เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย)ฯ จัดกิจกรรมทดสอบ เชฟโรเลต์ ทเรลบเลเซอร์ ใหม่ (New Chevrolet Trailblazer) บนเส้นทาง กรุงเทพฯ-เกาะช้าง (จังหวัดตราด) ระยะทางไปกลับ กว่า 700 กิโลเมตร เพื่อให้ได้สัมผัสกับสมรรถนะของเครื่องยนต์ ที่พัฒนาระบบเทอร์โบแปรผันใหม่ พร้อมกับสัมผัสความสะดวกสบายในห้องโดยสารและระบบรองรับที่ได้รับการทูนอัพใหม่ ให้ลงตัวมากขึ้นกว่าเดิมรูปลักษณ์ภายนอกดีไซจ์นใหม่ ดูพรีเมียมมากขึ้นโดยเฉพาะด้านหน้า มิติตัวรถ ยาว 4,887 มม. กว้าง 1,902 มม. และ สูง 1,852 มม. ระยะฐานล้อ 2,845 มม. มิติโดยรวมยังดูใกล้เคียงกับรุ่นเดิม ไฟหน้า กระจังหน้า และกันชนหน้า ใหม่ทั้งหมด ดูหรูหรา ทันสมัย และลงตัวมากขึ้น แต่น่าแปลกใจที่โคมไฟหน้ากลับมาใช้แบบมัลทิรีฟเลคเตอร์ แทนพโรเจคเตอร์ ซึ่งดูทันยุค ทันสมัยเทียบชั้นคู่แข่ง แถม ทเรลบเรซอร์ รุ่นเดิมก็ยังเป็นโคมพโรเจคเตอร์ ส่วนด้านท้ายยังดูหรูหรา ไฟท้ายแบบแอลอีดี ทันสมัย คล้ายเดิมไม่มีสะดุดตาอะไรเป็นพิเศษ สำหรับล้อแมกขนาด 18 นิ้ว เป็นลายใหม่ ที่หรูหราในแบบรถครอบครัวมากขึ้น พร้อมกับยางขนาด 265/60R18 ห้องโดยสารออกแบบใหม่เช่นกัน โดยเฉพาะคอนโซลหน้าใหม่ ที่หรูหราขึ้น ใช้วัสดุผิวสัมผัสนุ่มและมีคุณภาพสูง เบาะนั่งฝั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง ฝั่งผู้โดยสารแถวหน้ายังต้องปรับด้วยมือ เบาะนั่งยังให้ความสะดวกสบายรับกับสรีระ และเคลื่อนไหวของร่างกาย สวิทช์ควบคุมและอุปกรณ์ต่างๆ ติดตั้งในตำแหน่งที่ใช้งานง่าย ในเรือนไมล์ มีฟังก์ชันตรวจสอบแรงดันลมยาง ซึ่งสามารถเชคแรงดันลมยางผ่านหน้าจอได้ กล้องมองหลังพร้อมเส้นกะระยะที่ปรับทิศทางตามการหมุนของพวงมาลัย กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ ระบบอินโฟเทนเมนท์ มายลิงค์ รองรับ Apple Car Play และสามารถแสดงผลสมาร์ทโฟน บนหน้าจอทัชสกรีน ขนาด 8 นิ้ว ของรถ มีฟังค์ชัน Siri Eyes Free และซอฟท์แวร์สั่งงานด้วยเสียง สามารถสั่งงานด้วยเสียงโดยไม่ต้องละมือจากพวงมาลัย รุ่นนี้ยังได้รับการเคลมว่า มีจุดเด่นในด้านความเงียบในห้องโดยสาร จากตัวเลขทดสอบของโรงงานพบว่า เสียงรบกวนจากลมยาง และเครื่องยนต์ ลดลง 8 % และเพิ่มความลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ขึ้นอีก 12 % ขณะทดสอบ เรารู้สึกได้ถึงความเงียบในห้องโดยสาร เสียงจากพื้นถนน เสียงลมปะทะ รวมถึงเสียงของเครื่องยนต์ ลดลงไปจากเดิมเยอะ สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ยกระดับความหรูหราได้มาก เครื่องยนต์ Duramax พัฒนาใหม่ แรง/ประหยัด แบบ 4 สูบเรียง ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบแปรผัน VGT ความจุ 2.5 ลิตร รุ่นทอพให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า (132 กิโลวัตต์) ที่ 3,600 รตน. แรงบิด 45 กก.-ม. (440 นิวตัน-เมตร) ที่ 2,000 รตน. ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ส่วนรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบพาร์ทไทม์ที่ทันสมัย ผ่านมาตรฐานไอเสีย ยูโร 4 เสริมวัสดุดูดซับเสียงรบกวนบริเวณหัวฉีด เพื่อให้ทำงานได้เงียบขึ้น ใช้ยางรองตัวถังและยางรองแท่นเครื่องยนต์แบบใหม่ ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ ทำให้ระดับเสียงภายในห้องโดยสารลดลง 2-4 % นอกจากเสียงเครื่องยนต์ที่เงียบลงแล้ว การเลือกเครื่องยนต์ ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบ ขนาด 2.5 ลิตร มาแทนเครื่องยนต์ ขนาด 2.8 เดิมที่ให้พลังมากถึง 200 แรงม้า ตามทเรนด์ ดาวน์ไซด์ ลดขนาดความจุเครื่องยนต์ ให้กำลังและแรงม้าลดลงไปเหลือ แค่ 180 แรงม้าที่ 3,600 รตน. จากการทดสอบ รู้สึกว่ากำลังเครื่องยนต์ ตอบสนองได้ดี และลงตัวมาก จาการทูนอัพ การทำงานของเครื่องยนต์และเกียร์ให้ทำงานได้ต่อเนื่อง ขับสบาย กำลังเครื่องยนต์ขณะเร่งแซง เติมคันเร่งคิคดาวน์ ตอบสนองได้ทันท่วงที วิ่งทางยาว ไหลทะลุ 160 กม./ชม. ได้ไม่ยาก กำลังเครื่องยนต์เพียงพอ มีจังหวะการเปลี่ยนเกียร์นุ่มนวลและต่อเนื่องขึ้น ดูอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย ทำได้ ในช่วงการขับใช้งานทดสอบ อยู่ที่ 10-11 กม./ลิตร (ใช้ความเร็วค่อนข้างสูง) ขับออกจากท่าเรือ เฟอร์รี สู่เกาะช้าง ยังได้พิสูจน์ แรงบิด 45 กก.-ม. ที่ 2,000 รตน. ของเครื่องยนต์บลอคนี้ ที่สามารถพารถน้ำหนักกว่า 2 ตัน ทะยานข้ามเกาะช้างได้แบบสบายๆ กำลังเครื่องยนต์ที่มากเพียงพอช่วยให้การขับขึ้นทางชันยาว ทำได้สบาย และยังมีระบบช่วยการขึ้นและลงเขา ขับขี่ได้ปลอดภัยขึ้น นอกจากนี้ ทเรลบเลเซอร์ ใหม่ ยังติดตั้งพวงมาลัยไฟฟ้า (EPS) ที่ทำให้การบังคับควบคุมสะดวกสบายและแม่นยำมากขึ้น ทัั้งที่ความเร็วสูงและต่ำ ขับใช้งานในเมืองเบาสบาย คล่องตัวขึ้น ระบบรองรับเซทใหม่ เน้นความนุ่มนวล นั่งสบายทุกสภาพถนน ด้านหน้าแบบอิสระ ปีกนก 2 ชั้น พร้อมคอยล์สปริง และชอคอับแกส ด้านหลังแบบ 5 ลิงค์ คอยล์สปริงและชอคอับแกส พัฒนาระบบชอคอับแบบไดเกรสซีฟ ซึ่งเป็นจุดเด่น ระบบวาล์วทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ให้ความรู้สึกถึงความนุ่มสบายของช่วงล่าง ยืดหยุ่นและซับแรงสะเทือนได้ดีกว่ารุ่นเดิม ที่นุ่มและโคลงค่อนข้างมาก ด้านระบบเบรค ได้รับการเซทอัพใหม่ เมื่อลองเบรคให้ความรู้สึกดีขึ้นโดยเฉพาะจังหวะเหยียบเบรค ไม่ต้องเหยียบลึก และเบรคหนักเหมือนรุ่นเดิม ให้ความรู้สึกต้านเท้าดี ทำให้ทุกครั้งที่เหยียบเบรค จึงมั่นใจ โดย ทเรลบเลเซอร์ ใหม่ ใช้ระบบเบรคด้านหน้าและหลังแบบจาน พร้อมครีบระบายความร้อน จานหน้าขนาด 300 มม. จานหลังขนาด 318 มม. ทำงานร่วมกับ ABS และ EBD ระบบความปลอดภัย จัดมาเพียบ ทั้ง Active และ Passive มีระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ทั้งขณะออกตัวและในโค้ง Traction Control System (TCS), ระบบรองรับการเบรคกะทันหัน Panic Brake Assist (PBA), ระบบกระจายแรงเบรค Electronic Brake Force Distribution (EBD), ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว Electronic Stability Control (ESC), ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน Hill Descent Control (HDC), ระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางชัน Hill Start Assist (HSA), ระบบรักษาเสถียรภาพขณะลากจูง (Trailer Sway Control), ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ (Anti-Rolling Protection) พร้อมกับถุงลมนิรภัยคู่หน้าสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ตลอดจนถุงลมนิรภัยป้องกันหัวเข่าสำหรับผู้ขับขี่ เทคโนโลยีอื่นๆ เช่น ระบบแจ้งเตือนมุมอับสายตา (Side Blind Zone Alert), ระบบแจ้งเตือนการจราจรขณะถอยหลัง (Rear Cross Traffic Alert), ระบบแจ้งเตือนเมื่อออกจากช่องจราจร (Lane Departure Warning) ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Alert), ระบบช่วยเหลือการจอดด้านหน้าและหลัง (Front and Rear Parking Assist), ระบบแจ้งเตือนให้คาดเข็มขัดนิรภัย สำหรับผู้โดยสารแถวสอง (Second Row Seat Belt Reminder) และระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง (Tire Pressure Monitoring System) นอกจากนี้ยังมีเซนเซอร์ตรวจจับปริมาณน้ำฝน ไฟหน้าเปิด/ปิดอัตโนมัติ กระจกหน้าต่างคู่หน้าเลื่อนลงเล็กน้อยเพื่อช่วยในการปิดประตูให้ง่ายยิ่งขึ้น ทเรลบเลเซอร์ ใหม่ ยังมีฟังค์ชันรีโมทสตาร์ท ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากในสภาพอากาศร้อนอบอ้าวอย่างเมืองไทย ผู้ขับขี่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้จากกุญแจ เพื่อให้ห้องโดยสารมีอุณหภูมิที่เย็นสบายก่อนขึ้นรถ ทเรลบเลเซอร์ ใหม่ นอกจากมีสมรรถนะเครื่องยนต์ และขับขับขี่ที่โดดเด่นแล้ว ยังเพิ่มออพชันด้านความปลอดภัย มากขึ้นกว่ารุ่นเดิมเยอะ โดยเฉพาะรุ่นทอพที่ให้มาครบ ขาดเพียงม่านนิรภัย ที่ยังไม่จัดเต็มมาให้ ส่วนด้านอื่นๆ ถ้าเทียบกับคู่แข่ง เรียกได้ว่า สลับกันออกหมัด แม้จะไม่จัดเต็มเท่ากับคู่แข่งสัญชาติเดียวกัน แต่ถ้าเทียบกับราคาค่าตัวของรุ่นทอพแล้ว ก็ห่างกันพอสมควร เซกเมนท์นี้ยังแข่งขันกันดุเดือดเช่นเคย...! ทเรลบเลเซอร์ ใหม่ มี 3 รุ่นย่อย ตามราคาดังนี้ The All-New Trailblazer 2.5L VGT 4x2 AT LT 1,244,000 บาท The All-New Trailblazer 2.5L VGT 4x2 AT LTZ 1,379,000 บาท The All-New Trailblazer 2.5L VGT 4x4 AT LTZ 1,479,000 บาท
บทความแนะนำ