ง ที่ปรากฏตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ในงานนี้คือ ฮันเด เคิร์บ คอนเซพท์ (HYUNDAI CURB CONCEPT) รถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถกิจกรรมกลางแจ้งขนาดเล็กกะทัดรัด ผลงานรังสรรค์ของศูนย์ออกแบบ HYUNDAI MOTOR AMERICA ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นรถที่ออกแบบสำหรับผู้ใช้รถวัยหนุ่มวัยสาวที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองและชื่นชอบการใช้ชีวิตยามราตรี ตัวถังขนาด 4.170x1.800x1.600 ม. มีจุดเด่นสะดุดตาสะดุดใจตรงประตูข้างทั้ง 2 ด้าน ที่เปิดแยกออกจากกันโดยไร้เสาค้ำยันกลางที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า B-PILLARS แผงกระจังหน้าขนาดโตสะอกสะใจ ดวงโคมไฟหน้ายาวสองคืบซึ่งอธิบายไม่ถูกว่ารูปทรงเหมือนอะไร ? และกระทะล้อขนาดโตถึง 22 นิ้ว
ฮันเด เวโลสเตอร์
นอกจากรถแนวคิดที่กล่าวไปแล้ว ผลงานใหม่อีกชิ้นหนึ่งที่ดึงดูดผู้คนให้หลั่งไหลเข้าสู่บูธของผู้ผลิตรถยนต์หมายเลขหนึ่งเมืองโสมขาว คือ ฮันเด เวโลสเตอร์ (HYUNDAI VELOSTER) รถตลาดแบบใหม่ล่าสุดที่อวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" เช่นกัน ยักษ์ใหญ่เมืองโสมเรียกรถแบบนี้ว่า THREE-DOOR COUPE หรือ "รถ 3ประตูคูเป" เพราะตัวถังขนาด 4.219x1.791x1.400 ม. ซึ่งมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.32 มีประตูข้างด้านผู้ขับ (ด้านซ้าย) เป็นประตูบานกว้างบานเดียว แต่ด้านผู้โดยสารเป็นประตู 2 บาน จะออกขายในเมืองมะกันในฐานะรถรุ่นปีโมเดล 2012 โดยติดตั้งเครื่องยนต์ฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,591 ซีซี ซึ่งคาดว่าจะให้กำลังสูงสุด 138 แรงม้า ที่ 6,300 รตน.
โตโยตา ปรีอุส ซี คอนเซพท์
จุดโฟคัสสายตาในบูธของยักษ์ใหญ่เมืองยุ่นมีหลายจุด จุดหนึ่ง คือ โตโยตา ปรีอุส ซี คอนเซพท์ (TOYOTA PRIUS C CONCEPT) รถอีกคันหนึ่งที่อวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ เป็นรถแนวคิดซึ่งเป็นต้นแบบของรถเก๋งแฮทช์แบคขนาดเล็กกะทัดรัดขับแบบไฮบริด ที่ยักษ์ใหญ่เมืองยุ่นจะนำออกสู่ตลาดในช่วงครึ่งแรกของปี 2012 โดยมีผู้ใช้รถวัยหนุ่มวัยสาวที่ยังเป็นโสด หรือแต่งงานแล้วแต่ยังไร้ทายาทและต้องการรถใช้รถประหยัดที่ขับสนุกเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โตโยตา ไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดด้านเทคนิคใดๆ เพียงแต่บอกว่า จะเป็นรถที่เพียบไปด้วยเทคโนโลยีอันก้าวล้ำนำสมัย
โตโยตา ปรีอุส วี
รถตระกูล ปรีอุส อีกคันหนึ่งที่ปรากฏตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ คือ โตโยตา ปรีอุส วี (TOYOTA PRIUS V) เป็นรถตลาดที่ฤดูร้อนปีนี้จะออกจำหน่ายในเมืองมะกันในฐานะรถรุ่นปีโมเดล 2012 ตัวถังตรวจการณ์ขนาด 4.615x1.775x1.575 ม. และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.29 ใช้พแลทฟอร์มและระบบขับไฮบริดชุดเดียวกับรถ โตโยตา ปรีอุส รุ่นที่ 3 ซึ่งเพิ่งเริ่มจำหน่ายในบ้านเราหลังจากมีขายในเมืองมะกันมาแล้วตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2010 เป็นระบบขับแบบไฮบริดซึ่งใช้เครื่องยนต์ DOHC 4 สูบเรียง 1,797 ซีซี 98 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 80 แรงม้า ซึ่งรับพลังไฟจากแบทเตอรีนิคเคิล-เมทัล ไฮดไรด์ (NICKEL-METAL HYDRIDE) ให้กำลังรวมสูงสุด 134 แรงม้า
ซูบารุ อิมพเรซา ดีไซจน์ คอนเซพท์
อวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานมหกรรมยานยนต์ลอสแองเจลิสเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนปีเสือ และฉายซ้ำอีกครั้งที่งานนี้ คือ ซูบารุ อิมพเรซา ดีไซจ์น คอนเซพท์ (SUBARU IMPREZA DESIGN CONCEPT) รถแนวคิดซึ่งบ่งบอกว่า รถชื่อเดียวกันที่จะออกจำหน่ายในอีกปีหรือ 2 ปีข้างหน้าจะมีหน้าตาและทิศทางอย่างไร ? รูปทรงองค์เอวของตัวถังทรง 3 กล่องซึ่งมีห้องโดยสารที่ออกแบบให้นั่งได้แค่ 4 คน ดูปราดเปรียว และน่าจะทำให้ลูกค้าของผู้ผลิตรถยนต์เมืองยุ่นรายนี้ตัดสินใจได้ง่ายกว่ารถรุ่นปัจจุบันซึ่งดูไม่ดีเอาเสียเลย เมื่อมองจากด้านหน้าตรงๆ จุดดึงดูดสายตาน่าจะอยู่ที่แผงกระจังหน้ารูป 6 เหลี่ยม ดวงโคมไฟหน้ารูปตาเหยี่ยว และไฟตัดหมอกรูปครีบปลา แต่เมื่อมองจากด้านหลังจุดสะดุดตา คือ ส่วนกลางของแผงกันชน
ฮอนดา ซีวิค คอนเซพท์
ยักษ์รองเมืองยุ่นเรียกความสนใจจากสื่อมวลชนและผู้ชมงานได้อย่างล้นหลาม โดยนำ ฮอนดา ซีวิค คอนเซพท์ (HONDA CIVIC CONCEPT) ออกอวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ เป็นรถแนวคิดซึ่งเป็นต้นแบบของรถ ฮอนดา ซีวิค รุ่นใหม่ (รุ่นที่ 9) ที่ฤดูใบไม้ผลิปีนี้จะออกจำหน่ายในเมืองมะกันในฐานะรถรุ่นปีโมเดล 2012 โดยมีตัวถังให้เลือกใช้ 2 แบบ คือ ตัวถังซีดานกับตัวถังคูเป ที่แตกต่างจากรถรุ่นปัจจุบันซึ่งอยู่ในตลาดมาแล้วครึ่งทศวรรษ และทำเป็น 3 เวอร์ชัน แหล่งข่าวที่น่าจะเชื่อถือได้ระบุว่า รถรุ่นใหม่นี้จะมีเพียงเวอร์ชันเดียวสำหรับทุกตลาด จริงหรือเท็จ ? อีกไม่นานคงรู้กัน
ฮอนดา ฟิท อีวี
รถพันธุ์ยุ่นอีกแบบหนึ่งซึ่งอวดตัวเป็นครั้งแรกที่งานมหกรรมยานยนต์ลอสแองเจลิสเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนและฉายซ้ำอีกครั้งที่งานนี้ คือรถไฟฟ้า ฮอนดา ฟิท อีวี (HONDA FIT EV) ยังติดป้ายว่าเป็นรถแนวคิด แต่ยังรองเมืองยุ่นยืนยันแล้วว่า ในปี 2012 จะนำออกสู่ตลาดทั้งในญี่ปุ่นและในสหรัฐอเมริกา ตัวถังภายนอกแทบไม่มีอะไรแตกต่างจากรถรุ่นสามัญ ซึ่งมีจำหน่ายทั้งในชื่อ ฮอนดา ฟิท (HONDA FIT) และ ฮอนดา แจซซ์ (HONDA JAZZ) ที่เปลี่ยนไป คือ ระบบขับด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ โดยติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับขนาด 100 กิโลวัตต์/136 แรงม้า ที่รับพลังไฟจากแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน (LITHIUM-ION) ซึ่งสามารถประจุไฟด้วยไฟบ้าน 120 หรือ 240 โวลท์ โดยใช้เวลาประมาณ 12 และ 6 ชั่วโมง
บีวายดี เอส 6 ดีเอม
ปิดรายงานมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ครั้งล่าสุดด้วย บีวีดี เอส 6 ดีเอม (BYD S6DM) ผลงานชิ้นโบว์แดงของผู้ผลิตรถยนต์และสินค้าพลังงานของสาธารณรัฐประชาชนจีน อวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ ในรูปลักษณ์ของรถ เอสยูวี ขับเคลื่อนแบบไฮบริด โดยใช้เครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 1,998 ซีซี 138 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 10 กิโลวัตต์/14 แรงม้า ในการขับล้อคู่หน้า และใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 75 กิโลวัตต์/100 แรงม้า ขับล้อคู่หลัง สามารถเดินทางได้ไกลประมาณ 60 กม. เมื่อวิ่งด้วยพลังไฟของแบทเตอรีล้วนๆ และเพิ่มเป็นประมาณ 500 กม. เมื่อใช้ทั้งมอเตอร์ไฟฟ้า/เครื่องยนต์ และเติมน้ำมันเชื้อเพลิงเต็มถังซึ่งจุ 45 ลิตร อยู่ระหว่างการพัฒนาและยังไม่มีการยืนยันว่าจะออกขายเมื่อไร ?
ABOUT THE AUTHOR
ช
ชูศักดิ์ ชมจินดา/บริษัทผู้ผลิต
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2554
คอลัมน์ Online : มหกรรมยานยนต์ต่างประเทศ