จีนเตรียมสร้างรถไฟความเร็ว 600 กม./ชม.

  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีน โดยรัฐวิสาหกิจ CRRC Corp. ผู้ก่อสร้างอุปกรณ์ทางรางและตัวรถไฟความเร็วสูง ประกาศสร้างรถไฟพลังงานแม่เหล็กความเร็วสูง หรือรู้จักกันในชื่อ “MAGLEV” Magnetic Levitation ให้สามารถวิ่งได้ด้วยความเร็ว 600 กม./ชม. ภายในปี 2563 ซึ่งจะสามารถเดินทางจาก ปักกิ่งถึงเซี่ยงไฮ๊ โดยใช้เวลาเพียง 2 ชม. CRRC Corp. ซึ่งเป็นผู้พัฒนารถไฟความเร็วสูงในประเทศจีน จะใช้งบประมาณ 3.22 พันล้านหยวน ราว 16.1 พันล้านบาท โดยรัฐบาลกลางจะออกเงินค่าก่อสร้างให้ 430 ล้านหยวน ราว 2,150 ล้านบาท เริ่มต้นการก่อสร้างทางรถไฟเพื่อการทดสอบในปี 2564 โดยจังหวัด Shandong ทางตะวันออกของจีน ตอบรับที่จะทำการก่อสร้างทางรถไฟเพื่อการให้บริการ จากเมือง Jinan ถึงเมือง Qingdao ระยะทางราว 350 กม. ขณะเดียวกันก็จะสร้างทางรถไฟความเร็วปกติ วิ่งด้วยความเร็ว 200 กม./ชม. ในจังหวัด Hunan ด้วย การทำงานของรถไฟพลังแม่เหล็ก มอเตอร์จะสร้างพลังงานแม่เหล็กเพื่อยกตัวรถให้อยู่เหนือราง จึงได้ชื่อว่า MAGLEV จะทำให้ลดความฝืดระหว่างล้อรถและตัวราง ช่วยให้สามารถเดินทางได้ด้วยความเร็วสูง ซึ่งประเทศจีน เปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูง MAGLEV นี้เมื่อปี 2545 เส้นทางระหว่างสนามบินนานาชาติ  Shanghai Pudong วิ่งเข้าไปใจกลางเมือง ระยะทางราว 30 กม. วิ่งด้วยความเร็ว 430 กม./ชม. ใช้เวลาเดินทางน้อยกว่า 8 นาที ระบบดังกล่าวจีนจัดสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีของเยอรมนี แต่อย่างไรก็ตาม ประเทศญี่ปุ่นก็ยังถือว่าเป็นผู้นำในด้านรถไฟความเร็วสูงนี้อยู่ เพราะปัจจุบัน รถไฟความเร็วสูง Shikansen ของญี่ปุ่นรุ่นล่าสุด ซึ่งกำลังทดสอบอยู่ สามารถทำความเร็วได้ 590 กม./ชม. แล้ว การแข่งขันการทำความเร็วบนภาคพื้นดินในปัจจุบัน เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะนอกจากรถไฟ MAGLEV แล้ว ระบบ Hyperloop ก็เป็นอีกระบบหนึ่งที่จะทำให้สามารถเดินทางบนพื้นดินได้ด้วยความเร็วสูง ด้วยระบบแคพซูล ความดันต่ำ วิ่งไปตามท่อ ที่สามารถทำความเร็วได้ถึง 1,287 กม./ชม. และ Hyperloop One ก็กำลังพัฒนาก่อสร้างเส้นทางระหว่าง ดูไบ และ อาบู ดาบี อยู่ในขณะนี้ ส่วนประเทศจีน แม้ว่าจะเข้าร่วมวงรถไฟความเร็วสูงช้ากว่าคนอื่น แต่ปัจจุบันก็ก่อสร้างเส้นทางรถไฟเป็นเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยระยะทางรวมมากกว่า 20,000 กม. ส่วนรถไฟความเร็วปกติ ปัจจุบันกำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่ในปักกิ่ง โดย CRCC Corp. ก็กำลังค้นคว้าและพัฒนาเส้นทางระหว่างประเทศ ที่จะสามารถวิ่งด้วยความเร็ว 400 กม./ชม.