มหกรรมยานยนต์ต่างประเทศ
มหกรรมยานยนต์ปักกิ่ง
แม้ว่ายังสามารถรักษาฐานะตลาดรถยนต์ใหญ่ที่สุดในโลกไว้ได้อย่างเหนียวแน่นติดต่อกันเป็นปีที่ 3 แต่ก็มีประเด็นสำคัญที่ทำในอุตสาหกรรมรถยนต์ในสาธารณรัฐประชาชนจีนเกิดอาการหวั่นไหวเล็กๆ นั่นก็คือ อัตราการเติบโตของยอดขาย ที่หดตัวลงมากเมื่อเทียบกับ 2 ปีก่อนหน้า
ในรอบปี 2011 ที่เมืองบางกอกและอีกหลายหัวเมืองของสยามประเทศจมอยู่ในน้ำเกือบครึ่งเกือบค่อนปี ตลาดรถยนต์ในเมืองมังกรสามารถขายรถใหม่สารพัดชนิดได้รวมทั้งสิ้นประมาณ 18.5 ล้านคัน หรือเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 2.5 จากตัวเลขที่เคยทำได้ในรอบปี 2010 มองในแง่ดีก็คือขายรถได้มากขึ้นแม้ว่ามากขึ้นเพียงเล็กน้อย หันไปมองในแง่ร้ายก็ต้องบอกว่าร้ายจริงๆ เพราะ 2 ปีก่อนหน้า คือ ในปี 2009 และ 2010 อัตราการเติบโตของยอดขายรถใหม่ในเมืองมังกรต้องเขียนด้วยเลข 2 หลัก ความตกต่ำนี้เกิดจากอะไร ? นักวิเคราะห์หลายคนให้ความเห็นต้องตรงกันว่า สาเหตุสำคัญของอัตราการเติบโตที่ลดลงอย่างน่าใจหายใจคว่ำนี้ คือ การสิ้นสุดไปเรียบร้อยแล้ว ของมาตรการที่รัฐบาลจีนให้เงินส่วนลดเป็นพิเศษแก่ผู้ซื้อรถขนาดเล็ก ทำนองเดียวกับโครงการรถคันแรกในบ้านเรา
ก้าวเข้าสู่ปี 2012 ดูเหมือนว่าอาการไม่ได้กระเตื้องขึ้นเลย เพราะปรากฏว่าในช่วงไตรมาสแรกของปียอดขายรถใหม่ทุกชนิดอยู่ที่ระดับ 4,664,950 คัน คือ ลดลงถึงร้อยละ 6 จากตัวเลขในช่วงเดียวกันเมื่อปี 2011 ที่ดีหน่อยก็คือ ยอดขายของรถยนต์นั่งที่นับได้รวม 3,131,208 คัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 เมื่อแยกตามยี่ห้อของรถก็ปรากฏว่า รถขายดีที่สุด 10 อันดับแรก คือ
1. โฟล์คสวาเกน 454,556 คัน
2. นิสสัน 226,509 คัน
3. โตโยตา 202,500 คัน
4. ฮันเด 185,257 คัน
5. บิวอิค 180,638 คัน
6. เชฟโรเลต์ 168,029 คัน
7. ฮอนดา 147,607 คัน
8. เชอรี 122,128 คัน
9. บีวายดี 114,256 คัน
10. เกีย 109,517 คัน
และเมื่อแยกตามรุ่นของรถก็ปรากฏว่า รถขายดีที่สุด 10 อันดับแรก ล้วนเป็นรถที่ติดป้ายยี่ห้อต่างประเทศทั้งสิ้น คือ
1. บิวอิค เอกซ์เซลล์ 76,378 คัน
2. เชฟโรเลต์ เซล 62,251 คัน
3. เชฟโรเลต์ ครูซ 62,051 คัน
4. โฟล์คสวาเกน พาสสัท 60,964 คัน
5. โฟล์คสวาเกน ลาวิดา 57,977 คัน
6. โฟล์คสวาเกน เจททา 53,175 คัน
7. โฟล์คสวาเกน นิว โบรา 52,582 คัน
8. โฟล์คสวาเกน ทีกวน 49,395 คัน
9 .ฮันเด เวอร์นา 48,489 คัน
10. บิวอิค เอกซ์เซล เอกซ์ที/จีที 45,741 คัน
จุดที่น่าสนใจก็คือ มีการวิเคราะห์กันว่า รถยนต์นั่งแต่ละชนิด แต่ละประเภท แต่ละยี่ห้อ ได้รับผลกระทบจากยอดขายที่เติบโตอย่างต้วมเตี้ยมนี้ไม่เท่ากัน กล่าวคือ ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้รถระดับหรูอย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า LUXURY CAR มียอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 20 และผู้ผลิตรถหรูระดับ"อินเตอร์" ที่รับผลไปเต็มๆ คือ เอาดี (AUDI) กับ บีเอมดับเบิลยู (BMW) ในขณะที่รถสปอร์ท และรถเอสยูวีมียอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 40 และร้อยละ 20 ตามลำดับ แต่เมื่อมองไปยังอีกปลายหนึ่งของเส้นกราฟราคา คือ บรรดารถราคาย่อมเยา หรือรถคันแรกอย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า ENTRY-LEVEL VEHICLE ซึ่งมีทั้งรถขนาดเล็กกะทัดรัด หรือ COMPACT CAR รถขนาดเล็กกว่าเล็กกะทัดรัด หรือ SUBCOMPACT CAR และรถขนาดมีนี หรือ MINICAR ก็ปรากฏว่า ทุกประเภทล้วนมียอดขายลดลงทั้งนั้น นั่นคือ รถขนาดมีนียอดขายลดลงถึงร้อยละ 29 รถขนาดเล็กกว่าเล็กกะทัดรัดยอดขายลดลงร้อยละ 10 และรถขนาดเล็กกะทัดรัดยอดขายลดลงร้อยละ 0.1 คำอธิบายก็คงเหมือนกับที่กล่าวไปแล้วข้างต้น นั่นคือ มาตรการให้เงินอุดหนุนที่ปิดฉากไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ในแง่ดีว่า เมื่อรวมตัวเลขทั้งปีแล้ว อัตราการเติบโตของยอดขายรถใหม่ทุกชนิดในรอบปีมังกรน่าจะอยู่ที่ระดับร้อยละ 8 ถึงร้อยละ 10 และยักษ์ใหญ่ของทวีปเอเซียจะยังรักษาตำแหน่งตลาดรถยนต์ใหญ่ที่สุดในโลกไว้ได้เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน เหตุผลสนับสนุนก็คือ บรรดารถแบบใหม่ๆ มากมายหลาย 10 รุ่น ที่กำลังทยอยออกสู่ตลาดในปีนี้ จะเป็นแรงผลักดันอย่างดีให้ผู้ใช้รถตัดสินใจซื้อ
เพราะปรากฏการณ์ "ถนนทุกสายมุ่งสู่เมืองจีน" นี่เอง ทำให้นายใหญ่ของ "ฟอร์มูลา" ตัดสินใจเปิดไฟเขียวให้บรรจุงานแสดงรถยนต์ในเมืองมังกรไว้ในปฏิทินการทำงานประจำปี นอกเหนือจากบรรดางานระดับ "อินเตอร์" ที่ทำต่อเนื่องมาแล้วยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ คือ มหกรรมยานยนต์เจนีวาในสวิทเซอร์แลนด์ มหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ทในเยอรมนี มหกรรมยานยนต์ปารีสในฝรั่งเศส มหกรรมโตเกียวในญี่ปุ่น และมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ในสหรัฐอเมริกา
ทีมงานของเราเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นครั้งแรกเมื่อไตรมาสที่ 2 ของปีกระต่าย และงานแรกของเราในเมืองมังกร คือ THE 14TH SHANGHAI INTERNATIONAL AUTOMOBILE INDUSTRY EXHIBITION หรือ มหกรรมยานยนต์เซี่ยงไฮ้ ครั้งที่ 14 ซึ่งมีขึ้นในช่วงเวลา 10 วัน คือ ระหว่างวันอังคารที่ 19 จนถึงวันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน 2011 ปีงูใหญ่นี้คณะของเราเดินทางไปเยือนเมืองมังกรอีกครั้ง และครั้งนี้ไม่ใช่งานที่มหานครเซี่ยงไฮ้ หากเป็นงาน THE 12TH BEIJING INTERNATIONAL AUTOMOTIVE EXHIBITION หรือ มหกรรมยานยนต์ปักกิ่ง ครั้งที่ 12 ซึ่งมีขึ้นในช่วงเวลา 10 วัน จากวันจันทร์ที่ 23 เมษายน จนถึงวันพุธที่ 2 พฤษภาคม 2012 สองงานนี้ผลัดกันจัดงานละปี ปีนี้เป็นคิวของเมืองหลวง
มหกรรมยานยนต์ปักกิ่ง หรือที่เรียกกันโดยย่อในภาษาอังกฤษว่า AUTO CHINA อุบัติขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1990 ครั้งนั้นมีรถยนต์และจักรยานยนต์แสดงในงานรวมทั้งสิ้น 216 คัน หลังจากนั้นก็มีงานเป็นประจำทุกๆ 2 ปี คือ ในปีคริสต์ศักราชที่ลงท้ายด้วยเลขคู่ นับเป็นงานแสดงรถยนต์ที่ขยายตัวและเติบโตอย่างรวดเร็ว และเป็นกระจกที่สะท้อนให้เห็นได้เป็นอย่างดีในทิศทางและความเป็นไปของอุตสาหกรรมรถยนต์ในเมืองมังกร งานครั้งที่ 12 ในปีนี้ มีผู้ผลิตรถยนต์และสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับรถยนต์ทั้งในและนอกประเทศร่วมงานมากกว่า 2,000 ราย มีรถยนต์สารพัดชนิดอวดตัวในงานรวม 1,125 คัน ในจำนวนนี้มีอยู่ถึง 120 คันที่ปรากฏตัวแบบ GLOBAL DEBUT หรือ "ครั้งแรกในโลก"
สถานที่จัดงานเป็นศูนย์นิทรรศการใหญ่ มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า CHINA INTERNATIONAL EXHIBITION CENTER พื้นที่จัดงานไม่ได้รวมอยู่ภายใต้หลังคาเดียวกันเหมือนมหกรรมยานยนต์เจนีวาในสวิทเซอร์แลนด์ หรือมหกรรมยานยนต์ในบ้านเรา แต่เป็นอาคารขนาดโตเท่าๆ กัน รวม 9 อาคาร มีพื้นที่รวมทั้งสิ้นประมาณ 230,000 ตารางเมตร คือ กว้างขวางกว่างานรถยนต์ทุกงานที่คณะของเราเคยเดินทางไปทำข่าว พื้นที่ขนาดนี้ถ้าเอาไปทำสนามฟุตบอล ก็คงจะทำได้ไม่น้อยกว่า 25 สนาม
ที่ต้องบ่นให้อ่านกันอีกครั้งหนึ่ง ทั้งๆ ที่บ่นกับตัวเองไปแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งในช่วงเวลา 2 วัน ที่เดินไปเดินมาในงาน ก็คือ ระบบบริหารจัดการของงานนี้ แม้ว่าเพิ่งไปเยือนเป็นครั้งแรกแต่ก็กล้าพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าเป็นงานใหญ่ที่บริหารจัดการได้ "โหลยโท่ยมาก" โดยเฉพาะการให้ความสะดวกและข้อมูลในวัน PRESS DAY ซึ่งจัดไว้เป็นพิเศษสำหรับสื่อมวลชน ไม่ต้องเทียบกับงาน "อินเตอร์" ของจริงอย่างที่กล่าวถึงไปแล้วข้างต้นนั่นหรอก งานในบ้านเราก็ยังกิน
ขาด ที่แย่เอามากๆ ก็คือ ปล่อยให้ขโมยขโจรเข้าไปเดินเพ่นพ่านในวันสื่อมวลชนได้ยังไงกัน ? เพราะทั้งในเวบไซท์และในหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษฉบับหนึ่ง รายงานข่าวว่ามีสื่อมวลชนนับ 10 รายที่แจ้งความกับโพลิศ ว่าถูกมือดี แต่ใจเลวขโมยกล้องและเลนส์ในขณะทำข่าวอยู่ในงาน
ต้องขอออกตัวไว้หน่อยว่า หูไม่เกิดอาการกระดิกแม้แต่น้อยเมื่อได้ยินภาษาจีนกลาง ดังนั้นชื่อของรถสัญชาติจีนที่เขียนเป็นภาษาไทย จึงอาจจะคลาดเคลื่อน หรือผิดเพี้ยนไปบ้างจากที่คนจีนเขาเรียกกัน เพราะไม่ได้ถ่ายทอดโดยตรงจากภาษาจีน แต่ได้จากที่ฝรั่งเขาเขียนด้วยอักษรโรมัน
กเรท วอลล์ ฮาวัล อี
กเรท วอลล์ ฮาวัล อี (GREAT WALL HAVAL E) ผลงานเชิดหน้าชูตาของ กเรท วอลล์ มอเตอร์ คัมพานี ลิมิเทด (GREAT WALL MOTOR COMPANY LIMITED) ผู้ผลิตรถยนต์เอกชนรายใหญ่ของจีน ซึ่งขณะนี้ส่งสินค้าไปจำหน่ายมากกว่าใน 120 ประเทศทั่วโลก เป็นรถแนวคิด ซึ่งเป็นต้นแบบของรถกิจกรรมกลางแจ้งขนาดเล็กกะทัดรัด ที่ภายในเวลาไม่เกิน 3 ปีค่ายนี้จะนำออกสู่ตลาดในเมืองมังกร ตัวถังประตูปีกนก ยาว 4.390 ม. กว้าง 1.855 ม. และสูง 1.600 ม. ติดตั้งระบบขับเคลื่อนทุกล้อแบบไฮบริดที่ค่ายนี้พัฒนาขึ้นเอง และตั้งชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า BSG LIGHT DUTY HYBRID SYSTEM เป็นระบบไฮบริดที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร 110 กิโลวัตต์/150 แรงม้า ขับล้อคู่หน้าผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 6 จังหวะ และใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 70 กิโลวัตต์/95 แรงม้า ขับล้อคู่หลัง สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 8.0 วินาที และความเร็วสูงสุด 190 กม./ชม.
กเรท วอลล์ ฮาวัล เอช 7
ผลงานใหม่เอี่ยมแกะกล่องอีกชิ้นหนึ่งของค่าย กเรท วอลล์ ซึ่งปรากฏตัวแบบ GLOBAL DEBUT หรือ "ครั้งแรกในโลก" ในงานนี้ คือ กเรท วอลล์ ฮาวัล เอ 7 (GREAT WALL HAVAL H7) เป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งขนาดกลางที่กำลังจะออกโชว์รูมในเมืองมังกร โดยติดป้ายค่าตัวเริ่มต้นที่ระดับ 150,000 หยวน หรือประมาณ 780,000 บาท ตัวถังยาว 4.788 ม. กว้าง 1.931 ม. สูง 1.815 ม. น้ำหนักตัว 2,200 กก. ไม่มีจุดเด่นสะดุดตาอะไร และหน้าตาก็ดูเรียบๆ ไม่หวือหวา เป็นรถขับเคลื่อนทุกล้อแบบ FULL-TIME ด้วยพลังของเครื่องยนต์เทอร์โบ 4 สูบเรียง 2.0 ลิตร 160 กิโลวัตต์/218 แรงม้า ถ่ายทอดกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 10.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม.
โรเว 950
SAIC MOTOR CORPORATION LIMITED หนึ่งในบรรดาบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ระดับ "บิกโฟร์" ของเมืองมังกร นำผลงานใหม่ออกอวดตัวในลักษณะ GLOBAL DEBUT หรือ "ครั้งแรกในโลก" หลายคัน รถคันสีน้ำตาลเข้มที่เห็นในภาพบน เป็นรถธงคันใหม่ที่ค่ายนี้กำลังจะนำออกสู่ตลาดในเมืองมังกรโดยติดป้ายชื่อ โรเว 950 (ROEWE 950) และกำหนดค่าตัวไว้ที่ระดับ 188,900-319,000 หยวน หรือประมาณ 982,000-1,659,000 บาท เป็นรถระดับหรูที่พัฒนาและขอหยิบขอยืมชิ้นส่วนหลายชิ้นจากรถสัญชาติอเมริกัน คือ บิวอิค ลากรอสส์ (BUICK LACROSSE) ซึ่งก็มีการผลิตอยู่ในเมืองจีนเช่นกัน ตัวถังยาว 4.996 ม. กว้าง 1.857 ม. และสูง 1.502 ม. มีช่วงฐานล้อยาว 2.837 ม. และมีเครื่องยนต์ให้เลือก 3 ขนาด คือ 2.0, 2.4 และ 3.0 ลิตร
โรเว อี 50
ผลงานใหม่เอี่ยมแกะกล่องอีกชิ้นหนึ่งที่ค่าย SAIC นำออกอวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ในงานนี้คือ โรเว อี 250 (ROEWE E5) เป็นรถแฮทช์แบคขนาดกระจิ๋วหลิว ในตัวถังยาว 3.569 ม. กว้าง 1.551 ม. และสูง 1.540 ม. จุดขายสำคัญคือระบบขับด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ โดยติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 52 กิโลวัตต์/71 แรงม้า และใช้แบทเตอรีลิเธียม-ไอออน (LITHIUM-ION) ขนาด 18 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมงเมื่อประจุไฟด้วยไฟบ้าน 220-240 โวลท์ และเหลือแค่ 20 นาที หากใช้ไฟแรงสูงในสถานีที่จัดไว้โดยเฉพาะ ประจุไฟแต่ละครั้งรถจะวิ่งได้ไกลประมาณ 140 กม. และสามารถทำความเร็วสูงสุด 130 กม./ชม. เดือนตุลาคมนี้จะออกตลาดโดยติดป้ายราคา 300,000 หยวน หรือประมาณ 1,560,000 บาทไทย
โรเว 750 ไฮบริด
ผลงานใหม่ชิ้นสุดท้ายของค่าย SAIC ที่เลือกมาให้ชม คือ โรเว 750 ไฮบริด (ROEWE 750 HYBRID) ไม่ใช่รถที่เพิ่งอวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ แต่เป็นรถใหม่ที่ออกโชว์รูมในเมืองมังกรไปแล้วเมื่อปลายปีกระต่าย โดยติดป้ายค่าตัว 236,800 หยวน หรือเท่ากับประมาณ 1,230,000 บาทไทย เป็นรถเก๋งซีดานขนาดกลางในตัวถังทรงสามกล่องยาว 4.865 ม. กว้าง 1.765 ม. และสูง 1.422 ม. ติดตั้งระบบขับเคลื่อนล้อหน้าแบบไฮบริด โดยใช้เครื่องเทอร์โบ 4 สูบเรียง 1.8 ลิตร 118 กิโลวัตต์/160 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 20 กิโลวัตต์/27 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 10.9 วินาที และมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่น่าพอใจมาก คือ แค่ 7.5 ลิตร/100 กม.หรือ 13.3 กม./ลิตร
กลีเกิล แมค คาร์
GEELY GROUP กลุ่มบริษัทรถยนต์ระดับแนวหน้าของจีนซึ่งมีรถอยู่ในเครือข่ายรวม 4 ยี่ห้อ คือ จีลี (GEELY) อิงลอน (ENGLON) กลีเกิล (GLEAGLE) และ เอมกแรนด์ (EMGRAND) นำผลงานใหม่ออกแสดงในงานนี้หลายชิ้น ชิ้นที่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนและผู้ชมงานมากที่สุดคือ กลีเกิล แมคคาร์ (GLEAGLE McCAR) ที่เห็นในภาพใหญ่ และภาพบนขวามือ เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถอเนกประสงค์ขนาดกระจิ๋วหลิวที่สามารถปรับเปลี่ยนห้องโดยสารให้ใช้งานได้อย่างหลากหลาย เช่น ทำเป็นรถแทกซีก็ได้ ทำเป็นรถขนของก็ยังได้ ตัวถังซึ่งยาว 3.835 ม. กว้าง 1.700 ม. และสูง 1.515 ม. มีประตูบานท้ายที่เปิดได้กว้างจึงขนของขึ้นลงสะดวกมาก ที่น่าจะโดนใจคนรักสีเขียวในเมืองมังกร ก็คือ ระบบขับด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ โดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 30 กิโลวัตต์/41 แรงม้า และแบทเตอรีลิเธียม-ไอออนขนาด 16.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง ประจุไฟ แต่ละครั้งรถจะวิ่งได้ไกลประมาณ 120 กม. และสามารถทำความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม.
อิงลอน เอสซี 7-อาร์เอส
หน้าตาเหมือนรถที่เตรียมพร้อมจะออกโชว์รูม แต่ที่จริง อิงลอน เอสซี 7-อาร์เอส (ENGLON SC7-RS) ที่เห็นในภาพบนซ้ายมือ ยังมีฐานะเป็นรถแนวคิด และเป็นรถแนวคิดที่วิจารณ์กันในเมืองจีนว่ามีโอกาสน้อยนักที่จะพัฒนาเป็นรถตลาด เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถซีดาน 4 ประตู 5 ที่นั่ง หน้าตาดูมีสง่าราศี ตัวถังยาว 4.600 ม. กว้าง 1.820 ม. และสูง 1.555 ม. เป็นผลลัพธ์ของการออกแบบโดยได้รับความร่วมมือจาก MANGANESE BRONZE บริษัทผู้ผลิตรถแทกซีของอังกฤษ ดังนั้น ที่หน้าตาของรถแนวคิดสัญชาติจีนคันนี้ดูละม้ายเหมือนกับรถแทกซีที่วิ่งกันอยู่กลาดเกลื่อนในกรุงลอนดอน จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าจะข้องอกข้องใจอะไร นอกจากนั้น ยี่ห้อของรถ คือ ENGLON ถึงไม่ถามก็จะขอบอก ว่ามาจาก ENGLAND ผสมกับ LONDON
อิงลอน เอสเอกซ์ 6
นี่ก็เป็นอีกคันหนึ่งที่หน้าตาเหมือนรถแทกซีของกรุงลอนดอน ยังมีฐานะเป็นรถแนวคิดติดป้ายชื่อ อิงลอน เอสเอกซ์ 6 (ENGLON SX6) แต่คนของค่ายนี้ยืนยันกับผู้สื่อข่าวที่ปักกิ่งว่า ภายในปี 2015 จะกลายสภาพเป็นรถตลาด เป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งขนาดเล็กกะทัดรัดที่ใช้พแลทฟอร์มชุดเดียวกับรถแนวคิดคันซ้ายมือ ตัวถังทรงสองกล่องยาว 4.120 ม. กว้าง 1.750 ม. และสูง 1.625 ม. ออกแบบด้วยความร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตรถแทกซีของเมืองผู้ดีเช่นกัน เมื่อพัฒนาเป็นรถตลาดอย่างสมบูรณ์ดังที่กล่าวข้างต้น จะมีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้ 2 ขนาด คือ เครื่อง 1,498 ซีซี 80 กิโลวัตต์/109 แรงม้า ทำงานร่วมกับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และเครื่องเทอร์โบ 1,299 ซีซี 101 กิโลวัตต์/137 แรงม้า ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติปรับอัตราทดต่อเนื่อง
กลีเกิล จีเอกซ์ 5
กลีเกิล จีเอกซ์ 5 (GLEAGLE GX5) นี่ก็เช่นกันที่หน้าตาเหมือนเป็นรถในโชว์รูม ทั้งๆ ที่ยังติดป้ายว่าเป็นรถแนวคิด เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถกิจกรรมกลางแจ้งขนาดเล็กกระจิ๋วหลิวที่ผู้รังสรรค์ไม่เรียกว่า SUV เพราะอาจจะดูไม่เท่ แต่เลี่ยงไปใช้ YUV หรือ YOUNG'S SUV ซึ่งหมายถึงรถกิจกรรมกลางแจ้งสำหรับคนหนุ่มคนสาวนั่นเอง ตัวถัง 5 ประตู 5 ที่นั่ง ทรงสองกล่อง ยาว 4.020 ม. กว้าง 1.810 ม. และสูง 1.690 ม. มีหน้าตา และรูปทรงองค์เอวที่น่าจะโดนใจคนวัยหนุ่มวัยสาวอย่างที่หวัง แต่ที่น่าเสียดายก็คือ ต้องรอถึงปี 2014 นั่นแหละ จึงจะมีโอกาสได้เห็นรถแบบนี้ในโชว์รูม โดยมีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้ 2 ขนาด คือ เครื่อง 1,498 ซีซี 80 กิโลวัตต์/109 แรงม้า กับเครื่องเทอร์โบ 1,299 ซีซี 101 กิโลวัตต์/137 แรงม้า
เอมกแรนด์ อีเอกซ์ 6
ผลงานชิ้นสุดท้ายของค่าย GEELY GROUP ที่เลือกมาให้ชื่นชมกัน คือ เอมกแรนด์ อีเอกซ์ 6 (EMGRAND EX6) ที่เห็นในภาพขวามือ เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถกิจกรรมกลางแจ้งขนาดเล็กกะทัดรัดที่แหล่งข่าววงในยืนยันว่า ภายในปี 2014 หรืออย่างช้าก็ 2015 จะกลายสภาพเป็นรถตลาด ตัวถังยาว 4.120 ม. กว้าง 1.755 ม. และสูง 1.600 ม. ที่ออกแบบให้นั่งได้รวม 5 คน มีรายละเอียดในหลายจุดที่ดูขัดตาอยู่นิดๆ และคาดว่าน่าจะเปลี่ยนไปเมื่อรถออกโชว์รูม ตัวอย่างคือ แผงกระจังหน้าที่ดูเทอะทะและเหมือนเป็นการออกแบบที่ยังไม่ลงตัว ใช้เครื่องยนต์ชุดเดียวกับ อิงลอน เอสเอกซ์ 6 (ENGLON SX6) และ กลีเกิล จีเอกซ์ 5 (GLEAGLE GX5) แต่จะมีเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ด้วย
เชอรี แอท แอนท์
"รถกระจิ๋วหลิวกระจิริดแนวคิดพิสดาร" คือ สมญานามที่คู่ควรเป็นอย่างยิ่งกับ เชอรี แอท แอนท์ (CHERY@ANT) ผลงานชิ้นโบว์แดงของ CHERY AUTOMOBILE COMPANY LIMTIED บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ของรัฐบาลจีน ซึ่งอวดตัวแบบ GLOBAL DEBUT หรือ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ เป็นรถแนวคิดซึ่งก่อกำเนิดจากความคิดที่ว่า "หากมีจำนวนมากพอ สัตว์ตัวกระติ๊ดอย่างมดสามารถเคลื่อนย้ายภูเขา" เป็นรถไฟฟ้า 2 ที่นั่ง สไตล์เดียวกับรถไฟฟ้า เรอโนลต์ ทวิซี (RENAULT TWIZY) ที่ออกจำหน่ายแล้วในเมืองน้ำหอม ที่พิเศษกว่าก็คือรถไฟฟ้าแบบนี้ติดตั้งคอมพิวเตอร์ซึ่งออกแบบขึ้นเป็นพิเศษไว้ด้วย เมื่อคอมพิวเตอร์ในรถแต่ละคันตรวจพบว่ามีรถคันใดกำลังจะเดินทางไปยังเป้าหมายเดียวกัน ก็จะเคลื่อนเข้าไปเชื่อมต่อกันเองเป็นขบวนรถไฟอย่างที่เห็นในภาพ และสามารถต่อกันได้มากที่สุดไม่เกิน 10 คัน พยายามค้นหาจากสื่อต่างๆ เพราะอยากได้ข้อมูลมากกว่านี้ ก็ได้มานิดเดียวว่าเป็นรถขับล้อหลัง
เชอรี ทีเอกซ์ เอสยูวี
เชอรี ทีเอกซ์ เอสยูวี (CHERY TX SUV) ผลงานใหม่เอี่ยมแกะกล่องอีกชิ้นหนึ่งของ CHERY AUTOMOBILE COMPANY LIMITED ซึ่งไตรมาสแรกของปีนี้สามารถขายรถในเมืองมังกรได้มากถึง 139,347 คัน เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถกิจกรรมกลางแจ้งขนาดเล็กกะทัดรัด ตัวถังยาว 4.465 ม. กว้าง 2.082 ม. และสูง 1.670 ม. มีรูปทรงองค์เอวที่ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของจีนให้อรรถาธิบายว่า ได้แรงบันดาลใจจากน้ำ และเป็นผลลัพธ์ของความพยายามที่จะนำธรรมชาติมาบรรจุไว้ในรถยนต์" เป็นรถขับเคลื่อนทุกล้อด้วยพลังของเครื่องยนต์เบนซินติดเทอร์โบชาร์เจอร์ที่ให้กำลังสูงถึง 190 แรงม้า สื่อมวลชนในเมืองมังกรเชื่อกันว่า เป็นต้นแบบของรถรุ่นใหม่ ที่อีกไม่นานก็ออกโชว์รูมโดยติดป้ายชื่อ เชอรี ทิกโก (CHERY TIGGO)
เจเอซี ฮีหยู เอสซี
จุดโฟคัสสายตาในบูธของ JAC (ANHUI JIANGHUAI AUTOMOBILE COMPANY LIMITED) ผู้ผลิตรถยนต์ระดับ "ทอพเทน" ของเมืองมังกร คือ เจเอซี ฮีหยู เอสซี (JAC HEYUE SC) ความพยายามครั้งล่าสุดของผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีนที่จะทำรถสปอร์ท ไม่ยืนยันว่ายังเป็นรถแนวคิด หรือเป็นรถที่กำลังจะเข้าสู่สายการผลิต แต่บอกว่าก่อนสิ้นปี 2012 รถหน้าตาอย่างนี้จะออกโชว์รูมโดยติดป้ายค่าตัว 200,000 หยวน หรือประมาณ 1,040,000 บาทไทย เป็นรถคูเป 2 ประตู 4 ที่นั่ง ในตัวถังยาว 4.485 ม. กว้าง 1.860 ม. และสูง 1.370 ม. ซึ่งมีรูปทรงองค์เอวราวกับนำอย่างละนิดอย่างละหน่อยของรถ แฟร์รารี/ลัมโบร์กินี/โลทัส มาคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน เป็นรถวางเครื่องท้าย/ขับเคลื่อนล้อหลัง ด้วยพลังของเครื่องยนต์ 2.3 ลิตร 165 แรงม้า
บีวายดี ฉิน
ผลงานเชิดหน้าชูตาในบูธของ BYD AUTO COMPANY LIMITED บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ติดอันดับ "ทอพเทน" ซึ่งไตรมาสแรกของปีนี้ขายรถในเมืองมังกรได้ถึง 114,256 คัน คือ บีวายดี ฉิน (BYD QIN) รถซึ่งตั้งชื่อตามพระนามของจักรพรรดิ์จีนองค์แรก เป็นรถแนวคิดซึ่งเป็นต้นแบบของรถไฮบริดรุ่นใหม่ ที่ค่ายนี้จะบรรจุเข้าสู่สายการผลิตแทนที่รถไฮบริดรุ่นเดิมซึ่งยังคงมีขายอยู่ในขณะนี้โดยติดป้ายชื่อ BYD F3DM เป็นรถซีดานขนาดกลางในตัวถังยาว 4.740 ม. กว้าง 1.765 ม. และสูง 1.490 ม. ขับเคลื่อนแบบไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ โดยใช้เครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง 1.5 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 110 กิโลวัตต์/150 แรงม้า เมื่อวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าอย่างเดียวจะวิ่งได้ไกลประมาณ 50 กม.
บีวายดี เอฟ 3 พลัส
ผลงานอีกชิ้นหนึ่งที่ค่าย BYD AUTO COMPANY LIMITED นำออกแสดงเป็นครั้งแรกในงานนี้ คือ บีวายดี เอฟ 3 พลัส (BYD F3 PLUS) เป็นรถตลาดรุ่นใหม่ที่กำลังจะออกสู่โชว์รูมโดยติดป้ายค่าตัวเริ่มต้นที่ระดับ 100,000 หยวน หรือประมาณ 520,000 บาท เป็นรถซีดาน 4 ประตู 5 ที่นั่ง ในตัวถังทรงสามกล่องยาว 4.680 ม. กว้าง 1.765 ม. และสูง 1.490 ม. ซึ่งไม่มีจุดสะดุดตาอะไร เป็นรถขับล้อหน้าด้วยพลังของเครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง 1.5 ลิตร 113 กิโลวัตต์/154 แรงม้า ถ่ายทอดกำลังผ่านระบบเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 6 จังหวะ มีระบบควบคุมระยะไกล สามารถสั่งการให้รถหมุนพวงมาลัยหรือวิ่งถอยหน้าถอยหลังได้ภายในระยะที่กำหนด โดยที่ผู้ขับไม่ต้องนั่งอยู่ในรถ
บริลเลียนศ์ กเรเตอร์ ไชนา ทู
BRILLIANCE AUTO ผู้ผลิตรถยนต์ระดับ "ทอพเทน" อีกรายหนึ่งของเมืองมังกร ใช้เวทีหมุนขนาดยักษ์ในงานนี้เป็นที่เปิดตัว บริลเลียนศ์ กเรเตอร์ ไชนา ทู (BRILLIANCE GREATER CHINA II) รถแนวคิดซึ่งบ่งบอกให้เห็นได้เป็นอย่างดีว่า รถธงคันใหม่ที่ค่ายนี้กำลังจะบรรจุเข้าสู่สายการผลิตหน้าตาจะเป็นยังไง ? เป็นรถซีดานขนาดใหญ่ ที่มีตัวถังยาวเกือบ 5 เมตร หน้าตาและรูปทรงองค์เอวของตัวถัง ช่วยไม่ได้เลยหากเห็นแล้วก็ชวนให้นึกถึงรถบางคันที่ติดเครื่องหมาย "ใบพัดเครื่องบินสีฟ้าขาว" ไม่อยากใช้คำลอกเลียนแบบ แต่อยากจะบอกใบ้แต่เพียงว่า คนรักรถในเมืองจีนเขารู้กันทั้งนั้นแหละ BMW AG แห่งเยอรมนี คือ หุ้นส่วนรายสำคัญของ BRILLIANCE AUTO หากอยากเห็นตัวจริงเสียงจริงของรถธงคันที่ว่านี้ ก็คงต้องรออีกสักระยะหนึ่ง เครื่องยนต์ที่ใช้ แหล่งข่าววงในระบุว่าจะเป็นเครื่องเทอร์โบ 2.0 ลิตร 180 แรงม้า ถ่ายทอดกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
ชูหวัง บีเอชซีดี-1
คันนี้ก็เช่นกันที่หน้าตาเหมือนเตรียมพร้อมจะออกโชว์รูม ศึกษารายละเอียดแล้วจึงทราบว่ายังมีฐานะเป็นรถแนวคิดติดป้ายชื่อ ชูหวัง บีเอชวีดี-1 (SHOUWANG BHCD-1) ซึ่งอีกไม่นานก็จะพัฒนาเป็นรถตลาด เป็นผลงานชิ้นใหม่ล่าสุดของ BEIJING HYUNDAI MOTOR COMPANY ผู้ผลิตรถยนต์ซึ่งก่อตั้งกิจการเมื่อปี 2002 โดยมีบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของเมืองโสมเป็นผู้ถือหุ้นบางส่วน เป็นรถซีดานขนาดกลาง ในตัวถังยาว 4.830 ม. กว้าง 1.895 ม. และสูง 1.400 ม. ที่ผู้เป็นเจ้าของไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดใดๆ ในส่วนของเครื่องยนต์กลไกและระบบขับ บอกแต่เพียงว่าติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรงความจุ 2.0 ลิตร และเป็นรถที่ออกแบบขึ้นโดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้รถในสาธารณรัฐประชาชนจีน
เดนซา เอนอีวี
เดนซา เอนอีวี (DENZA NEV) ผลงานชิ้นแรกของ BYD-DAIMLER บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ซึ่งเพิ่งก่อตั้งเมื่อปี 2010 จากการร่วมทุนของฝ่ายจีนและฝ่ายเยอรมัน โดยมีเป้าหมายหลัก คือ ผลิตรถไฟฟ้าเพื่อขายในจีนโดยติดป้ายยี่ห้อ เดนซา (DENZA) อวดตัวแบบ"ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ในฐานะรถแนวคิด ส่วนตัวจริงเสียงจริงซื้อไปขับได้จริง อาจจะต้องรอจนกว่าจะถึงปี 2013 หรือต้นปี 2014 เป็นรถซีดานขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ที่ฝ่ายเยอรมันรับผิดชอบการออกแบบตัวถังและแชสซีส์โดยขอหยิบขอยืมพแลทฟอร์มจากรถ เมร์เซเดส-เบนซ์ บี-คลาสส์ (MERCEDES-BENZ B-CLASS) รุ่นแรก ซึ่งขณะนี้ถูกปลดจากสายการผลิตไปแล้ว ส่วนฝ่ายจีนรับผิดชอบระบบขับด้วยพลังไฟฟ้า รวมทั้งแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน (LITHIUM-ION) ที่ใช้
หงฉี แอล 7
FAW CAR COMPANY บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัว หงฉี แอล 7 (HONGQI L7) รถยนต์นั่งระดับหรูซึ่งไม่ได้ผลิตขายลูกค้าทั่วไป แต่จะทำขึ้นเพียงไม่กี่ร้อยคันเพื่อใช้ในงานรัฐพิธีของพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งจะมีขึ้นในเดือนตุลาคมปีนี้ เป็นรถซีดานขนาดใหญ่อย่างที่เรียกกันในภาษารถยนต์ว่า LIMOUSINE มีตัวถังยาว 6.095 ม. กว้าง 2.008 ม. และสูง 1.720 ม. ออกแบบและพัฒนาโดยขอหยิบขอยืมแชสซีส์จากรถกิจกรรมกลางแจ้ง โตโยตา แลนด์ครูเซอร์ (TOYOTA LANDCRUISER) รุ่นที่ผลิตในเมืองจีน และติดตั้งเครื่องยนต์ วี 12 สูบ 5,985 ซีซี 300 กิโลวัตต์/408 แรงม้า (บอกเป็นความรู้รอบตัวไว้หน่อยว่า หงฉี แปลว่า ธงแดง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน)
หงฉี เอช 7 พีเอชอีวี
รถหรูอีกแบบหนึ่งที่ค่าย "ธงแดง" นำออกอวดตัวเป็นครั้งแรกในงานนี้คือ หงฉี เอช 7 (HONGQI H7) รถที่ทำขึ้นเพื่อให้เป็นคู่ต่อสู้ของรถต่างชาติอย่าง เอาดี เอ 6 แอล (AUDI A6L) และ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-5 แอลดับเบิลยูบี (BMW 5-SERIES LWB) มีตัวถังยาว 5.095 ม. กว้าง 1.875 ม. และสูง 1.485 ม. คันที่เห็นในภาพเป็นรถโมเดลพิเศษติดป้ายชื่อ HONGQI H7 PHEV ความพิเศษอยู่ตรงที่ว่า ติดตั้งระบบขับไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ โดยใช้เครื่องเทอร์โบเบนซิน 2.0 ลิตร 145 กิโลวัตต์/197 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 40 กิโลวัตต์/54 แรงม้า ซึ่งได้พลังไฟจากแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน สามารถทำความเร็วสูงสุด 220 กม./ชม. และมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยแค่ 3.7 ลิตร/100 กม. หรือ 27.0 กม./ลิตร
เบจิง ออโท ซี 90 แอล
BAIC (BEIJING AUTOMOTIVE GROUP) ผู้ผลิตรถยนต์ของรัฐบาลจีนและเป็นผู้ผลิตรถยนต์ติดลำดับ "ทอพไฟว์" ของเมืองมังกร เรียกความสนใจจากสื่อมวลชนและผู้ชมงานได้ล้นหลามด้วย เบจิง ออโท ซี 90 แอล (BEIJING AUTO C90L) รถคันที่เห็นในภาพใหญ่และภาพบนซ้ายมือ เป็นรถแนวคิดซึ่งเป็นต้นแบบของรถระดับหรูที่ค่ายนี้ตั้งใจจะนำออกสู่ตลาดในปี 2013 หน้าตาและรูปทรงองค์เอวของตัวถังซึ่งยาว 5.20 ม. เป็นผลงานรังสรรค์ของ เลโอนาร์โด ฟิโอราวันตี (LEONARDO FIORAVANTI) เจ้าของและหัวหน้าทีมออกแบบของสำนัก FIORAVANTI DESIGN แห่งอิตาลี มีรายละเอียดในหลายๆจุดที่เห็นได้ชัดว่า หยิบมาจากรถแนวคิด โวลโว คอนเซพท์ ยูนิเวอร์ส (VOLVO CONCEPT UNIVERSE) ซึ่งปรากฏตัวที่งานมหกรรมยานยนต์เซี่ยงไฮ้เมื่อปีกระต่าย ห้องโดยสารที่ออกแบบให้นั่งแค่ 4 คน มีประตูข้างที่เปิดแยกจากกันโดยไม่มีเสาค้ำยันกลาง อย่างที่เรียกกันว่า "ประตูฆ่าตัวตาย"
กวงซู อี-ลิงเคอร์
GAC (GUANGZHOU AUTOMOBILE GROUP COMPANY LIMITED) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ของรัฐบาลจีนใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัว กวงซู ออโท อี-ลิงเคอร์ (GUANGZHOU AUTO E-LINKER) รถแนวคิดซึ่งเป็นต้นแบบของรถแฮทช์แบคขนาดเล็กกว่าเล็กกะทัดรัด ที่ค่ายนี้มีเป้าหมายจะนำเข้าสู่สายการผลิตในอนาคตอันใกล้ ตัวถังทรงกล่องเดียวยาว 3.850 ม. กว้าง 1.800 ม. และสูง 1.530 ม. มีรายละเอียดหลายจุดที่ทำให้ดูแปลกแหวกแนวกว่ารถประเภทเดียวกันแบบอื่นๆ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ ช่องกระจกในในบานประตูทั้ง 2 ด้าน เป็นรถขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 60 กิโลวัตต์/82 แรงม้า ซึ่งรับพลังไฟจากแบทเตอรีขนาด 20.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถเดินทางได้ไกล 165 กม.และทำความเร็วสูงสุด 130 กม./ชม.
ทรัมพ์ชิ จีเอส 5
ผลงานใหม่อีกชิ้นหนึ่งของค่าย GAC ซึ่งอวดตัวในงานนี้และออกจำหน่ายไปแล้วโดยติดป้ายค่าตัว 123,800-229,800 หยวน หรือประมาณ 644,000-1,195,000 บาทไทย คือ ทรัมพ์ชิ จีเอส 5 (TRUMPCHI GS5) รถสีส้มแสบตาในภาพบน เป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งขนาดกลาง ในตัวถังยาว 4.732 ม. กว้าง 1.854 ม. และสูง 1.680 ม. ที่ค่ายนี้ออกแบบเองแต่ใช้พแลทฟอร์มซึ่งซื้อสิทธิ์จากค่ายเฟียตของอิตาลีมาตั้งแต่ปี 2009 เครื่องยนต์เบนซิน DOHC 4 สูบเรียง 1,969 ซีซี 108 แรงม้า/147 แรงม้า ที่ติดตั้งอยู่ใต้ฝากระโปรงหน้าและทำงานร่วมกับระบบเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ หรือเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ ก็ได้จากยักษ์ใหญ่ของเมืองมะกะโรนีเช่นกัน ตัวเลขสมรรถนะเห็นแล้วสะใจเล็กๆ ความเร็วสูงสุดที่ทำได้ คือ 185 กม./ชม.
ไฮมา เหยา
FAW HAIMA AUTOMOBILE COMPANY LIMITED บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ซึ่งมีกำลังผลิตประมาณ 150,000 คัน/ปี ใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัวผลงานชิ้นใหม่ล่าสุดคือ ไฮมา เหยา (HAIMA YAO) รถสัญชาติจีนอีกคันหนึ่งที่หน้าตาเหมือนกำลังจะออกสู่โชว์รูม ทั้งๆ ที่ยังติดป้ายว่าเป็นรถแนวคิด เป็นต้นแบบของรถเก๋งซีดานขนาดกลางค่อนข้างใหญ่ที่ค่ายนี้จะนำออกสู่ตลาดในปี 2014 โดยติดป้ายราคาเริ่มต้นที่ระดับ 110,000 หยวน หรือเท่ากับประมาณ 570,000 บาท ซึ่งนับว่าย่อมเยามาก เพราะผู้ผลิตตั้งใจให้รถแบบนี้เป็น BIG CAR FOR LITTLE CASH หรือ "รถคันใหญ่ที่ซื้อได้ด้วยเงินก้อนเล็ก" ตัวถังยาว 4.845 ม. กว้าง 1.829 ม. และสูง 1.473 ม. มีรายละเอียดและรูปทรงองค์เอวที่วิจารณ์กันในเมืองจีนว่า ได้อิทธิพลจากรถสัญชาติเกาหลี
เอมจี ไอคอน
รถแนวคิดสัญชาติจีนคันสุดท้ายที่เลือกมาให้ชมกัน คือ เอมจี ไอคอน (MG ICON) เป็นรถจีนแต่ติดยี่ห้ออังกฤษ เพราะผู้เป็นเจ้าของคือ SAIC MOTOR CORPORATION LIMITED ซื้อสิทธิ์ยี่ห้อรถ MG จากเจ้าของเดิม คือ MG ROVER มานมนานแล้ว เป็นต้นแบบของรถกิจกรรมกลางแจ้งขนาดเล็กกะทัดรัดที่ค่ายนี้จะนำออกสู่โชว์รูมในปี 2013 เพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาดกับรถระดับเดียวกันที่ผู้ใช้รถในเมืองจีนกำลังชื่นชอบอยู่ในขณะนี้คือรถ นิสสัน กัสไก (NISSAN QASHQAI) วิจารณ์กันว่า แม้มีร่องรอยอยู่มากมายที่เห็นได้ชัดว่าได้รับอิทธิพลจากรถ MGB ที่เคยโด่งดังในอดีตเมื่อครึ่งศตวรรษก่อน แต่เมื่อพิจารณาโดยส่วนรวมแล้ว ก็ต้องยกนิ้วให้ว่าเป็นรถที่รูปทรงดูแปลกแหวกแนว และพิสูจน์ให้เห็นได้เป็นอย่างดีในความกล้าหาญของทีมงานผู้ออกแบบ
ฮอนดา คอนเซพท์ ซี/ฮอนดา คอนเซพท์ เอส
ยักษ์รองของเมืองยุ่นซึ่งเพิ่งประกาศโครงการระยะกลางว่า ภายใน 4 ปีนี้จะเพิ่มยอดขายรถในสาธารณรัฐประชาชนจีนอีกหนึ่งเท่าตัว คือ จาก 620,000 คัน เมื่อปีกลาย เป็น 1,200,000 คัน ในปี 2015 นำรถแนวคิด 2 คันออกอวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ คันสีเงินซึ่งติดป้ายชื่อ ฮอนดา คอนเซพท์ ซี (HONDA CONCEPT C) เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถเก๋งซีดานขนาดกลางที่รังสรรค์ขึ้นโดยเฉพาะสำหรับตลาดจีน รูปทรงองค์เอวของตัวถังยักษ์รองเมืองยุ่นบอกว่าออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจจากตัวมังกร และบอกด้วยว่า รหัส C หมายถึง COOL CHALLENGE และ CHINA ส่วนคันสีเขียวซึ่งติดป้ายชื่อ ฮอนดา คอนเซพท์ เอส (HONDA CONCEPT S) เป็นรถแฮทช์แบคขนาดเล็กกะทัดรัดราคาย่อมเยาที่ออกแบบสำหรับตลาดทั่วโลก จะมีการผลิตในจีนและเริ่มจำหน่ายในจีนเป็นตลาดแรก เมื่อถามว่ารหัส S หมายถึงอะไร? คำตอบที่ได้รับก็คือ STYLISH SMART และ SURPRISE
โตโยตา ยุนดง ชวงฉิง
ยักษ์ใหญ่ของเมืองยุ่นซึ่งก็เพิ่งประกาศโครงการ CLOUD ACTION หรือ YUNDONG ในภาษาจีน ที่จะเพิ่มยอดขายรถในเมืองมังกรเป็นระหว่าง 1.6 ถึง 1.8 ล้านคันต่อปีภายในปี 2015 นำรถใหม่ออกแสดงในงานนี้หลายคัน เนื่องจากหน้ากระดาษจำกัดจึงเลือกมาให้ชมได้เพียง 2 คัน คันแรกในภาพซ้ายซึ่งติดป้ายชื่อ โตโยตา ยุนดง ชวงฉิง (TOYOTA YUNDONG SHUANGQING) เป็นรถแนวคิดซึ่งบ่งบอกทิศทางและความน่าจะเป็นของรถไฮบริดขนาดเล็กกะทัดรัด ที่ยักษ์ใหญ่ของเมืองยุ่นกำลังออกแบบและพัฒนาอยู่ในจีน และตั้งเป้าหมายว่าจะนำออกสู่ตลาดในปี 2015 ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับระบบขับแบบไฮบริดที่จะใช้ในรถแบบที่ว่านี้ ข้อมูลนิดเดียวที่รับรู้กันก็คือ เป็นระบบไฮบริดที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า
โตโยตา เดียร์ ฉิน
ผลงานใหม่เอี่ยมแกะกล่องอีกชิ้นหนึ่งของยักษ์ใหญ่เมืองยุ่นที่เลือกมาให้ชื่นชมกัน คือ โตโยตา เดียร์ ฉิน (TOYOTA DEAR QIN) ก็ยังมีฐานะเป็นรถแนวคิดเช่นกัน เป็นรถแนวคิดซึ่งเป็นต้นแบบของรถอย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า COMPACT GLOBAL CAR หรือรถเก๋งขนาดเล็กกะทัดรัดที่ออกแบบสำหรับตลาดทั่วโลก ตัวจริงเสียงจริงของรถโลกคันที่ว่านี้ มีกำหนดออกโชว์รูมในปี 2013 โดยมีผู้ซื้อรถคันแรกเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย นอกจากตัวถังซีดานอย่างที่เห็นในภาพนี่แล้ว ยังมีรถชื่อเดียวกันนี้ในตัวถังแฮทช์แบคอวดตัวอยู่ในงานด้วย และก็เช่นเดียวกับรถแนวคิดคันซ้ายมือ ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับสมรรถนะและข้อมูลจำเพาะ แม้แต่ชื่อของรถ ก็ยังไม่มีใครยืนยันว่าจะใช้ชื่อ TOYOTA DEAR ซึ่งมีความหมายดีมากหรือไม่ ?
นิสสัน เอนวี 200 แทกซี
นิสสัน มอเตอร์ ซึ่งในรอบปีกระต่ายสามารถขายรถในสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ถึง 1.25 ล้านคัน นำผลงานใหม่ออกแสดงในงานนี้เป็นกองทัพ เลือกที่น่าสนใจมาให้ชื่นชมกันเพียง 2 คันเพราะหน้ากระดาษจำกัด คันแรกในภาพขวามือ คือรถตู้ติดป้ายชื่อ นิสสัน เอนวี 200 แทกซี (NISSAN NV200 TAXI) เป็นรถที่ชนะการประกวดในสหรัฐอเมริกา ให้ใช้เป็นรถแทกซีเพื่อรับส่งผู้คนในมหานครนิวยอร์ค ซึ่งแต่ละวันมีผู้ใช้บริการมากกว่า 600,000 คน พัฒนาจากรถรุ่นสามัญซึ่งขายอยู่ในเมืองแม่โดยติดป้ายชื่อ นิสสัน เอนวี 200 แวเนทท์ (NISSAN NV200 VANETTE) โดยปรับปรุงเปลี่ยนแปลงรายละเอียดมากมายเพื่อให้เหมาะกับเป็นรถสาธารณะ รวมทั้งการติดตั้งเครื่องยนต์ที่ประหยัดเชื้อเพลิงเป็นพิเศษและปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ
นิสสัน ซิลฟี
ผลงานอีกชิ้นหนึ่งของยักษ์รองเมืองยุ่นที่เรียกความสนใจจากสื่อมวลชนในเมืองจีนได้อย่างล้นหลาม คือ นิสสัน ซิลฟี (NISSAN SYLPHY) ในภาพซ้ายมือ เป็นรถรุ่นใหม่ซึ่งในปีหน้าจะออกตลาดในฐานะตัวตายตัวแทนของรถรุ่นเดิม ที่เริ่มจำหน่ายในเมืองมังกรเมื่อปี 2006 และยอดขายผ่านหลัก 500,000 คันไปแล้ว ยักษ์รองของเมืองยุ่นจะใช้โรงงานในเมืองกวงซู (GUANGZHOU) เป็นที่ผลิตรถรุ่นนี้ และตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายในปี 2014 จะส่งไปขายในประมาณ 120 ประเทศทั่วโลก เป็นรถเก๋งซีดานขนาดกลางที่ผู้ผลิตยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดใดๆ ทั้งในส่วนของตัวถังและเครื่องยนต์กลไก เพียงแต่ให้คำนิยามเป็นภาษาอังกฤษว่า FAMILY CARS WITH 5 SUPERIOR FEATURES หรือ "รถครอบครัวที่มีคุณลักษณ์เหนือชั้น 5 ประการ"
เมร์เซเดส-เบนซ์ คอนเซพท์ สไตล์ คูเป
สำหรับคนจีน 2012 คือ YEAR OF THE DRAGON หรือ "ปีของมังกร" แต่สำหรับผู้ผลิตรถยนต์ระดับสุดหรูอย่าง เมร์เซเดส-เบนซ์ 2012 คือ YEAR OF THE SUV หรือ"ปีของรถกิจกรรมกลางแจ้ง" ที่งานนี้ยักษ์ใหญ่ของเมืองเบียร์จึงนำรถกิจกรรมกลางแจ้งสารพัดแบบสารพัดขนาดออกแสดงเป็นกองทัพ อย่างไรก็ตามรถที่เรียกความสนใจได้มากที่สุดไม่ใช่รถเอสยูวี แต่กลายเป็น เมร์เซเดส-เบนซ์ คอนเซพท์ สไตล์ คูเป (MERCEDES-BENZ CONCEPT STYLE COUPE) ที่เห็นในภาพใหญ่และภาพบนขวามือ ซึ่งอวดตัวแบบ GLOBAL DEBUT หรือ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ เป็นรถแนวคิดซึ่งเป็นต้นแบบของรถซีดานระดับหรูขนาดเล็กกะทัดรัด ที่ค่าย "ดาวสามแฉก" จะนำออกสู่โชว์รูมในปี 2013 โดยติดป้ายชื่อ เมร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอ (MERCEDES-BENZ CLA) และตั้งค่าตัวเริ่มต้นที่ระดับ 23,000 ยูโร หน้าตาและรูปทรงองค์เอวของตัวถังซึ่งยาว 4.637 ม. กว้าง 1.891 ม. และสูง 1.398 ม. สรุปได้อย่างสั้นๆ ว่า"เนียน"
เมร์เซเดส-เบนซ์ จี-คลาสส์
เมร์เซเดส-เบนซ์ จี-คลาสส์ (MERCEDES-BENZ G-CLASS) หนึ่งในบรรดารถกิจกรรมกลางแจ้งรวม 5 อนุกรม ที่ยักษ์ใหญ่เมืองเบียร์นำออกแสดงในงานนี้ ไม่ใช่รถรุ่นใหม่แท้ๆ แต่เป็นรถที่เพิ่งผ่านการปรับปรุงแบบ FACELIFT หรือ "ยกหน้า" และส่งมาอวดตัวต่อแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ คันที่เห็นในภาพเป็นรุ่นหัวกระทิ คือ เมร์เซเดส-เบนซ์ จี 65 เอเอมจี (MERCEDES-BENZ G65 AMG) รถกิจกรรมกลางแจ้งที่ทรงพลังที่สุดในโลกซึ่งติดป้ายค่าตัว 1.698 ล้านหยวน หรือประมาณ 8.83 ล้านบาทไทย รถโมเดลนี้ติดตั้งเครื่องไบเทอร์โบ DOHC วี 12 สูบ ความจุ 5,980 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 450 กิโลวัตต์/612 แรงม้า ที่ 4,300-5,600 รตน. สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ใน 5.3 วินาที และความเร็วสูงสุด 230 กม./ชม.
สมาร์ท ฟอร์ทู ดรากอน เอดิชัน
บูธของยอดผู้ผลิตรถจิ๋วซึ่งอยู่ภายใต้ร่มเงาของค่าย "ดาวสามแฉก" มีจุดดึงดูดสายตาและเลนส์กล้องอยู่เพียงจุดเดียว คือ รถจิ๋ว สมาร์ท ฟอร์ทู ดรากอน เอดิชัน (SMART FORTWO DRAGON EDITION) เป็นรถที่ทำขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองปีมังกรของคนจีน และจะผลิตโดยไม่จำกัดจำนวน แต่จะขายไปเรื่อยๆ จนจบปีมังกร คือ สิ้นเดือนมกราคมปีหน้า ความพิเศษของรถรุ่นพิเศษนี้อยู่ที่การตกแต่งตัวถังและห้องโดยสารด้วยสีแดงและสีทองซึ่งเป็นสีมงคลของชาวจีน นอกจาก 2 สีที่ว่านี้แล้ว จุดดึงดูดสายตาเมื่อมองจากภายนอก คือ สัญลักษณ์ตัวมังกรสไตล์โบราณสีแดงที่ทาบอยู่บนเสาคู่หลังเคลือบสีทองดังที่เห็นในภาพ ค่าตัวเพื่อแลกความพิเศษนี้ คือ 148,888 หยวน หรือประมาณ 775,000 บาท เมื่อคิดว่า เงินจีน 1 หยวน แลกได้ด้วยเงินไทย 5.20 บาท
โพร์เช กาเยนน์ จีทีเอส
ยอดผู้ผลิตรถสปอร์ทและรถกิจกรรมกลางแจ้งของเมืองเบียร์ซึ่งเมื่อปีกลายสามารถขายรถในเมืองจีนได้มากกว่า 24,000 คัน ให้ความสำคัญแก่งานนี้โดยนำ โพร์เช กาเยนน์ จีทีเอส (PORSCHE CAYENNE GTS) ออกอวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" เป็นรถโมเดลใหม่ล่าสุดซึ่งกำลังจะออกขายในจีนโดยติดป้ายค่าตัว 1.73 ล้านหยวน หรือประมาณ 9.00 ล้านบาทไทย รถโมเดลนี้ติดตั้งเครื่องยนต์ฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 8 สูบ 4,806 ซีซี 309 กิโลวัตต์/420 แรงม้า ถ่ายทอดกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ TIPTRONIC S สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 5.7 วินาที และความเร็วสูงสุด 261 กม./ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 10.7 ลิตร/100 กม. และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 251 กรัม/กม.
เอาดี เอ 6 แอล อี-ทรอน คอนเซพท์
ผู้ผลิตรถหรูของเมืองเบียร์ซึ่งเมื่อปีกลายขายรถติดตรา "สี่ห่วง" ในสาธารณรัฐประชาชนจีนและฮ่องกงได้ถึง 313,036 คัน นำรถแนวคิดออกแสดงพร้อมๆ กันถึง 3 คัน คันสีเทาเข้มในภาพใหญ่และภาพบนซ้ายมือซึ่งติดป้ายชื่อ เอาดี เอ 6 แอล อี-ทรอน คอนเซพท์ (AUDI A6L E-TRON CONCEPT) เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถซีดานขนาดกลางที่มุ่งเน้นทั้งความประหยัดและไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อม พัฒนาจากรถในสายการผลิต คือ เอาดี เอ 6 แอล (AUDI A6L) โดยเปลี่ยนระบบขับจากขับด้วยพลังของเครื่องยนต์สันดาปภายในอย่างเดียวเป็นขับแบบไฮบริด ชนิดต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ โดยใช้เครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง 2.0 ลิตร 155 กิโลวัตต์/211 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 70 กิโลวัตต์/95แรงม้า และแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน (LITHIUM-ION) ชนิดระบายความร้อนด้วยของเหลว เมื่อวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ และใช้ความเร็วคงที่ 60 กม./ชม. จะไปได้ไกลประมาณ 80 กม.
เอาดี อาร์เอส คิว 3 คอนเซพท์
คันสีฟ้าในภาพใหญ่และภาพเล็กซ้ายมือซึ่งติดป้ายชื่อ เอาดี อาร์เอส คิว 3 คอนเซพท์ (AUDI RS Q3 CONCEPT) และหน้าตาเหมือนกำลังจะออกโชว์รูม เป็นรถแนวคิดที่ค่ายนี้ทำขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวาระที่เริ่มนำรถกิจกรรมกลางแจ้ง เอาดี คิว 3 (AUDI Q3) เข้าไปขายในเมืองมังกร พัฒนาจากรถในสายการผลิต โดยปรับเปลี่ยนรายละเอียดมากมายในส่วนของตัวถัง ตัวอย่างคือ แผงกระจังหน้าเคลือบสีดำ กันชนหน้าและหลังที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด และสปอยเลอร์ซึ่งทำจากพลาสติคเสริมไฟเบอร์กลาสส์ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงที่เป็นสาระสำคัญและมองไม่เห็นในภาพ คือ การติดตั้งเครื่องยนต์ที่แรงสะอกสะใจ เป็นเครื่องเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง 5 สูบเรียง 2.5 ลิตร ที่ให้กำลังสูงถึง 265 กิโลวัตต์/360 แรงม้า
เอาดี คิว 3 จินหลง ยูเฟง
อีกคันหนึ่งที่ทำขึ้นเป็นพิเศษในโอกาสที่เริ่มนำรถกิจกรรมกลางแจ้ง เอาดี คิว 3 (AUDI Q3) เข้าไปขายในเมืองจีน คือรถสีเหลืองสดใสติดป้ายชื่อ เอาดี คิว 3 จินหลง ยูเฟง (AUDI Q3 JINLONG YUFENG) ซึ่งแปลว่า GOLDEN DRAGON IN THE WIND หรือ "มังกรทองล่องลม" พัฒนาจากรถรุ่นสามัญในสายการผลิต โดยปรับเปลี่ยนและเพิ่มเติมอุปกรณ์บางชิ้น เพื่อให้เป็นรถสำหรับผู้ชื่นชอบกีฬา KITESURFING ที่นิยมเล่นกันอยู่ขณะนี้ทั้งในเมืองจีนเมืองไทยและอีกหลายเมืองที่มีทะเล ตัวอย่าง คือ การติดตั้งกระดาน KITEBOARD ทำจากพลาสติคโพลีเมอร์เสริมคาร์บอนไฟเบอร์จำนวน 2 ชุดบนหลังคาอย่างที่เห็นในภาพ และที่น่าจะโดนใจนักกีฬาไฮเทคก็คือ ระบบถ่ายภาพ AUDI CAM ที่จัดเตรียมไว้ให้พร้อมสรรพในรถแนวคิดสุดเท่คันนี้
โฟล์คสวาเกน ลาวีดา
SHANGHAI VOLKSWAGEN AUTOMOTIVE COMPANY LIMITED ซึ่งในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้สามารถขายรถติดตรา "วีดับเบิลยู" ในเมืองจีนได้ถึง 319,888 คัน ใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัว โฟล์คสวาเกน ลาวีดา (VOLKSWAGEN LAVIDA) รุ่นใหม่ พร้อมให้ข่าวกับสื่อมวลชนว่าหนึ่งเดือนหลังงานนี้จะนำออกสู่โชว์รูมแทนที่รถรุ่นเดิม ซึ่งอยู่ในตลาดมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2008 และยอดขายผ่านหลัก 700,000 คันไปแล้วเมื่อเดือนมกราคมปีงูใหญ่ เป็นรถเก๋งซีดานขนาดเล็กกะทัดรัด ออกแบบขึ้นโดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้รถในสาธารณรัฐประชาชนจีนและไม่มีขายในตลาดอื่น รถรุ่นใหม่นี้แบ่งการตกแต่ง/อุปกรณ์เป็น 4 ระดับ มีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้ 3 ขนาด และติดป้ายค่าตัว 90,000-170,000 หยวน หรือประมาณ 468,000-884,000 บาท
บีเอมดับเบิลยู ไอ 8 สไปเดอร์
บีเอมดับเบิลยู ซึ่งในไตรมาสแรกของปีงูใหญ่สามารถขายรถติดตรา "ใบพัดเครื่องบินสีฟ้าขาว" ในตลาดจีนได้มากถึง 29,115 คัน เป็นผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่อีกรายหนึ่งที่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษแก่งานนี้ โดยลงทุนส่งรถแนวคิด บีเอมดับเบิลยู ไอ 8 สไปเดอร์ (BMW I8 SPYDER) มาอวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ให้ฮือฮากัน เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถสปอร์ทเปิดประทุนระดับ "ซูเพอร์คาร์" และเป็นต้นแบบของรถคูเปสุดหรูสุดแรงที่ค่ายนี้ตั้งเป้าว่าจะนำออกสู่โชว์รูมในปี 2014 ตัวถังหน้าตาและรูปทรงวิลิศมาหรา ยาว 4.480 ม. กว้าง 1.922 ม. และสูง 1.208 ม. มีรายละเอียดในหลายๆ จุดที่คงจะหายไปเมื่อเปลี่ยนฐานะเป็นรถตลาด แต่ที่น่าจะคงอยู่ คือ ระบบขับไฮบริดชนิดต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟที่ค่ายนี้พัฒนาขึ้นเอง เป็นระบบไฮบริดที่ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบเบนซิน 3 สูบเรียง 1.5 ลิตร 164 กิโลวัตต์/223 แรงม้า ขับล้อคู่หลัง และใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 96 กิโลวัตต์/131 แรงม้า ขับล้อคู่หน้า
บีเอมดับเบิลยู 3-ซีรีส์ แอลดับเบิลยูบี
ผลงานใหม่เอี่ยมแกะกล่องอีกรายการหนึ่งที่ยอดผู้ผลิตรถหรูของเมืองเบียร์นำออกอวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ในงานนี้คือ บีเอมดับเบิลยู 3-ซีรีส์ แอลดับเบิลยูบี (BMW 3-SERIES LWB) รถที่ผลิตขึ้นโดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้รถในสาธารณรัฐประชาชนจีน พัฒนาจากรถ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-3 (BMW 3-SERIES) รุ่นล่าสุดที่เพิ่งออกตลาดเมื่อตอนต้นปี โดยเปลี่ยนแปลงจุดสำคัญเพียงจุดเดียว คือ ยืดช่วงฐานล้อให้ยาวขึ้น 11.0 ซม. (เป็นที่มาของชื่อ LWB หรือ LONG WHEELBASE) ซึ่งส่งผลให้ขนาดยาวของตัวถังเพิ่มจาก 4.624 เป็น 4.734 ม. คือ ยาวขึ้น 11.0 ซม. เช่นกัน เป็นรถผลิตในจีน และจะมีรถให้ลูกค้าเงินถุงเงินถังในเมืองจีนที่ชอบนั่งรถตัวถังยาวๆ เลือกใช้รวม 3 โมเดล คือ BMW 320LI-BMW 328LI-BMW 335LI
มีนี เธอะ ไชนีส จอบ
ยอดผู้ผลิตรถเล็กแต่หรูของเมืองผู้ดีนำรถมีนีโมเดลพิเศษออกแสดงเป็นครั้งแรกในงานนี้ 2 คัน คันที่เห็นในภาพบนซึ่งติดป้ายชื่อ มีนี เดอะ ไชนิส จอบ (MINI THE CHINESE JOB) ออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจจากภาพยนต์เรื่อง THE ITALIAN JOB ที่เคยโด่งดังในอดีต และเป็นรถที่ทำขึ้นโดยเฉพาะสำหรับตลาดจีนไม่มีขายที่อื่น ดัดแปลงจากรถรุ่นสามัญคือ มีนี คูเพอร์ เอส คลับแมน (MINI COOPER S CLUBMAN) และมีสีตัวถังให้เลือกใช้เพียง 2 สี คือ สีแดงหลังคาดำ กับสีดำหลังคาแดงอย่างคันในภาพ ส่วนภายในห้องโดยสาร ทุกคันจะตกแต่งด้วยสีแดงดำ อย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า BLACK-ON-RED INTERIOR สนนราคาค่าตัวของรถที่ต้องบินไปซื้อที่เมืองจีนคันนี้ คือ 369,000 หยวน หรือเท่ากับประมาณ 1.92 ล้านบาท
มีนี คูเพอร์ เอส คลับแมน ไฮด์ พาร์ค
รถโมเดลพิเศษอีกคันหนึ่งที่ยอดผู้ผลิตรถเล็กของเมืองผู้ดีส่งมาแสดงในงานนี้ คือ มีนี คูเพอร์ เอส คลับแมน ไฮด์ พาร์ค (MINI COOPER S CLUBMAN HYDE PARK) เป็นรถแบบพิเศษแบบที่ 4 ที่ค่ายนี้ทำขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวาระที่กรุงลอนดอนได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค และขอหยิบขอยืมชื่อของสวนสาธารณะในมหานครนี้มาเป็นชื่อโมเดล การให้กำเนิดแก่รถแบบนี้ก็ทำได้อย่างง่ายๆ ไม่สลับซับซ้อนอะไร คือ เอารถ มีนี คูเพอร์ เอส คลับแมน ที่ยังไม่ได้พ่นสีตัวถังมาพ่นสีขาว PEPPER WHITE ให้ทั่วคัน ยกเว้นหลังคากับเรือนกระจกมองข้างที่ต้องเป็นสีน้ำตาลเข้ม HOT CHOCOLATE แล้วก็ต้องไม่ลืมพาดหน้าหม้อด้วยแถบสีน้ำตาลอย่างเดียวกันด้วย จากนั้นก็เติมนั่นอีกนิดเติมนี่อีกหน่อย เป็นอันเสร็จพิธี ง่ายอะไรจะปานนั้น
บูกัตตี เวย์รน 16.4 กแรนด์ สปอร์ท วีแตสเซอ
รถตลาดค่าตัวโคตระแพงที่สุดในงานนี้ จะเป็นคันไหนไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ บูกัตตี เวย์รน 16.4 กแรนด์ สปอร์ท วีแตสเซอ (BUGATTI VEYRON 16.4 GRAND SPORT VITESSE) ที่เห็นอยู่นี้ เป็นรถโมเดลสุดพิเศษ ที่ผู้ผลิตรถสปอร์ทของฝรั่งเศสทำขึ้นเพื่อสนองตัณหาของคนรักรถเงินถุงเงินถังสตางค์ล้นแบงค์ ผู้ไม่รู้จักขีดจำกัดของความพึงพอใจ พัฒนาจากรถรุ่นสามัญซึ่งไม่มีชื่อ VITESSE ห้อยท้าย โดยเปลี่ยนเครื่องยนต์จากเครื่องเทอร์โบ DOHC ดับเบิลยู 16 สูบ 7,993 ซีซี 736 กิโลวัตต์/1,001 แรงม้า เป็นเครื่องบลอคเดียวกันที่ปรับแต่งจนกำลังสูงสุดพุ่งขึ้นเป็น 882 กิโลวัตต์/1,200 แรงม้า ไม่ยืนยันว่าจะทำขายกี่คัน แต่บอกว่าทุกคันของรถซึ่งมีค่าตัว 1.80 ยูโร หรือประมาณ 76 ล้านบาทนี้ จะมีตัวถังสีดำคาดด้วยสีแดงอย่างที่เห็น
ลัมโบร์กินี อูรุส
ขายรถอะไรก็คงไม่ทำกำไรได้ดีเหมือนขายรถกิจกรรมกลางแจ้ง ด้วยเหตุนี้ผู้ผลิตรถยนต์แทบทุกรายจึงอยากจะทำรถกิจกรรมกลางแจ้งกันทั้งนั้น ไม่มีขาดตกยกเว้นแม้กระทั่งยอดผู้ผลิตรถสปอร์ทกระทิงดุอย่าง ลัมโบร์กินี ประจักษ์พยานยืนยันคือ ลัมโบร์กินี อูรุส (LAMBORGHINI URUS) ซึ่งอวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ เป็นรถแนวคิดซึ่งเป็นต้นแบบของรถกิจกรรมกลางแจ้งสุดหรูสุดแรงสุดเร็วที่ค่ายนี้ตั้งเป้าว่าจะนำออกสู่ตลาดในปี 2016 คาดหมายกันว่าหน้าตาและรูปทรงองค์เอวของรถคันที่ว่านี้ คงจะไม่แตกต่างจากรถแนวคิดที่เห็นอยู่นี้สักเท่าไหร่ แม้ว่ารายละเอียดบางรายการอาจจะหายไป เช่น ล้อขนาด 24 นิ้ว ที่ดูจะใหญ่โตมโหฬารไปหน่อย และที่น่าจะคาดหมายได้ เนื่องจากรถคันที่ว่านี้จะติดตั้งเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบ วี 8 สูบ 4.0 ลิตร ที่ให้กำลังสูงถึง 440 กิโลวัตต์/600 แรงม้า คือความเร็วสูงสุดระดับ 305 กม./ชม. และตำแหน่ง"รถเอสยูวีที่แรงและเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์"
เฟียต วีแอจจิโอ
มีรถสายพันธุ์อิตาลีแต่ผลิตในแผ่นดินใหญ่ของสาธารณรัฐประชาชนจีนเพียงไม่กี่คันที่อวดตัวแบบ"ครั้งแรกในโลก" ในงานนี้ และหนึ่งในจำนวนนั้นคือ เฟียต วีแอจจิโอ (FIAT VIAGGIO) ที่เห็นในภาพซ้ายมือ เป็นรถเก๋งซีดานในตัวถังยาว 4.679 ม. และกว้าง 1.850 ม. ซึ่งเป็นผลพวงจากความร่วมมือของยักษ์ใหญ่อิตาลีกับค่ายไครสเลอร์ของสหรัฐอเมริกา และเป็นคู่แฝดคนละฝากับรถ ดอดจ์ ดาร์ท (DODGE DART) ซึ่งเพิ่งเปิดตัวที่งานมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์เมื่อตอนต้นปี จะเริ่มการผลิตตอนปลายเดือนมิถุนายน แต่กว่าที่รถคันแรกจะส่งถึงมือผู้สั่งจองก็น่าจะเป็นปลายปี จะมีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ขนาด คือ 88 กิโลวัตต์/120 แรงม้า กับ 110 กิโลวัตต์/150 แรงม้า ส่วนค่าตัวจะเริ่มต้นที่ระดับ 120,000 หยวน หรือประมาณ 625,000 บาท
เรอโนลต์ ตาลิสมอง
ยักษ์ใหญ่ของเมืองน้ำหอมซึ่งเมื่อปีกลายขายรถในเมืองมังกรได้เพียง 24,100 คัน ใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัวรถธงคันใหม่ คือ เรอโนลต์ ตาลิสมอง (RENAULT TALISMAN) ในภาพขวามือ เป็นรถซีดานขนาดใหญ่ในตัวถังที่ยาวเกือบ 5 เมตร ผลิตที่โรงงานของ RENAULT SAMSUNG MOTORS ในเกาหลีใต้ และจะเริ่มนำเข้าไปขายในเมืองจีนตอนกลางเดือนมิถุนายน ด้วยค่าตัวเริ่มต้นที่ระดับ 318,800 หยวน หรือเท่ากับประมาณ 1,658,000 บาท โดมีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้ 2 ขนาด คือเครื่อง วี 6 สูบ 2.5 ลิตร 138 กิโลวัตต์/187 แรงม้า กับเครื่อง วี 6 สูบ 3.0 ลิตร 187 กิโลวัตต์/254 แรงม้า ระบบเกียร์ก็มีให้เลือก 2 แบบเช่นกัน คือเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ TIPTRONIC กับเกียร์อัตโนมัติปรับอัตราทดต่อเนื่อง (เกียร์ CVT)
เปอโฌต์ เออร์เบิน ครอสส์โอเวอร์ คอนเซพท์
ยักษ์รองของฝรั่งเศสซึ่งในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้สามารถขายรถติดตรา "สิงห์เผ่น" ให้แก่ผู้ใช้รถในเมืองมังกรได้ถึง 54,587 คัน จับจองพื้นที่ในงานนี้ 1,400 ตารางเมตร และนำรถออกแสดงรวม 17 คัน หากถามว่าคันไหนน่าสนที่สุด ? คำตอบก็คือ เปอโฌต์ เออร์เบิน ครอสส์โอเวอร์ คอนเซพท์ (PEUGEOT URBAN CROSSOVER CONCEPT) ซึ่งอวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถกิจกรรมกลางแจ้งขนาดเล็กกะทัดรัดรูปทรงองค์เอวดูแล้วลื่นตาลื่นใจ และเป็นผลงานรังสรรค์จากความร่วมมือของทีมงาน "สิงห์เผ่น" ทั้งในฝรั่งเศสในจีนและในบราซิล ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลและรายละเอียดใดๆ ที่สื่อมวลชนอยากจะรู้เพื่อเอาไปเผยแพร่ บอกแต่เพียงว่า ตัวถังยาว 4.140 ม.และกว้าง 1.740 ม.
ซีตรอง นืเมโร 9
ปิดฉากรายงานอันยาวเหยียดเป็นประวัติการณ์ ด้วยรถแนวคิดติดป้ายชื่อ ซีตรอง นืเมโร 9 (CITROEN NUMERO) ซึ่งหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษฉบับหนึ่งของจีนถือว่าเป็น THE NIGHTMARE OF PHOTOGRAPHERS หรือ "ฝันร้ายของช่างภาพ" เพราะตัวถังสีม่วงเข้มจนเกือบจะเป็นสีดำ แต่ดันไปอวดตัวในพื้นที่ที่อัตคัตแสงสว่าง พื้นปูพรมสีเข้มสนิทเหมือนสีรถ แถมมีพวงไฟกะพริบห้อยระย้าอยู่เหนือหัวอีกต่างหาก เป็นรถไฮบริดในตัวถังยาว 4.930 ม. กว้าง 1.940 ม. และสูง 1.270 ม. ซึ่งบ่งบอกทิศทางและความน่าจะเป็นของรถตระกูล DS รุ่นใหม่ๆ รวม 3 รุ่น ที่ค่ายนี้ตั้งใจจะนำออกสู่ตลาด เพื่อดูดเงินของผู้ใช้รถในเมืองมังกร ประกอบด้วยรถเก๋งซีดานขนาดเล็กกะทัดรัด รถเก๋งซีดานระดับนักบริหาร และรถกิจกรรมกลางแจ้งระดับ "พรีเมียม"
ABOUT THE AUTHOR
ช
ชูศักดิ์ ชมจินดา
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2555
คอลัมน์ Online : มหกรรมยานยนต์ต่างประเทศ