Porsche เตรียมพัฒนาโครงสร้างรถไฟฟ้า

 

Porsche ค่ายรถสมรรถนะสูงจากเยอรมนี เตรียมแนะนำรถสปอร์ทไฟฟ้า ในชื่อ Mission E ในขณะเดียวกัน ก็เตรียมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อการผลิตซูเพอร์คาร์พลังไฟฟ้าโดยเฉพาะ อาจนำไปใช้กับรถยี่ห้อในเครือทั้ง Audi และ Lamborghini

รายงานข่าวจากฟรังค์ฟวร์ท ระบุว่า Porsche อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สำหรับซูเพอร์คาร์พลังไฟฟ้า ในชื่อ SPE ซึ่งจะเป็นโครงสร้างพื้นฐาน ชุดที่ 3 ของ Volkswagen Group ที่เตรียมการสำหรับรถไฟฟ้าโดยเฉพาะ ผู้บริหารอาวุโสของ Volkswagen Group ยอมรับกับผู้สื่อข่าวว่า Porsche ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้พัฒนาโครงสร้างซูเพอร์คาร์พลังไฟฟ้า สำหรับรถสปอร์ท 2 ประตู และ ซูเพอร์คาร์ โดยได้แนะนำกับกลุ่มผู้ถือหุ้นไปแล้วเมื่อเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา และค่าย Lamborghini ก็แนะนำซูเพอร์คาร์พลังไฟฟ้า รุ่น Terzo Millennio คันต้นแบบไปแล้วเช่นกัน แต่ปัญหาของกลุ่มก็คือ รถไฟฟ้ารุ่นแรกของกลุ่ม จะยังไม่แนะนำตัวต่อสาธารณะ จนกว่าจะถึงปี 2568 ผู้บริหารของ Volkswagen Group ปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่า จะติดตั้งมอเตอร์ไว้ทั้งเพลาหน้าและหลัง รวมทั้งมอเตอร์ตัวที่ 3 เพื่อช่วยในเรื่องอัตราเร่งหรือไม่ รวมทั้งคำถามว่าเตรียมการเรื่องการติดตั้งแบทเตอรีชนิดโซลิดสเตจ ไว้หรือไม่ เพราะจะให้กำลังมากกว่าการใช้ชุดแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน โฆษกของ Volkswagen Group ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดใดๆ ในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน SPE ว่าจะนำไปใช้กับยี่ห้อใดในกลุ่มบ้าง กล่าวเพียงว่า ยังเร็วเกินไปที่จะเผยแพร่รายละเอียดทั้งหมด “เรายังไม่อยากให้ความเห็นเกี่ยวกับรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ในอนาคต” ปัจจุบัน ราว 60 % ของ Porsche Panamera ที่จำหน่ายอยู่ในยุโรป เป็นรถยนต์ชนิดที่ต้องเสียบปลั๊ก และเมื่อถึงปี 2568 มากกว่าครึ่งหนึ่งของยอดขาย จะอยู่ในรูปแบบลักษณะนี้เช่นกัน โครงสร้าง MEB (Modular Electrification Toolkit) ถูกใช้เป็นพื้นฐานสำหรับรถไฟฟ้าของ Volkswagen Group รวมทั้ง Skoda, Seat และ Audi ส่วนอีกแบบที่มีชื่อว่า PPE (Premium Platform Electric) พัฒนาโดย Audi กับ Porsche จะใช้ในรถไฟฟ้า 3 รุ่น โฆษกของ Porsche ชี้แจงว่า สำหรับ Mission E ซูเพอร์คาร์พลังไฟฟ้า รุ่นแรก จะใช้โครงสร้าง J1 ที่มีกำหนดแนะนำในปีหน้า จากนั้น จึงจะกลับมาใช้โครงสร้าง PPE Volkswagen Group วางแผนที่จะแนะนำรถยนต์ในเครือ ซึ่งเป็นรถไฟฟ้า มากกว่า 80 รุ่น ภายในปี 2568 โดยเป็นชนิดใช้แบทเตอรีราว 50 รุ่น และไฮบริด-ไฟฟ้า ราว 30 รุ่น และตั้งเป้าที่จะแนะนำรถยนต์ในกลุ่มทั้งหมด 300 รุ่น ในแต่ละรุ่นให้เป็นรถไฟฟ้า หรือไฮบริด-ไฟฟ้า ภายในปี 2573