หลังเงียบหายไปจากตลาดเสียนาน ก็มีภาพตัวอย่างของ Mitsubishi Lancer รุ่นปี 2562 - 2563 เจเนอเรชันที่ 11 ของตระกูล ออกมาเผยแพร่ค่ายตาเพชร มุ่งไปในการผลิตรถประเภทเอสยูวี หรือกึ่งเอสยูวี ออกสู่ตลาด จนเราๆ ท่านๆ แทบจะลืมไปแล้วว่าเคยทำรถเก๋งออกจำหน่ายด้วย หนนี้เป็นการออกแบบในสไตล์ของ Mitsushima D-class ที่ค่อนข้างแปลกออกไปจากรุ่นเดิมๆ แต่หน้าตาไปเหมือนกับรถต้นแบบ Outlander PHEV ในธีม X-shaped ทรงเหลี่ยมมุมแหลม ไฟส่องสว่างหน้าเป็นแบบ 3 เลนส์ พร้อมตกแต่งโครเมียม ไฟเบรคหลังเป็นแอลอีดี ตกแต่งด้วยโครเมียมเป็นส่วนใหญ่ โครงสร้างพื้นฐาน RISE (Reinforced Impact Safety Evolution) อลูมิเนียม แรงดึงสูง และวัสดุอื่นๆ ที่ช่วยให้เกิดความแข็งแรง และออกแบบให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำลง เพื่อช่วยปรับปรุงการควบคุมรถให้ง่ายขึ้น ภายในออกแบบใหม่หมด มาในแนวอากาศยาน พรั่งพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และหน้าปัดแบบดิจิทอล พวงมาลัยติดตั้งแป้นแพดเดิล ชิฟท์ และรวมเอาบรรดาปุ่มบังคับมากมาย ไปรวมอยู่ในแผงหน้าปัดที่เดียว จอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว พร้อมระบบเครื่องเสียง Rockford Fostgate เครื่องเสียงขนาด 700 วัตต์ พร้อมลำโพง 9 ตัว สนับสนุนทั้ง แอนดรอยด์ ออโท และแอพเพิล คาร์ พเลย์ และรองรับพโรแกรมสมัยใหม่อย่าง Spotify, Skype, Whatsapp รวมทั้งระบบบลูทูธควบคุมได้จากพวงมาลัย มิติตัวรถ 4,570x1,760x1,505 มม. (ยาวxกว้างxสูง) ความสูงจากพื้น 165 มม. ระยะระหว่างล้อ 2,640 มม. น้ำหนักตัวรถ 1,250 กก. เครื่องยนต์ ผ่านมาตรฐาน ยูโร 5 ทุกรุ่น เบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร ให้กำลัง 110 แรงม้า แรงบิด 14.8กก.-ม., 1.6 ลิตร ให้กำลัง 118 แรงม้า แรงบิด 15.8 กก.-ม., MIVEC Turbo 2.0 ลิตร กำลัง 295 แรงม้า แรงบิด 37.2 กก.-ม. มาพร้อมเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ, เกียร์อัตโนมัติซีวีที และเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ คลัทช์คู่ ขับเคลื่อนล้อหน้า และมีรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อให้เลือก มีโหมดขับขี่ให้เลือก Standard, Gravel และ Snow พร้อมเบรค Brembo เป็นมาตรฐานทุกรุ่น โดยมีชอคอับ Bilstein เป็นอุปกรณ์พิเศษ ส่วนกำหนดการออกจำหน่ายรวมทั้งราคา ต้องคอยข่าวเผยแพร่กันอีกครั้ง