insideevs.com ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีคอลัมน์ Forums เพื่อการสื่อสารระหว่างเวบไซท์กับผู้เข้าชม ปรากฏเนื้อหาจากผู้ใช้ Nissan Leaf โดยเฉพาะรุ่นแรกที่ออกจำหน่าย ว่าไม่มีการจัดการด้านความร้อนของแบทเตอรี ทำให้รถที่ใช้งานในแถบตะวันตกของสหรัฐอเมริกา สูญเสียประจุไฟฟ้าที่น่าจะนำมาใช้งานได้อย่างรวดเร็วนอกจากนั้น ในแถบบริเวณที่อากาศเย็น ความจุของแบทเตอรีก็จะสูญเสียไปเร็วกว่ารถไฟฟ้ายี่ห้ออื่น และแม้แต่ค่ายรถยนต์อื่นที่จำหน่ายรถไฟฟ้า ก็หาวิธีการแก้ไข โดยติดตั้งพัดลมเพื่อระบายความร้อนให้ชุดแบทเตอรี ซึ่งจะช่วยให้มีอายุการใช้งานได้ยาวนานขึ้น โดยอ้างอิงถึง Toyota Prius รุ่นปี 2547 ที่ติดตั้งพัดลมไฟฟ้าเพิ่ม ช่วยให้อายุการใช้งานแบทเตอรีนานขึ้นถึง 10 เท่า คำถามจากผู้อ่านชื่อ Jim ส่งคำถามว่า ทำไม Nissan ไม่ทราบเรื่องนี้หรืออย่างไร และสตาฟฟ์ของเวบไซท์ ชื่อ Domenick ก็ระบุว่า ได้ร่วมกับกลุ่มผู้ใช้ Nissan Leaf เข้าพบกับ Andy Palmer ซึ่งเคยดูแลการขายของค่าย Nissan แต่ปัจจุบันย้ายไปอยู่กับ Aston Martin เคยอธิบายให้ฟังว่า ไม่จำเป็นต้องมีระบบระบายความร้อน เหมือนกับแอร์คอนดิชัน ซึ่งไม่มีการระบายความร้อนเพิ่มเช่นกัน เจ้าของ Nissan Leaf ก็พยายามอธิบายให้ฟังว่า แม้ว่าจะรักรถรุ่นนี้สักเพียงใด แต่พอถึงฤดูร้อน ความจุของแบทเตอรีจะสูญหายไปอย่างน้อย 10-20 % ในทุกครั้ง และโดยเฉพาะการใช้จุดชาร์จด่วนกระแสตรง (DC Fast Charging) ก็จะยิ่งทำให้อายุการใช้งานของแบทเตอรีลดลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นยังได้อ้างอิงถึงรถไฟฟ้ายี่ห้ออื่น อาทิ Tesla, Chevrolet และ Ford ซึ่งทุกยี่ห้อมีระบบระบายความร้อนชุดแบทเตอรีด้วยน้ำ อันทำให้ช่วยยืดอายุการใช้งานได้อย่างมาก มีเพียง Nissan ยี่ห้อเดียว ที่ไม่มีการระบายความร้อนให้ชุดแบทเตอรี จากนั้นยังได้อ้างอิงจาก ElectricVehicleWiki.com ซึ่งประเมินอายุของชุดแบทเตอรีรถไฟฟ้า ที่สามารถใช้งานได้ 70 % ของความจุ อยู่ที่ราว 7 ปี เท่านั้น