หลังจากทำตลาดมาสักพัก Honda HR-V e:HEV (ฮอนดา เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี) ก็ได้เวลาปรับโฉม พร้อมเพิ่มออพชันการใช้งานอีกหลายรายการ ซึ่งเราเคยนำเสนอไปแล้วก่อนหน้านี้ ( https://www.autoinfo.co.th/online/565303 ) แน่นอนว่า จุดที่ยังเหมือนเดิม คือ พละกำลังของเครื่องยนต์ไฮบริด e:HEV กำลังสูงสุด 131 แรงม้า ดังนั้น การกระตุ้นความสนใจให้กับ Honda HR-V โฉมล่าสุด คือ บรรดาโปรโมชัน และราคา โดยรุ่นเริ่มต้น E มีราคาพิเศษที่ 899,000 บาท (โดยจะเป็นราคาถึงวันที่ 31 ธันวาคม นี้เท่านั้น) ส่วนราคาของรุ่นย่อยอื่นๆ ก็ลดลงจากรุ่นก่อนปรับโฉมเล็กน้อย (รายละเอียดของราคา ดูได้ที่นี่ https://www.autoinfo.co.th/online/565774 ) ล่าสุดในงาน Motor Expo 2024 ที่เพิ่งผ่านพ้นไป HR-V e:HEV โฉมล่าสุดก็ได้รับการตอบรับที่ดีมาก พิจารณาจากจำนวนของผู้มาลงทะเบียนในรายการ ซื้อรถชิงรถ ในงาน บ่งบอกว่า ครอสส์โอเวอร์ แบบ B-SUV รุ่นนี้ ยังไปได้สวย ท่ามกลางคู่แข่งเครื่องยนต์ไฮบริด หรือ คู่แข่งรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังมาแรง เราทดลองขับกันอีกครั้ง เพื่อดูว่าการตอบสนองของ Honda HR-V e:HEV จะเปลี่ยนไปหรือไม่ ?
ด้านหน้าบึกบึนขึ้น รุ่นทอพเปลี่ยนลายล้อแมก
ก่อนมาเริ่มขับ เรามาดูรูปทรงของตัวรถคร่าวๆ กันก่อน (แม้จะรีวิวมาแล้วก็ตาม) โดยรุ่นย่อยที่เราได้ขับ คือ รุ่น EL ตามด้วยรุ่น RS ในภายหลัง สำหรับรุ่น EL เป็นรุ่นย่อยระดับกลาง แต่เส้นสายโดยรวมจะใกล้เคียงกับรุ่น E มากขึ้น จากกระจังหน้าแนวนอนที่เปลี่ยนมุมส่วนขอบเล็กน้อย ได้ความบึกบึนกว่าเดิม ล้อแมกขนาด 17 นิ้ว ส่วนรุ่นทอพ RS ใช้ล้อแมกขนาด 18 นิ้ว กระจังหน้ามีลวดลายโดดเด่นยิ่งขึ้น เสริมชุดตกแต่งตัวถังเพิ่มเติม โดยมีสีเฉพาะของรุ่น RS คือ สีแดงสด Ignite Red Metallic แต่ถ้าอยากได้ความแตกต่างชัดเจนจากรุ่นก่อนปรับโฉม มีสีใหม่ คือ Sand Khaki Pearl โดยมีทางเลือกสำหรับรุ่น EL และ RS นอกจากนี้รุ่น RS ยังได้ไฟท้ายแบบใหม่เป็นแถบเรียง และระบบไฟหน้า แอลอีดี อัจฉริยะ ส่องสว่างได้หลากหลายรูปแบบ โดยรวมแล้ว HR-V e:HEV โฉมล่าสุด ยังมีเส้นสายที่คุ้ยเคย ปรับแต่งรูปทรงเล็กน้อย ใครที่ถูกใจสไตล์ของตัวถังภายนอก แต่อาจต้องทำใจสำหรับคนที่คาดหวังการเปลี่ยนแปลงมากกว่านี้
ห้องโดยสารใช้งานสะดวก เงียบกว่าเดิม !
Honda HR-V e:HEV เป็นครอสส์โอเวอร์ที่มีขนาดตัวพอเหมาะ ไม่ใหญ่เกินไปจนเทอะทะ หรือมีขนาดเล็กจนผู้ชื่นชอบครอสส์โอเวอร์หลายคนลำบากใจ สิ่งต่างๆ ที่กล่าวมายังส่งผลต่อพื้นที่ใช้สอยของห้องโดยสาร เบาะคู่หน้านั่งได้สบาย ทัศนวิสัยดี ปุ่มต่างๆ ใช้งานได้สะดวก แบบที่คุ้นเคยกันมา จอแสดงผลมีขนาดพอเหมาะ ทางผู้ผลิตระบุว่า มีการปรับปรุงความละเอียดของหน้าจอให้มีความคมชัดกว่าเดิม แต่เราพิจารณาขณะใช้งานกล้องมองภาพด้านหลัง ความละเอียดของจอก็ไม่ได้มากมายเท่าใดนัก แต่ยังคงเห็นมุมมองด้านหลัง (เลือกได้ 3 มุมมอง) ได้ค่อนข้างชัดเจนอยู่
ขณะที่เบาะด้านหลังยังคงนั่งได้สบาย ระยะช่วงขามีให้มากพอสำหรับการนั่งในตัวเมืองหรือขับทางไกลเป็นเวลานานหลายชั่วโมง ตัวเบาะสามารถพับได้หลากหลายรูปแบบ เป็นหนึ่งในจุดเด่นของครอสส์โอเวอร์จาก Honda และยังสามารถปรับพนักพิงเบาะหลังให้เอนเพิ่มได้อีกเล็กน้อย เพิ่มความสบายให้กับผู้โดยสารระดับหนึ่ง ส่วนหลังคาซันรูฟจะแยกเป็น 2 ส่วน สำหรับผู้โดยสารของเบาะด้านหน้า และหลังคาซันรูฟขนาดใหญ่สำหรับเบาะด้านหลัง มีขนาดใหญ่ แต่ไม่สามารถเปิดรับลมได้ มาพร้อมแผ่นปิดที่ถอดเก็บได้ (แยกส่วนซ้าย/ขวา) เราสังเกตขณะลองขับ และลองนั่งเบาะหลัง มีความรู้สึกว่า ห้องโดยสารมีควาเงียบกว่าเดิมเล็กน้อย จากการติดตั้งวัสดุป้องกันเสียงรบกวน แม้ไม่ถึงกับแตกต่างจากเดิมมากมาย แต่ก็ความสบายของการโดยสารระยะยาวได้มากพอแล้ว
พละกำลังเครื่องยนต์ ขับสบาย ทันใจ
Honda HR-V e:HEV ใช้เครื่องยนต์ไฮบริด ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 106 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 131 แรงม้า ทางผู้ผลิตระบุว่า กำลังสูงสุดของ HR-V คือ 131 แรงม้า นั่นคือ อิงจากพละกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้านั่นเอง (แม้เครื่องยนต์จะมีบทบาทในการขับเคลื่อนในช่วงความเร็วสูงคงที่) นอกจากนี้ยังมีแรงบิดสูงสุดที่ 25.8 กก.ม. เครื่องยนต์ไฮบริดใช้ร่วมกับรถยนต์ร่วมค่าย คือ Honda City e:HEV และ City Hatchback e:HEV แต่สำหรับ HR-V e:HEV มีการปรับแต่งพละกำลังสูงสุดให้มากกว่ากันเล็กน้อย
พละกำลังที่พอเหมาะ และแรงบิดที่มากพอจากมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้อัตราเร่งของ HR-V e:HEV ทำได้น่าพอใจ ไม่ได้แรงแบบ “หลังติดเบาะ” แต่ส่งกำลังได้ต่อเนื่อง เหมาะสมกับการใช้งานทั่วไปบนท้องถนน ไต่ความเร็ว และเร่งแซงได้สบาย เรามีจุดสังเกตว่า ขณะกดคันเร่งแบบ Kick Down รอบเครื่องยนต์จะโหนขึ้นสูงระยะหนึ่ง เป็นการทำงานของเครื่องยนต์เพื่อสร้างกระแสไฟฟ้าเข้าสู่แบทเตอรี และป้อนสู่มอเตอร์ไฟฟ้า โดยระบบของ Honda จะใช้มอเตอร์ 2 ชุดด้วยกัน ชุดแรกสำหรับสร้างกระแสไฟฟ้า และอีกชุดสำหรับขับเคลื่อน หนึ่งในผลลัพธ์ที่น่าพอใจ คือ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ 25.6 กม./ลิตร ขณะที่การขับขี่จริง ได้ตัวเลขที่ประมาณ 20-21 กม./ลิตร กับการจราจรที่หนาแน่น ใช้ความเร็วบนมอเตอร์เวย์บางช่วง
ช่วงล่างเสริมความมั่นคง ขับได้ดีขึ้น
ระบบรองรับของ Honda HR-V e:HEV ยังคงใช้พื้นฐานเดิม แต่มีเสริมความแข็งแรงให้กับโครงสร้างตัวถัง บริเวณส่วนฐานของชุดชอคอับ ทำให้การตอบสนอของช่วงล่างทำได้ดีในช่วงความเร็วต่ำ นุ่มนวลอย่างพอเหมาะ แต่ยังมีความมั่นคงในช่วงความเร็วสูง ส่วนพวงมาลัย ในรุ่น EL มีการตอบสนองที่ดี ควบคุมง่าย แต่หากต้องการการตอบสนองที่ลงตัวยิ่งขึ้น ต้องขยับไปรุ่นทอพ RS กับการติดตั้งพวงมาลัยแบบแปรผันการตอบสนองได้ การขับขี่โดยรวมจึงลงตัวกว่ารุ่นย่อยอื่นๆ นอกจากนี้การใช้ล้อแมกขนาด 18 นิ้ว ได้ความกว้างของยางมากขึ้น ช่วยให้ตัวรถมีความมั่นคงมากขึ้น โดยไม่กระทบต่ออัตราสิ้นเปลืองโดยรวม เสริมด้วยระบบ Honda Sensing ที่มีติดตั้งทุกรุ่นย่อย ทำให้ HR-V มีการขับขี่ที่ลงตัวที่สุดรุ่นหนึ่ง เมื่อเทียบกับคู่แข่งระดับเดียวกัน
เสริมความน่าสนใจด้วยปัจจัยอื่นๆ
แม้ Honda HR-V e:HEV จะมีความลงตัวในหลายด้าน แบบที่ทำได้ตั้งแต่รุ่นก่อนปรับโฉม แต่องค์ประกอบในหลายส่วนไม่ได้แตกต่างจากเดิมมากนัก ท่ามกลางการแข่งขันของ ครอสส์โอเวอร์ระดับราคาใกล้เคียงกันอย่างที่เราบอกไปแล้วก่อนหน้านี้ ทางค่ายรถก็ไม่ได้อยู่เฉย กับการเสริมโปรโมชันมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ราคาพิเศษของรุ่น E (ไม่เกินสิ้นปีนี้) , อัตราดอกเบี้ยพิเศษ , ค่างวดที่ต่ำ (ตามเงื่อนไขของผู้จัดจำหน่าย) , ฟรี ประกันภัย 1 ปี , มอบการดูแลรักษาตัวรถของ Honda Ultimate Care , รับประกันอายุใช้งานของแบทเตอรีถึง 10 ปี และผู้รับรถภายสิ้นปีนี้จะได้รับบัตรน้ำมันมูลค่า 5,000 บาท (ติดตามรายละเอียดของโปรโมชันได้ที่นี่ https://www.honda.co.th/promotions/detail/promotion-hrvehev-nov2024 ) นอกจากนี้ยังเสริมความเร้าใจด้วยชุดตกแต่งตัวถังของ Mugen แท้จากประเทศญี่ปุ่น มีความเร้าใจกว่าเดิม น่าจะดึงดูดคนที่สนใจจะใช้งาน B-SUV ราคาระดับ 1 ล้านบาทบวกลบ มีการใช้งานที่คุ้นเคยเสมอมา
Honda HR-V e:HEV
• รุ่น e:HEV E ราคาแนะนำช่วงเปิดตัว 899,000 บาท
• รุ่น e:HEV EL ราคา 1,079,000 บาท
• รุ่น e:HEV RS ราคา 1,179,000 บาท
ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.honda.co.th/hrvehev