ตอบจดหมาย
จะต้องเชคสภาพเครื่องยนต์ และช่วงล่างอย่างไร
1. ถ้าตรวจดูแล้วเครื่องยนต์สะอาดดี ก็อย่าเพิ่งแน่ใจ ให้ลองสตาร์ทดู ว่ายากหรือง่าย เมื่อเครื่องยนต์
ติด ให้ดูว่าเดินเรียบ หรือมีอาการสะดุด ติดๆ ดับๆ หรือไม่
2. ถ้าบังเอิญรถเกิดสะดุด และเครื่องยนต์ดับระหว่างทาง ให้ดึงเบรคมือ บังคับพวงมาลัยให้ล้ออยู่ใน
แนวเดียวกับทางวิ่ง บิดกุญแจมาที่ตำแหน่ง ON เหยียบเบรค และเหยียบคลัทช์เข้าเกียร์ถอยหลัง ที่ตำแหน่งเกียร์ 4L
3. การเลือกใช้เกียร์ทดกำลังให้ถูกต้อง มือใหม่หลายคนอาจสับสนไม่เข้าใจ ขอให้จำไว้ว่า 2H นั้นก็ไม่
ต่างอะไรกับการขับรถกระบะธรรมดาทั่วไป ที่ขับแต่เพียง 2 ล้อหลังเท่านั้น ล้อหน้าจะไม่มีกำลังขับเคลื่อนแต่อย่างใด
ซูซูกิ แคริเบียน
ฉบับแรกจาก ผู้ใช้นามว่ามือใหม่ สอบถามมาเกี่ยวกับรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ของ ซูซูกิ
ถาม : ตั้งใจซื้อ ซูซูกิ แคริเบียน มือสองมาใช้ จะต้องเชคสภาพเครื่องยนต์ และช่วงล่างอย่างไร
ขอคำแนะนำด้วย ?
ตอบ : ซูซูกิ แคริเบียน เป็นรถที่สมบุกสมบันต่อการใช้งานทีเดียว ใช้โครงสร้างเหมือนรถกระบะยุคเก่า
คือ มีแชสซีส์ และตัวถัง ระบบรองรับหน้า/หลัง เป็นแหนบ และชอคอับ ซึ่งมีความทนทาน และง่ายต่อการบำรุงรักษามากๆ สำหรับการตรวจเชคสภาพเครื่องยนต์ และช่วงล่าง ต้องอาศัยประสบการณ์ และใช่ว่าคนที่เป็นช่างแล้วจะดูรถได้ร้อยเปอร์เซนต์ คนที่เป็นช่างได้รถย้อมแมวก็มีมากมาย
แคริเบียน มีเครื่องยนต์ ขนาด 1,300 ซีซี ทั้งแบบหัวฉีด และคาร์บูเรเตอร์ การตรวจเชคควรเริ่มจาก
สภาพภายนอกของเครื่องยนต์ก่อน โดยดูว่ารอบๆ เครื่องยนต์มีคราบน้ำมันเครื่องรั่วไหล ท่อยางหม้อน้ำ สายไฟต่างๆ ยังอยู่ในสภาพเรียบร้อย รอบๆ ตัวคาร์บูเรเตอร์มีน้ำมันเบนซินไหลเยิ้ม และใต้ท้องรถมีน้ำมันเครื่องหยดหรือไม่
ถ้าตรวจดูแล้ว เครื่องยนต์สะอาดดี ก็อย่าเพิ่งแน่ใจ ให้ลองสตาร์ทดู ว่าสตาร์ทยากหรือง่าย ควรสตาร์ททีเดียวติดเลย เมื่อเครื่องยนต์ติด ดูว่าเดินเรียบ หรือมีอาการสะดุด ติดๆ ดับๆ หรือไม่ สังเกตเสียงของเครื่องยนต์ดูว่ามีเสียงใดผิดปกติ มีน้ำมัน หรือของเหลวรั่วไหลออกจากเครื่องยนต์หรือไม่ มีแกสไอเสียเล็ดลอดออกมาจากปลายท่อไอเสียหรือเปล่า ถ้ามี แสดงว่าเครื่องยนต์นั้นหมดสภาพที่จะใช้งานแล้ว
ด้านระบบรองรับ ให้ก้มดูว่าแหนบทั้ง 4 ด้าน มีสภาพเช่นไร ดูชอคอับว่ามีน้ำมันรั่วไหลออกมาหรือไม่
ถ้ามี คุณคงต้องเสียเงินเปลี่ยนชอคอับใหม่แน่
หลังจากนั้นให้ลองขึ้นไปขับดู วิ่งแล้วรถมีอาการดึงซ้าย/ขวา ขับเลี้ยวมีอาการขืนหรือไม่ เวลาวิ่งผ่าน
ทางขรุขระ ช่วงล่างมีเสียงดังมากเกินไปหรือเปล่า เสียดังอาจต้องมีบ้าง แต่ต้องไม่มากเกินไปตลอดเวลา อาการเหล่านี้ถ้าไม่มีจะดีที่สุด
ขึ้นชื่อว่ารถมือสอง ต้องมีปัญหาแน่นอน เมื่อซื้อมาแล้ว คงจะหลีกเลี่ยงการซ่อมไม่ได้แน่ เรื่องอย่างนี้
ถือว่าตาดีได้ ตาร้ายเสีย ก็แล้วกัน
ขับขึ้นทางชัน
ฉบับที่สองจาก กุลพล เจริญกุล/จ. นนทบุรี ถามเข้ามาเกี่ยวกับการขับบนทางชัน
ถาม : เนื่องจากผมต้องย้ายไปทำงานชนบททางภาคเหนือ พื้นที่เต็มไปด้วยภูเขา และทางลาดชัน
สภาพผิวถนนส่วนใหญ่เป็นดินลูกรัง หากเป็นหน้าฝนก็จะเป็นเลนและลื่น ผมเคยแต่ขับรถบนทางเรียบ ยังไม่เคยขับรถขึ้นตามทางชันเลย จึงอยากขอคำแนะนำในการขับรถบนทางดังกล่าวด้วย ?
ตอบ : การขับรถบนทางเรียบ กับการขับรถบนทางชัน ย่อมมีเทคนิคในการขับไม่เหมือนกันอย่างแน่
นอน การขับบนทางชันที่ดี คุณควรรู้จักกับมิติของรถก่อน เช่น กว้าง ยาว สูง ความสูงใต้ท้องรถ มุมปะทะ มุมจาก ของรถคันนั้นๆ มีมากเท่าไร จากนั้นมาทำความรู้จักกับเส้นทางที่คุณจะวิ่ง ถ้าเป็นเส้นทางที่ใช้งานประจำก็ไม่ค่อยมีปัญหา แต่ถ้าเส้นทางที่ไม่ซ้ำกัน ก็ลำบากหน่อย แต่ที่สำคัญคุณต้องรู้ว่าเส้นทางที่จะขับรถผ่าน มีลักษณะเช่นไร สภาพพื้นผิวเป็น ดิน กรวด หรือว่าโคลนเลน มีลำน้ำตัดผ่านเส้นทางหรือไม่ ความลาดชันของพื้นที่มีมากน้อยเท่าไร สุดท้ายต้องทำความรู้จักกับตัวของคุณเองว่า มีทักษะในการขับรถขับเคลื่อน 4 ล้อ และผ่านประสบการณ์มามากน้อยเพียงใด สามารถใช้เครื่องมือกู้ภัยได้อย่างถูกต้องหรือไม่
เมื่อคุณทำความรู้จัก และเข้าใจในสิ่งที่บอกไปข้างต้นแล้ว ก็มาถึงการขับ และเทคนิคบางอย่างที่ต้อง
นำมาใช้ ในบางครั้ง ต้องลงไปสำรวจเส้นทางด้วยตัวคุณเองก่อน หลังจากศึกษาเส้นทางเป็นที่เรียบร้อย ถึงขั้นตอนการเลือกใช้เกียร์ หากทางลาดชันมีไม่มาก อาจเลือกขับเคลื่อนด้วยเกียร์ 4H ในช่วงเกียร์ 2 ได้ แต่หากมีความชันมาก ขอแนะนำให้ขับขึ้นด้วยเกียร์ 4L ในช่วงเกียร์ 1 หรือ 2 เท่านั้น ควรเข้าเกียร์ให้เรียบร้อยก่อนขับขึ้นทางชัน ไม่ควรเหยียบคลัทช์ เพื่อเปลี่ยนเกียร์ขณะวิ่งขึ้นไป แต่ควรวิ่งไปในตำแหน่งเกียร์นั้นๆ ตลอด
ถ้าหากบังเอิญรถเกิดสะดุด และเครื่องยนต์ดับระหว่างทางขึ้น ขอแนะนำให้ดึงเบรคมือ บังคับพวง
มาลัยให้ล้ออยู่ในแนวเดียวกับทางวิ่ง บิดกุญแจมาที่ตำแหน่ง ON เหยียบเบรค และเหยียบคลัทช์เข้าเกียร์ถอยหลัง ที่ตำแหน่งเกียร์ 4L จัดการปลดเบรคมือพร้อมถอนเบรคเท้า ปล่อยให้รถถอยหลังลง ถอนคลัทช์กระตุกให้เครื่องยนต์สตาร์ทติดอีกครั้ง ปล่อยให้รถถอยหลังลงด้วยแรงเฉื่อยจากเอนจินเบรค แล้วหาจังหวะขึ้นมาใหม่อีกครั้งในช่วงแรกของการลองวิ่งบนทางชัน ควรหาผู้มีประสบการณ์ร่วมเดินทางไปกับคุณด้วย เพราะหากประสบอุปสรรค หรือปัญหาเฉพาะหน้า จะได้ช่วยแก้ปัญหาร่วมกัน
มือใหม่
ฉบับสุดท้ายจาก วิภารัตน์ แสงทอง/จ. ปทุมธานี สุภาพสตรีผู้สนใจในการขับรถขับเคลื่อน 4 ล้อ
ถาม : ดิฉันขับรถยนต์มาได้ประมาณ 5 ปี สนใจอยากเปลี่ยนรถมาใช้กระบะแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แต่
ดิฉันไม่เคยขับรถแบบนี้มาก่อน อยากให้ช่วยแนะนำเทคนิค และวิธีการขับด้วย ?
ตอบ : หากคุณมีพื้นฐานการขับรถมาบ้างแล้ว การขับรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ก็ไม่ใช่เรื่องยากนัก ขอให้มีใจ
รักเท่านั้นเป็นพอ ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกับรถกระบะแบบขับเคลื่อน 4 ล้อก่อน ระบบขับเคลื่อนจะเป็นแบบโฟร์วีล พาร์ทไทม์ คุณสามารถเลือกได้ว่าจะขับแบบ 2 ล้อหลัง เหมือนรถกระบะธรรมดาทั่วไป หรือจะเลือกขับเคลื่อน 4 ล้อก็ได้ (ถ้าเป็นแบบโฟร์วีล ฟูลล์ไทม์แล้ว รถจะมีแต่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออย่างเดียว)
คันเกียร์ในรถจะมี 2 ด้าม (รุ่นใหม่ๆ มักใช้ระบบไฟฟ้า มีปุ่มให้กดเลือกระบบขับเคลื่อน) ด้ามยาวจะ
เป็นเกียร์ส่งกำลังเหมือนกับในรถยนต์ทั่วไป ส่วนด้ามสั้นจะเป็นเกียร์ทดกำลัง แบ่งเป็น 3 ระดับ คือ 2H 4H และ 4L
การเลือกใช้เกียร์ทดกำลังให้ถูกต้อง มือใหม่หลายคนอาจสับสนไม่เข้าใจ ขอให้จำไว้ว่า 2H นั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการขับรถกระบะธรรมดาทั่วไป ที่ขับแต่เพียง 2 ล้อหลังเท่านั้น ล้อหน้าจะไม่มีกำลังขับเคลื่อนแต่อย่างใด ใช้เกียร์นี้เมื่อใช้งานในเมืองทั่วไป หรือวิ่งบนทางหลวงด้วยความเร็วสูง
ต่อมาเป็นตำแหน่งเกียร์ 4H ที่ตำแหน่งเกียร์นี้ ล้อทั้ง 4 จะหมุนไปพร้อมๆ กัน โดยใช้อัตราทดเกียร์
เหมือนกับ 2H ขณะใช้งาน รถจะเกาะถนนได้ดีกว่าการขับที่ตำแหน่ง 2H ใช้งานกับทางที่มีลักษณะลื่นไถลได้ง่าย อย่างเช่น ทางที่เป็นเลนลื่นๆ ทางลูกรังขรุขระ
ตำแหน่งสุดท้ายเป็นตำแหน่ง 4L ตำแหน่งเกียร์นี้ ล้อทั้ง 4 จะหมุนไปพร้อมกัน จะเป็นอัตราทดเกียร์ต่ำ เพื่อหวังผลในด้านพละกำลัง จะช่วยให้คุณขับรถปีนป่ายในทางชันได้อย่างสบาย หรือจะเป็นทางโขดหิน หรือหลุมบ่อใหญ่ๆ ก็ต้องใช้ตำแหน่งเกียร์นี้
เทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ที่พอจะแนะนำได้สำหรับมือใหม่ ก็คือ การวิ่งไปบนพื้นผิวใดก็ตาม พยายามให้
จำนวนล้อสัมผัสพื้นมากที่สุด อย่างเช่น การขับข้ามเนินที่มีลักษณะเป็นลอนๆ ควรขับไปในลักษณะทแยงกับแนวเนิน เพื่อให้ล้อได้ไต่ไปทีละล้อ และพยายามให้ล้อแตะพื้นอย่างน้อยที่สุด 3 ล้อ การขับขึ้นเนินสูงให้ขับขึ้นในแนวตรง ห้ามขับขึ้นในแนวเอียงเป็นอันขาด เพราะจะเป็นผลทำให้รถเกิดพลิกคว่ำลงมาได้ ส่วนการขับบนทางเลนหรือทราย ต้องอาศัยแรงโมเมนทัมในการนำรถเคลื่อนที่ไป การใช้เบรคนั้นต้องระวังเป็นพิเศษ และที่สำคัญ การนำรถไปวิ่งในที่ใดๆ ที่ไม่เคยวิ่งมาก่อน คนขับต้องลงไปสำรวจดูสภาพพื้นที่นั้นว่ามั่นคงพอที่จะนำรถวิ่งข้ามไปได้หรือไม่ โดยเฉพาะการนำรถวิ่งผ่านลำธาร การกะระยะด้วยสายตาไม่อาจไว้วางใจได้
ABOUT THE AUTHOR
อ
อีซีแมน
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2551
คอลัมน์ Online : ตอบจดหมาย(4wheels)