รัฐบาลจีน เตรียมผ่อนคลายระเบียบการร่วมทุนของบริษัทต่างชาติ โดยเฉพาะผู้ผลิตยานยนต์ ให้สามารถถือหุ้นใหญ่ในบริษัทร่วมทุนกับบริษัทจีน ได้ในอีกราว 2-3 ปีข้างหน้า โดยค่าย BMW ก็เป็นค่ายรถยนต์ที่พร้อมจะดำเนินการทันทีที่ออกระเบียบดังกล่าวเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลกลางประเทศจีน แย้มถึงการผ่อนคลายระเบียบการร่วมทุน ของผู้ผลิตยานยนต์ระดับโลก ที่กำหนดให้สามารถถือหุ้นในการร่วมทุนได้ไม่เกิน 50 % หลังจากที่รัฐบาลจีนยืนยันดำเนินการระเบียบข้อนี้มา 30 ปีแล้ว เพื่อเป็นการป้องกันอุตสาหกรรมยานยนต์ของจีนเอง และเท่ากับเป็นการบังคับให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีในการผลิตอย่างกลายๆ “รัฐบาลจีน กำลังศึกษาความสัมพันธ์ในการร่วมทุนในการผลิตยานยนต์ และเตรียมที่จะมีการเปลี่ยนแปลง” Ulrich Kastner ประธาน BMW ประเทศจีน กล่าว “แม้ว่าจะยังเร็วไปที่จะพูดถึงในตอนนี้ แต่เราก็ติดตามการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างใกล้ชิด และได้มีการพูดคุยกันไปบ้างแล้ว” ปัญหาสำคัญที่คอยการแก้ไข คือ จะทำอย่างไรที่จะป้องกันผู้ผลิตจีน ที่ถือหุ้นโดยรัฐบาล ให้สามารถทำกำไรได้ต่อไป “แถลงการณ์ของภาครัฐก็จะลงท้ายด้วยคำว่า ‘เราจะพิจารณาเรื่องนี้อย่างเหมาะสม’ ซึ่งหมายความว่า มันจะไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน” Kastner กล่าว ผู้บริหาร BMW ที่เคยเป็นผู้บริหารการร่วมทุนกับ Brilliance China Automotive Holdings ในมณฑลเชนยาง (Shenyang) เชื่อว่า รัฐบาลจีนน่าจะเริ่มปรับปรุงระเบียบข้อนี้ภายในหนึ่งหรือสองปี ตลาดรถยนต์ในประเทศจีน นับเป็นตลาดใหญ่ และสามารถทำยอดขายได้มาก อย่าง General Motors จนถึง Porsche เช่นเดียวกับ Volkswagen ที่สามารถขายได้มากกว่า 3 ล้านคัน ให้กับผู้บริโภคชาวจีน จากจำนวนยอดขายทั้งหมดทั่วโลก 6 ล้านคัน แต่กระนั้นก็ตาม กลุ่ม Volkswagen ยังไม่สามารถทำกำไรจากการดำเนินงาน ในการร่วมทุนกับบริษัทจีน 2 บริษัท แม้ว่าจะสามารถทำยอดขายได้ถึง 95 % ของยอดขายกลุ่ม Volkswagen ทั่วประเทศจีน แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนผู้ถือหุ้นกับ SAIC และ กลุ่ม FAW การทำบัญชีด้วยระบบมาตรฐานสากล จะสามารถเปลี่ยนแปลงผลการดำเนินงานได้ทันที เพราะในปีที่ผ่านมา การร่วมทุนกับ SAIC ได้กำไรจากการดำเนินงานเพียง 2.1 % หากเปลี่ยนระบบการทำบัญชีที่ Volkswagen ถือหุ้นใหญ่ ผลการดำเนินงานจะได้ถึง 6.2 % อันจะทำให้ กลุ่ม Volkswagen บรรลุเป้าหมายผลกำไร ในปี 2568 เช่นเดียวกับ BMW แม้ว่าจะจำหน่ายรถซีดานและครอสส์โอเวอร์ ที่มีผลกำไรต่อหน่วยสูงมาก แต่จากผลการดำเนินงาน BMW Brilliance ทำกำไรก่อนหักภาษีเพียง 1.33 พันล้านยูโร ราว 57.2 พันล้านบาท และจ่ายผลกำไรจากการดำเนินงานให้กลุ่ม BMW เพียง 150 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ราว 5,250 ล้านบาท เท่านั้นเอง อย่างเช่น Volkswagen ที่พยายามต่อรองกับ FAW เพื่อขอเพิ่มทุนจาก 40 % ให้เต็มเพดาน 50 % เท่าที่รัฐอนุญาต แต่ก็ไม่สามารถตกลงราคากันได้ นับแต่การร่วมทุนกับบริษัทต่างชาติสามารถทำกำไรได้ดี ทำให้บริษัทชาวจีนที่มีรัฐบาลถือหุ้นใหญ่ ไม่สนใจที่จะพัฒนารถยนต์ยี่ห้อของตนเอง ซึ่งในอนาคต หากค่ายรถยนต์สามารถส่งรถยนต์ที่มีคุณภาพดีกว่ารถที่ผลิตในประเทศจีนเขาไปจำหน่ายได้ ผลกำไรของบริษัทเหล่านี้ ก็จะหดหายไปเรื่อยๆ