มิตซูบิชิ ทไรทัน

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด จัดการทดสอบสมรรถนะของรถพิคอัพสายพันธุ์ใหม่ ทไรทัน ชูจุดเด่น ผู้สร้างอารยธรรมใหม่ของกระบะเมืองไทย พร้อมเทคโนโลยีพลังขับเคลื่อน และความแข็งแกร่ง ที่ได้รับการสร้างสรรค์ จากประสบการณ์ระดับโลกในสนามแข่งขันดาการ์แรลลี 4 WHEELS ได้ร่วมทดลองขับ มิตซูบิชิ ทไรทัน ณ สนามทดสอบ บลู แซฟไฟร์ บ่อพลอย กาญจนบุรี ในรุ่น GLS LTD. เครื่องยนต์ 3.2 เกียร์อัตโนมัติ ที่มีเฉพาะรุ่น 4 ประตู ขับเคลื่อนสี่ล้อ และรุ่น GLS เครื่องยนต์ 2.5 เกียร์ธรรมดา แคบ ขับเคลื่อนสี่ล้อ

ภายนอก แปลกตา ล้ำสมัย

มิตซูบิชิ ทไรทัน มีรูปทรงที่โค้งมน ล้ำสมัยและแปลกตา เน้นให้ตัวรถลู่ลมได้ดี จากเสา A-PILLAR กระจกบังลมหน้าที่ลาดเอียงมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศต่ำเพียง 0.46 ทำให้เกิดแรงกดบนตัวรถ ช่วยให้ยึดเกาะถนนได้ดี ลดเสียงรบกวนจากแรงลมปะทะและช่วยประหยัดเชื้อเพลิง

ไฟหน้าแบบมัลทิรีเฟลคเตอร์ พร้อมเลนส์กระจายแสงขนาดใหญ่ กระจังหน้าแบบซี่ขนาดใหญ่ออกแบบโค้งมนรับกับตัวรถ กันชนหน้าขนาดใหญ่ด้านบนจรดฝากระโปรงหน้ามีโลโก มิตซูบิชิพร้อมช่องทรงกลมสำหรับไว้ติดตั้งไฟตัดหมอก ใต้กันชนออกแบบเป็นช่องตาข่ายสีดำเสริมความดุดันและให้อากาศผ่านได้ดี ด้านข้างใช้โป่งล้อแบบโค้งมนขนาดใหญ่สีทูโทน ไฟท้ายและฝาปิดท้ายออกแบบล้ำสมัย เหนือที่เปิดฝาท้ายยังติดตั้งไฟเบรคดวงที่ 3

 

ภายใน หรูหรา ไม่แพ้เก๋ง

ภายในใหม่ หรูหรา ทันสมัย คอนโซลหน้าขนาดใหญ่ ตัดด้วยสีทูโทน พวงมาลัย 3 ก้าน มาตรวัดสไตล์สปอร์ท พื้นสีน้ำเงินตัดกับตัวเลขสีขาว พร้อมจอเรืองแสงแบบแอลซีดีขนาดใหญ่ บอกระยะทางและตำแหน่งเกียร์สำหรับรุ่นเกียร์อัตโนมัติ กลางคอนโซลด้านบนครอบด้วยกรอบสีเงินเมทัลลิค และยังติดตั้งระบบ RV METER (RECREATION METER) แสดงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการเดินทาง สามารถเลือกดูตามโหมดต่างๆ ได้อาทิ ข้อมูลด้านเวลา สภาพอากาศ ข้อมูลเดินทาง และการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และยังแสดงการทำงานของเครื่องเล่นวิทยุและซีดี

ด้านล่างเป็นชุดควบคุมระบบปรับอากาศที่ยังใช้มือหมุนปรับเองทรงกลม ในรุ่นเครื่องยนต์ 3.2 GLS LTD. ใช้เบาะหนังแท้แบบบัคเกทซีท เย็บด้วยเส้นด้ายสีฟ้า ให้ความสวยงามและรับกับชุด RV METER จอสีฟ้าเช่นเดียวกัน กระจกข้างปรับและพับด้วยไฟฟ้า นอกจากนี้กระจกหลังสามารถควบคุมการเปิด/ปิดด้วยไฟฟ้า เลือกได้ 3 ตำแหน่ง พร้อมระบบเลื่อนลงอัตโนมัติเมื่อมีสิ่งกีดขวาง

และยังมีระบบ ETACS ช่วยอำนวยความสะดวกและความปลอดภัย อาทิ ระบบตั้งเวลาปิดกระจกไฟฟ้าได้อีก 30 วินาที ภายหลังการดับเครื่องยนต์ ระบบปัดน้ำฝนปรับความเร็วอัตโนมัติ ในกรณีที่ฝนตกและผู้ขับขี่เลือกใช้ที่ปัดน้ำฝนในตำแหน่งปัดหยุด หากใช้ความเร็วเกิน 80 กม./ชม. ระบบจะเปลี่ยนเป็นจังหวะที่ 1 โดยอัตโนมัติ ระบบดับไฟหน้าเองหลังจากดับเครื่องยนต์และผู้ขับเปิดประตู

เครื่องยนต์ แรงสะใจแบบไฮเพอร์ คอมมอนเรล

เครื่องยนต์ ในรุ่น 3.2 GLS LTD. ขนาดใหญ่ที่สุดใช้รหัส 4M41 ความจุ 3,200 ซีซี ดีไอ-ดี ไฮเพอร์ คอมมอนเรล DOHC 16 วาล์ว พร้อมเทอร์โบ อินเตอร์คูเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 4,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 35.7 กก.-ม. ที่ 2,000 รตน. ควบคุมการทำงานด้วยระบบคอมพิวเตอร์ 32 บิท ให้พลังแรงจัดจ้านเร่งแซงฉับไวทุกรอบความเร็ว สามารถจ่ายน้ำมันที่ให้แรงดันสูงถึง 180 MPA (เมกะปาสคาล) พร้อมเทอร์โบชาร์จแบบใบพัดคู่

ส่วนรุ่น 2.5 GLS ใช้เครื่องยนต์ความจุ 2,477 ซีซี รหัส 4D56 ดีไอ-ดี ไฮเพอร์ คอมมอนเรล DOHC 16 วาล์ว พร้อมเทอร์โบ อินเตอร์คูเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 140 แรงม้า ที่ 4,000 รตน.แรงบิดสูงสุด 32.7 กก.-ม. ที่ 2,000 รตน. ควบคุมการทำงานด้วยระบบคอมพิวเตอร์ 32 บิท ให้พลังแรงจัดจ้านเร่งแซงฉับไวทุกรอบความเร็ว สามารถจ่ายน้ำมันที่ให้แรงดันสูงถึง 180 MPA (เมกะปาสคาล) พร้อมเทอร์โบชาร์จแบบใบพัดคู่

ระบบขับเคลื่อนมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ในรุ่น 3.2 GLS-LIMITED ใช้ระบบ INVECS II สามารถเรียนรู้พฤติกรรมการขับของผู้ขับ และสภาพเส้นทางลาดชัน พร้อมโอเวอร์ดไรฟ ทำงานผ่านคำสั่งจากคอมพิวเตอร์ ทำให้เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างแม่นยำ

หลังจากได้ลองขับรุ่น 2.5 GLS เครื่องยนต์ รหัส 4D56 ในรุ่นเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ พบว่าเครื่องยนต์ให้อัตราเร่งที่ดีมาก เป็นรองในรุ่น 3.2 เกียร์อัตโนมัติเพียงเล็กน้อย สำหรับการใช้งานทั่วไป เร่งออกตัวดี การเปลี่ยนเกียร์นุ่มนวล การเร่งต่อเนื่องทำได้ดีมาก แต่ไม่สามารถทำความเร็วสูงได้เพราะมีระยะทางค่อนข้างจำกัด การเลี้ยวกลับรถในที่แคบทำได้ดีเพราะมีรัศมีวงเลี้ยวเพียง 5.9 เมตร

ส่วนรุ่น 3.2 GLS LTD. ใช้เครื่องยนต์ รหัส 4M41 ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ ระบบ INVECS II สามารถเรียนรู้พฤติกรรมการขับของผู้ขับ และสภาพเส้นทางลาดชันพร้อมโอเวอร์ดไรฟ ทำงานผ่านคำสั่งจากคอมพิวเตอร์ ทำให้เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างแม่นยำหลังจากลองขับในเส้นทางทดสอบพบว่า อัตราเร่งการออกตัวของเครื่องยนต์ทำได้ดีเครื่องยนต์สามารถรีดพลังออกมาได้ดีและต่อเนื่อง แม้ดูแล้วน่าจะทำได้มากกว่านี้ แต่อาจเป็นเรื่องของการเซทกล่องอีซียู ให้เน้นถึงความประหยัดรวมถึงมาตรฐานมลพิษ แต่ดูจากสเปคแล้ว แรงม้า และแรงบิด ทำได้มากกว่าคู่แข่งทุกราย การแร่งแซงและเร่งต่อเนื่องยังทำได้ดี

ในสนามขับขี่รถขับเคลื่อน 4 ล้อ ลองเปลี่ยนมาใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ ES4 (EASY SELECT 4) ที่เลือกระบบขับเคลื่อนให้เหมาะสมกับสภาพถนนได้อย่างรวดเร็ว สามารถเปลี่ยนจากระบบขับเคลื่อน 2 ล้อความเร็วสูง (2H) เป็น 4 ล้อความเร็วสูง (4H) ได้ในขณะรถวิ่งที่ความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม. ทำให้สะดวกในการใช้งาน

ส่วนสมรรถนะในสนามทดสอบ กำลังเครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงทำให้สามารถขับเคลื่อนผ่านอุปสรรคไปได้อย่างสบายเพียงแค่กดคันเร่งเบาๆ ทำงานร่วมกับเฟืองท้ายลิมิเทด สลิพ แบบไฮบริด สามารถผ่านอุปสรรคทางทุรกันดาร ขึ้นเนินชันได้อย่างสบาย เวลาลงจากเนินชันต้องอาศัยแตะเบรคช่วยเป็นจังหวะ เพราะไม่มีเอนจินเบรคคอยช่วยชะลอความเร็ว

ระบบรองรับ นุ่มนวล ยึดเกาะถนนดี

ระบบรองรับใหม่ ด้านหน้าแบบอิสระ ปีกนก 2 ชั้น คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ให้การยึดเกาะถนนดี นุ่มนวลนั่งสบายดุจรถเก๋ง ด้านหลังเป็นแหนบแผ่นซ้อน ติดตั้งเหนือแกนเพลาช่วยลดแรงสั่นสะเทือนด้านหลังได้มากขึ้น ติดตั้งชอคอับแบบไขว้ แข็งแรงทนทานรองรับได้ทุกสภาพถนน

ระบบเบรคหน้าแบบจาน พร้อมครีบระบายความร้อน และด้านหลังเป็นดุมเบรคขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน ทำงานร่วมกับหม้อลมเบรคขนาด 10 นิ้ว พร้อมระบบป้องกันล้อลอคแบบเอบีเอส แบบ 4 เซนเซอร์

การเซทระบบรองรับของรถพิคอัพ มิตซูบิชิ ทำได้ดีเหนือคู่แข่งค่ายอื่น ข้อเด่นของรุ่นนี้หลังจากได้ลองขับในแบบสลาลอมแล้ว เห็นได้ว่าระบบรองรับของรถยึดเกาะถนนดีมากเข้าโค้งที่ความเร็วสูงยังควบคุมรถได้ดี ลองเข้าโค้งที่ความเร็วสูงให้รถเสียอาการแล้วแก้พวงมาลัยคืน ก็สามารถแก้ไขรถได้ง่าย

ในพื้นที่ทุรกันดาร จะเห็นถึงการเซทระบบรองรับที่มีประสิทธิภาพมาก การให้ตัวของระบบรองรับทำได้อย่างนุ่มนวล เมื่อขับลงหลุมหรือเนินสลับ ห้องโดยสารมีอาการโยกและเอียงตามเพียงเล็กน้อย ทำให้ขับและนั่ง ได้สบายมาก

สรุป

มิตซูบิชิ ทไรทัน เป็นรถพิคอัพที่ได้รับการออกแบบอย่างล้ำสมัย ภายในหรู อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันดุจรถเก๋ง เครื่องยนต์คอมมอนเรล มีให้เลือกทั้งเครื่อง 3.2 แรงสุดในรุ่นและ 2.5 เน้นความประหยัด รวมกับระบบรองรับที่เซทมาได้ดีมาก น่าจะสร้างความคึกคักให้กับตลาดรถพิคอัพทั้งในกลุ่มรถขับเคลื่อนสองและสี่ล้อ แน่นอน