ทดลองขับ(formula)
ฮอนดา ซิที เอสวี
ฮอนดา ซิที เปิดตัวเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2539 ออกแบบมาตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าในภูมิภาคอาเซียนโดยเฉพาะ คือมีพื้นที่ภายในห้องโดยสาร กว้างขวาง ในขณะที่ตัวรถมีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา คล่องตัว ให้ความสนุกสนานในการขับขี่ และมีมาตรฐานความปลอดภัยสูง พร้อมให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อม สำหรับ ฮอนดา ซิที คันที่กำลังพิจารณากันอยู่นี้เป็นทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูล ที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยยิ่งขึ้นฮอนดา ซิที เปิดตัวเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2539 ออกแบบมาตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าในภูมิภาคอาเซียนโดยเฉพาะ คือมีพื้นที่ภายในห้องโดยสาร กว้างขวาง ในขณะที่ตัวรถมีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา คล่องตัว ให้ความสนุกสนานในการขับขี่ และมีมาตรฐานความปลอดภัยสูง พร้อมให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อม สำหรับ ฮอนดา ซิที คันที่กำลังพิจารณากันอยู่นี้เป็นทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูล ที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยยิ่งขึ้น ภายนอก แต่งหน้า ทาปากใหม่ รูปลักษณ์ภายนอกของ ฮอนดา ซิที รุ่นที่ 3 เมื่อครั้งเปิดตัวออกมาในปี 2551 ถือว่าทันสมัย ลงตัว และมีความเป็นสากลกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน ด้วยแนวคิดการออกแบบ ท่าการยิงธนู (ARROWSHOT FORM) หรือถ้าจะขยายความ ก็เปรียบได้กับการง้างคันธนูเพื่อสะสมพลังให้ลูกธนู ก่อนที่จะยิงออกไปได้อย่างเต็มที่ ทำให้ด้านหน้าของตัวรถเป็นเหมือนปลายลูกธนู แสดงถึงความกว้างขวาง โฉบเฉี่ยว ส่วนด้านท้ายออกแบบให้เหมือนหางของลูกธนู ซุ้มล้อดูกระชับ แสดงถึงความแข็งแกร่ง เฉียบคม ให้ความรู้สึกสปอร์ท จนกระทั่งได้เวลาปรับโฉมให้เข้ากับยุคสมัย จึงมีการปรับปรุงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้แก่ กระจังหน้า กันชนหน้า/หลัง ไฟท้าย และล้ออัลลอย ภายใน อุปกรณ์อำนวยความสะดวกเพียบ ภายในห้องโดยสารของ ฮอนดา ซิที เอสวี ซึ่งเป็นรุ่นทอพจะใช้โทนสีดำ (รุ่น เอส กับ วี เป็นสีเบจ) และอัดแน่นด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ ช่องเก็บของใต้เบาะด้านหลัง เบาะนั่งด้านหลังพับได้ พวงมาลัยปรับระดับได้ 4 ทิศทาง ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (PADDLE SHIFT) มาตรวัดแสดงอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องเสียงโมดูล แอดวานศ์ ออดิโอ พร้อมสวิทช์ควบคุมบนพวงมาลัย ช่องเชื่อมต่อ USB และช่อง AUX สำหรับต่ออุปกรณ์เสริม ระบบกุญแจนิรภัย IMMOBILIZER ฯลฯ ในขณะที่ห้องสัมภาระท้ายรถมีปริมาตรความจุถึง 506 ลิตร ซึ่งมากกว่าใครเพื่อนในรถระดับเดียวกัน โดยผู้ผลิตเคลมว่าสามารถใส่ถุงกอล์ฟได้ถึง 4 ใบ เครื่องยนต์ ตอบสนองทันใจ ขุมพลังที่ใช้ประจำการนั้นเป็นบลอคเดียวกับที่อยู่ใน ฮอนดา แจซซ์ เป็นเครื่องยนต์พิกัด 1.5 ลิตร บลอค L15A 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว I-VTEC ที่พัฒนาใหม่หลายส่วน อาทิ เพิ่มขนาดของวาล์วไอดี ปรับปรุงการไหลเวียนของน้ำหล่อเย็น ปรับปรุงรูปทรงของหัวลูกสูบ ปรับปรุงท่อร่วมไอดี ใช้กระเดื่องวาล์วผลิตจากอลูมิเนียมที่มีความแข็งแรงขึ้น ฯลฯ ทำให้มีพละกำลัง 120 แรงม้า ที่ 6,600 รตน. แรงบิดสูงสุด 14.8 กก.-ม. ที่ 4,800 รตน. ส่วนระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ รุ่นใหม่ที่มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา (เกียร์ลูกเดียวกับ ฮอนดา แจซซ์ อีกนั่นแหละ) ทำงานร่วมกับคันเร่งไฟฟ้า ระบบรองรับ มั่นใจและนุ่มนวล รูปแบบของระบบรองรับคงเป็นเช่นเดิม ด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท ส่วนด้านหลังทอร์ชันบีมแบบ H-SHAPE ที่มีความทนทานสูงและการบำรุงรักษาต่ำ เช่นเดียวกับระบบเบรคที่ให้ความมั่นใจได้เต็มที่ด้วยจานเบรค 4 ล้อ พร้อมระบบ เอบีเอส ระบบกระจายแรงเบรค (อีบีดี) และระบบเสริมช่วยเบรค (บีเอ) โดยการตอบสนองของระบบรองรับไม่มีอาการย้วยให้หวาดเสียว แม้ขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง หรือเมื่อ (แอบ) ใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนด สรุป ตอบโจทย์ทั้งสมรรถนะและความประหยัด การตอบสนองของเครื่องยนต์เมื่อกดคันเร่งพละกำลังจะค่อยๆ ถ่ายทอดออกมาแบบผู้ใหญ่ไม่กระโชกโฮกฮาก ซึ่งเป็นไปตามแนวคิดของทีมงานออกแบบที่ต้องการให้ ฮอนดา ซิที เป็นรถคันแรกของมือใหม่หรือรถครอบครัว ดังนั้นจึงมีบุคลิกต่างไปจาก ฮอนดา แจซซ์ ที่มีการตอบสนองแบบวัยรุ่น การขับขี่แบบเดินทางในความเร็วเฉลี่ย 90-110 กม./ชม. เครื่องยนต์ตอบสนองดีและมีกำลังสำรองให้ใช้ยามการเร่งแซงได้แบบไม่ต้องลุ้นให้เหนื่อย การทำงานของเกียร์อัตโนมัติแบบ 5 จังหวะ ลูกนี้เซทอัตราทดมาได้อย่างเหมาะสมกับแรงม้าและแรงบิดของเครื่องยนต์ การตอบสนองของเกียร์รวดเร็วตามความต้องการ หรือถ้านึกสนุกขึ้นมาก็มี แพดเดิล ชิฟท์ เผื่อไว้ให้เรียบร้อยโดยจะใช้เมื่อไรก็ได้เพียงกระดิกปลายนิ้ว ไม่ว่าเกียร์จะอยู่ในตำแหน่งเกียร์ D หรือ S การทำงานของพวงมาลัยไฟฟ้า (อีพีเอส) ให้ความรู้สึกมั่นคงและแม่นยำ แต่มีน้ำหนักเบากว่า ฮอนดา แจซซ์ พอสมควร ตามแนวคิดการพัฒนาที่มุ่งเน้นให้เข้ากับกลุ่มลูกค้ามากที่สุด ซึ่งทำให้เกิดความแตกต่างทั้งเรื่องของรูปลักษณ์และความรู้สึกในการขับขี่ รวมถึงการเซทอับกล่องควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ก็มีแตกต่างกันด้วย โดยทางโรงงานเค้าบอกว่าถ้าเป็นการขับขี่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมเหมือนกันทุกประการ ฮอนดา ซิที จะมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำกว่า ฮอนดา แจซซ์ เล็กน้อย เบาะนั่งด้านหลังแบบปรับเอนได้ช่วยเพิ่มความสบายแก่ผู้โดยสารด้านหลังได้มาก รวมทั้งมีพื้นที่วางขากว้างเทียบได้กับรถยนต์ประเภทคอมแพคท์ของบางค่ายเลยทีเดียว ข้อมูลจำเพาะ ฮอนดา ซิที เอสวี ผู้แทนจำหน่าย บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 0-2341-7888 มิติ และน้ำหนัก ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 3,920/1,695/1,525 ช่วงล้อ หน้า/หลัง (มม.) 1,476/1,459 ฐานล้อ (มม.) 2,550 น้ำหนัก (กก.) 1,150 ความจุถังเชื้อเพลิง (ลิตร) 42 เครื่องยนต์ แบบ 4 สูบ 16 วฺาล์ว I-VTEC ความจุ (ซีซี) 1,497 กระบอกสูบ/ช่วงชัก (มม.) 73/89.4 อัตราส่วนกำลังอัด 10.4:1 กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 120/6,600 แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 14.8/4,800 ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีดมัลทิพอยท์ PGM-FI ระบบถ่ายทอดกำลัง เกียร์ (จังหวะ) อัตโนมัติ 5 ขับเคลื่อน (ล้อ) 2 ล้อหน้า ระบบรองรับ หน้า แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง หลัง ทอร์ชันบีม พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบบังคับเลี้ยว แบบ ฟันเฟือง และตัวหนอน เพาเวอร์ ระบบห้ามล้อ แบบ เอบีเอส อีบีดี และบีเอ หน้า จาน มีช่องระบายความร้อน หลัง จาน ราคา (บาท) 704,000
ภายนอก แต่งหน้า ทาปากใหม่
รูปลักษณ์ภายนอกของ ฮอนดา ซิที รุ่นที่ 3 เมื่อครั้งเปิดตัวออกมาในปี 2551 ถือว่าทันสมัย ลงตัว และมีความเป็นสากลกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน ด้วยแนวคิดการออกแบบ “ท่าการยิงธนู” (ARROWSHOT FORM) หรือถ้าจะขยายความ ก็เปรียบได้กับการง้างคันธนูเพื่อสะสมพลังให้ลูกธนู ก่อนที่จะยิงออกไปได้อย่างเต็มที่ ทำให้ด้านหน้าของตัวรถเป็นเหมือนปลายลูกธนู แสดงถึงความกว้างขวาง โฉบเฉี่ยว ส่วนด้านท้ายออกแบบให้เหมือนหางของลูกธนู ซุ้มล้อดูกระชับ แสดงถึงความแข็งแกร่ง เฉียบคม ให้ความรู้สึกสปอร์ท จนกระทั่งได้เวลาปรับโฉมให้เข้ากับยุคสมัย จึงมีการปรับปรุงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้แก่ กระจังหน้า กันชนหน้า/หลัง ไฟท้าย และล้ออัลลอย
ภายใน อุปกรณ์อำนวยความสะดวกเพียบ
ภายในห้องโดยสารของ ฮอนดา ซิที เอสวี ซึ่งเป็นรุ่นทอพจะใช้โทนสีดำ (รุ่น เอส กับ วี เป็นสีเบจ) และอัดแน่นด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ ช่องเก็บของใต้เบาะด้านหลัง เบาะนั่งด้านหลังพับได้ พวงมาลัยปรับระดับได้ 4 ทิศทาง ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (PADDLE SHIFT) มาตรวัดแสดงอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องเสียงโมดูล แอดวานศ์ ออดิโอ พร้อมสวิทช์ควบคุมบนพวงมาลัย ช่องเชื่อมต่อ USB และช่อง AUX สำหรับต่ออุปกรณ์เสริม ระบบกุญแจนิรภัย IMMOBILIZER ฯลฯ ในขณะที่ห้องสัมภาระท้ายรถมีปริมาตรความจุถึง 506 ลิตร ซึ่งมากกว่าใครเพื่อนในรถระดับเดียวกัน โดยผู้ผลิตเคลมว่าสามารถใส่ถุงกอล์ฟได้ถึง 4 ใบ
เครื่องยนต์ ตอบสนองทันใจ
ขุมพลังที่ใช้ประจำการนั้นเป็นบลอคเดียวกับที่อยู่ใน ฮอนดา แจซซ์ เป็นเครื่องยนต์พิกัด 1.5 ลิตร บลอค L15A 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว I-VTEC ที่พัฒนาใหม่หลายส่วน อาทิ เพิ่มขนาดของวาล์วไอดี ปรับปรุงการไหลเวียนของน้ำหล่อเย็น ปรับปรุงรูปทรงของหัวลูกสูบ ปรับปรุงท่อร่วมไอดี ใช้กระเดื่องวาล์วผลิตจากอลูมิเนียมที่มีความแข็งแรงขึ้น ฯลฯ ทำให้มีพละกำลัง 120 แรงม้า ที่ 6,600 รตน. แรงบิดสูงสุด 14.8 กก.-ม. ที่ 4,800 รตน. ส่วนระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ รุ่นใหม่ที่มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา (เกียร์ลูกเดียวกับ ฮอนดา แจซซ์ อีกนั่นแหละ) ทำงานร่วมกับคันเร่งไฟฟ้า
ระบบรองรับ มั่นใจและนุ่มนวล
รูปแบบของระบบรองรับคงเป็นเช่นเดิม ด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท ส่วนด้านหลังทอร์ชันบีมแบบ H-SHAPE ที่มีความทนทานสูงและการบำรุงรักษาต่ำ เช่นเดียวกับระบบเบรคที่ให้ความมั่นใจได้เต็มที่ด้วยจานเบรค 4 ล้อ พร้อมระบบ เอบีเอส ระบบกระจายแรงเบรค (อีบีดี) และระบบเสริมช่วยเบรค (บีเอ) โดยการตอบสนองของระบบรองรับไม่มีอาการย้วยให้หวาดเสียว แม้ขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง หรือเมื่อ (แอบ) ใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนด
สรุป ตอบโจทย์ทั้งสมรรถนะและความประหยัด
การตอบสนองของเครื่องยนต์เมื่อกดคันเร่งพละกำลังจะค่อยๆ ถ่ายทอดออกมาแบบผู้ใหญ่ไม่กระโชกโฮกฮาก ซึ่งเป็นไปตามแนวคิดของทีมงานออกแบบที่ต้องการให้ ฮอนดา ซิที เป็นรถคันแรกของมือใหม่หรือรถครอบครัว ดังนั้นจึงมีบุคลิกต่างไปจาก ฮอนดา แจซซ์ ที่มีการตอบสนองแบบวัยรุ่น การขับขี่แบบเดินทางในความเร็วเฉลี่ย 90-110 กม./ชม. เครื่องยนต์ตอบสนองดีและมีกำลังสำรองให้ใช้ยามการเร่งแซงได้แบบไม่ต้องลุ้นให้เหนื่อย การทำงานของเกียร์อัตโนมัติแบบ 5 จังหวะ ลูกนี้เซทอัตราทดมาได้อย่างเหมาะสมกับแรงม้าและแรงบิดของเครื่องยนต์ การตอบสนองของเกียร์รวดเร็วตามความต้องการ หรือถ้านึกสนุกขึ้นมาก็มี “แพดเดิล ชิฟท์” เผื่อไว้ให้เรียบร้อยโดยจะใช้เมื่อไรก็ได้เพียงกระดิกปลายนิ้ว ไม่ว่าเกียร์จะอยู่ในตำแหน่งเกียร์ D หรือ S
การทำงานของพวงมาลัยไฟฟ้า (อีพีเอส) ให้ความรู้สึกมั่นคงและแม่นยำ แต่มีน้ำหนักเบากว่า ฮอนดา แจซซ์ พอสมควร ตามแนวคิดการพัฒนาที่มุ่งเน้นให้เข้ากับกลุ่มลูกค้ามากที่สุด ซึ่งทำให้เกิดความแตกต่างทั้งเรื่องของรูปลักษณ์และความรู้สึกในการขับขี่ รวมถึงการเซทอับกล่องควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ก็มีแตกต่างกันด้วย โดยทางโรงงานเค้าบอกว่าถ้าเป็นการขับขี่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมเหมือนกันทุกประการ ฮอนดา ซิที จะมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำกว่า ฮอนดา แจซซ์ เล็กน้อย เบาะนั่งด้านหลังแบบปรับเอนได้ช่วยเพิ่มความสบายแก่ผู้โดยสารด้านหลังได้มาก รวมทั้งมีพื้นที่วางขากว้างเทียบได้กับรถยนต์ประเภทคอมแพคท์ของบางค่ายเลยทีเดียว