กระแสครอสส์โอเวอร์ยังคงมาแรงในบ้านเรา จากการตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ภายใต้ทางเลือกมากมาย หนึ่งในนั้น คือ Honda HR-V รุ่นปรับโฉมล่าสุด มีจุดเด่นอะไรบ้าง มาพิสูจน์ไปพร้อมกัน
ภายนอก : รูปทรงคุ้นเคย ปรับเปลี่ยนในรายละเอียดก่อนจะเริ่มทริพการเดินทางไปทดลองขับ Honda HR-V รุ่นปรับโฉม มาดูรูปทรงภายนอกกันก่อน เราพบว่าครอสส์โอเวอร์รุ่นนี้เน้นเส้นสายที่คุ้นเคย จุดแตกต่างที่เห็นได้ชัดจะอยู่ในรุ่นทอพ RS มีความคมเข้มกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นสเกิร์ทด้านข้าง และด้านหน้า แบบสีดำแวววาว ไฟท้ายรมดำ และล้อแมกลายใหม่ ขนาด 17 นิ้ว ไฟตัดหมอกแบบแอลอีดี มีความสปอร์ทมากขึ้น นอกจากรุ่นทอพแล้ว ยังมีรุ่นย่อยรองลงมาให้ขับในทริพเช่นกัน รุ่นรองลงมา คือ EL ตัวถังโดยรวมจะมีความใกล้เคียงกับรุ่นก่อนปรับโฉมมาก สเกิร์ทรอบคันใช้สีเดียวกับตัวถัง ไฟหน้าแบบแอลอีดี ไฟตัดหมอก ล้อแมกขนาด 17 นิ้วลายเดิม ส่วนรุ่นพื้นฐาน คือ E จะใช้สเกิร์ทรอบคันสีดำ แต่ไฟหน้าเป็นแบบพโรเจกเตอร์ และไม่มีไฟตัดหมอกติดตั้งมาให้ เน้นความเรียบง่าย
ภายใน : ความอเนกประสงค์ที่หลากหลายหลังจากพิจารณารูปทรงภายนอกของแต่ละรุ่นย่อยแล้ว เราเริ่มทริพด้วยรุ่นทอพ RS การตกแต่งเน้นโทนสีดำ ทัศนวิสัยปลอดโปร่ง โดยเฉพาะผู้โดยสารด้านหลัง มีความปลอดโปร่ง นั่งได้สบายสบาย ไม่แพ้ครอสส์โอเวอร์รุ่นใหญ่กว่า เสริมด้วยหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิค จุดเด่นที่แท้จริงของ HR-V คือ ความอเนกประสงค์ของประโยชน์ใช้สอย ทางผู้จัดได้มีเกมให้เล่นกันเล็กน้อย โดยจับฉลากให้เหล่าสื่อมวลชนฯ เลือกรูปแบบการจัดวางของสัมภาระตามแต่การใช้งาน โดยทีมงานของเราได้การใช้งานในรูปแบบ Tall Mode (หนึ่งในรูปแบบที่คู่แข่งครอสส์โอเวอร์รายอื่นไม่มี) เน้นการบรรทุกสัมภาระทรงสูง โดยการปรับตั้งส่วนที่นั่งของเบาะหลังขึ้นมา สามารถวางสัมภาระทรงสูงอย่างได้ผล เช่น ถุงกอล์ฟ หรือ การวางสัมภาระซ้อนกันขึ้นมาเป็นชั้นๆ นอกจากนี้ยังมีรูปแบบ Long Mode คือ การเอนพนักพิงของเบาะนั่งข้างคนขับลงไปจนสุด (พร้อมกับถอดพนักพิงศีรษะออกไป) และพับเบาะหลังราบเป็นพื้นเดียวกัน ฝั่งซ้ายของห้องโดยสารสามารถวางสัมภาระทรงยาวได้ เช่น กระดานโต้คลื่น เป็นต้น สุดท้าย คือ Utility Mode เป็นรูปแบบพื้นฐานที่หลายคนคุ้นเคย นั่นคือ การพับพนักพิงของเบาะหลังลงมาทั้งหมด ได้พื้นที่เก็บสัมภาระเต็มๆ นับเป็นความอเนกประสงค์ที่น่าพอใจสำหรับรถรุ่นนี้ นอกจากการเล่นเกมเสี่ยงทายเพื่อทดสอบความอเนกประสงค์ของห้องโดยสารแล้ว ทาง Honda พาบรรดาสื่อมวลชนฯ ขับรถจำลองการใช้ชีวิตแบบคนเมืองยุคปัจจุบัน กับการเลือกซื้อสินค้าเพื่อสุขภาพที่ ร้านแสงแดดเฮลธ์มาร์ท โดยมีวิทยากรมาให้ความรู้ คือ คุณจริยา แซราฮ์ เอชเวิท หรือที่รู้จักกันในชื่อศิลปิน Jazky ซึ่งปัจจุบันหันมาทำธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพแนว Organic
เครื่องยนต์ : เบนซิน 1.8 ลิตร 141 แรงม้า รองรับการใช้งานทั่วไปได้สบายหลังจากเลือกซื้อสินค้าเพื่อสุขภาพที่ ร้านแสงแดดเฮลธ์มาร์ท จุดมหายต่อไปของเหล่าสื่อมวลชนฯ คือ ร้านเมลอน เจเจ ฟาร์ม มีสถานที่ตั้งอยู่บริเวณ อ.บางแสน จ.ชลบุรี เป็นโอกาสดีสำหรับการทดสอบสมรรถนะบนทางไกล ภายใต้การขับขี่ที่เหมาะสมในชีวิตประจำวัน ตลอดเส้นทางทั้งไป/กลับ Honda HR-V มีสมรรถนะที่ขับขี่ได้สะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นช่วงความเร็วต่ำ หรือการขับขี่ในสภาพการจราจรที่หนาแน่น การตอบสนองของคันเร่งที่น่าพอใจ เหมาะสำหรับการใช้งานในตัวเมือง เมื่อเข้าสู่ช่วงที่ใช้ความเร็วได้มากขึ้น การตอบสนองของคันเร่งถือว่าทันใจ ไม่ถึงกับหวือหวา แต่เร่งแซงได้สบาย หรือการใช้ความเร็วคงที่ก็ใช้รอบเครื่องยนต์ไม่สูงจนเกินไป ภายใต้เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.8 ลิตร กำลังสูงสุด 141 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติแปรผัน อัตราเร่งไม่เป็นรองคู่แข่งครอสส์โอเวอร์ระดับ ซี-เซกเมนท์ เจ้าอื่น นอกจากนี้ Honda HR-V ยังเสริมอารมณ์การขับขี่แบบสปอร์ทด้วยแพดเดิล ชิฟท์ ทุกรุ่นย่อย น่าเสียดายที่ไม่มีทางเลือกของเครื่องยนต์แบบอื่น เมื่อเทียบกับคู่แข่งที่มีทางเลือกทั้ง เบนซิน ดีเซล หรือแม้กระทั่งไฮบริด
ระบบรองรับ : เพิ่มเติมระบบช่วยเบรคที่ความเร็วต่ำ (ในรุ่นทอพ RS)หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมปรุงอาหารเพื่อสุขภาพที่ ร้านเมลอน เจเจ ฟาร์ม พร้อมรับประทานอาหารกลางวันแล้ว จุดหมายต่อไปของเหล่าสื่อมวลชนฯ และ Honda HR-V คือ Treasure Spa ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมืองของกรุงเทพฯ นั่นคือ สยาม สแควร์ เป็นการพิสูจน์การขับขี่ในตัวเมืองกับชั่วโมงเร่งด่วน โดย HR-V รุ่นนี้เสริมระบบความปลอดภัยเข้ามา นั่นคือ ระบบช่วยเบรคที่ความเร็วต่ำ เมื่อตรวจพบสิ่งกีดขวางด้านหน้า (ทำงานที่ความเร็วระหว่าง 5-30 กม./ชม.) ช่วยเพิ่มความปลอดภัยขณะใช้งานในตัวเมือง และการจราจรที่หนาแน่นเป็นอย่างดี มีติดตั้งในรุ่นทอพ RS เท่านั้น ส่วนกล้องมองภาพในจุดอับสายตาฝั่งซ้าย มีติดตั้งในรุ่น EL และ RS แสดงทัศนวิสัยฝั่งซ้ายของตัวรถ (ระบบจะทำงานเมื่อเปิดไฟเลี้ยวข้างซ้าย) นอกจากในเรื่องความปลอดภัยแล้ว ระบบดังกล่าวยังช่วยเสริมเรื่องความสะดวกสบายเช่นกัน เห็นได้ชัดจากการขับขี่ในตัวเมือง ต้องเปลี่ยนเลน และมีรถยนต์ และมอเตอร์ไซค์แล่นผ่านตลอดเวลา ทัศนวิสัยเป็นเรื่องสำคัญ นอกเหนือจากมุมมองที่ปลอดโปร่งของผู้ขับแล้ว กล้องแสดงจุดอับสายตามีประโยชน์เป็นอย่างมาก ในส่วนของการขับขี่ Honda HR-V มีความสะดวกสบาย ควบคุมง่าย ไม่แพ้รถเก๋งเลยทีเดียว การเลี้ยวในที่แคบที่ความเร็วต่ำทำได้อย่างง่ายดาย ระบบรองรับนุ่มหนึบอย่างเหมาะสม
สรุป : ครอสส์โอเวอร์ที่ลงตัวกับไลฟ์สไตล์ยุคปัจจุบันสิ่งที่หลายคนคาดหวังจากรถยนต์คันหนึ่ง อาจไม่ต่างจากสิ่งที่เราต้องการจากชีวิตประจำวัน นั่นคือ การตอบสนองได้ดังใจ การใช้งานที่หลากหลาย และที่ขาดไม่ได้ คือ ความสะดวกสบาย ดั่งการบริการจากสปาชั้นดีสักแห่ง อาจเป็นความความหวังที่ค่อนข้างสูง แต่จากการทดลองขับในวันนี้ ทำให้เราแน่ใจว่า รถยนต์ที่สามารถสนองตอบความต้องการดังกล่าว Honda HR-V เป็นหนึ่งในคำตอบที่ลงตัว Honda HR-V