สำหรับทวีปยุโรปแล้ว ประเทศอิตาลี นับว่าเป็นประเทศที่มีความนิยมใช้รถไฟฟ้าค่อนข้างมาก แต่คณะรัฐบาลชุดใหม่ ที่ได้ชื่อว่าเป็นรัฐบาลประชานิยม เตรียมวางแผนที่จะวางเป้าหมายการจำหน่ายรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ให้ได้ 1 ล้านคันสำนักข่าว Bloomburg รายงานว่า คณะรัฐบาลชุดใหม่ของอิตาลี ซึ่งเพิ่งได้รับเลือกเมื่อเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา ตั้งเป้าให้มีรถไฟฟ้า 1 ล้านคันในประเทศอิตาลี ให้ได้ภายในปี 2565 ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตยานยนต์ของยุโรป (European Automobile Manufacturers Association) ระบุว่า ในปี 2560 ที่ผ่านมา มีการจำหน่ายรถไฟฟ้าในอิตาลี เพียง 2,600 คัน โดยเป็นรถไฮบริด-ไฟฟ้า จำนวน 2,200 คัน และนับจนถึงปัจจุบัน ประเมินว่า อิตาลีมีรถไฟฟ้าจดทะเบียนอยู่ทั้งสิ้น 5,000 คัน ซึ่งน้อยที่สุดในจำนวนประเทศสหภาพยุโรป 16 ประเทศ หากอิตาลีสามารถจำหน่ายรถไฟฟ้าได้ 1 ล้านคัน ก็จะกลายเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหมายเลข 1 สำหรับทวีปยุโรป ขณะเดียวกัน ก็ต้องการเงินสนับสนุนจำนวนมหาศาล มากกว่าที่ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเป็นประเทศผู้นำในเรื่องรถไฟฟ้า ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งประกอบด้วย ยกเว้นภาษี, ไม่เสียค่าทางด่วน, จอดรถได้ฟรีในที่จอดรถ ประมาณว่า รัฐบาลต้องสนับสนุนเงินสำหรับรถไฟฟ้าแต่ละคัน ราว 10,500 เหรียญสหรัฐฯ ราว 312,000 บาท สำนักวิเคราะห์ด้านยานยนต์ในอิตาลี ระบุว่า การจะจำหน่ายรถไฟฟ้าให้ได้ 1 ล้านคัน รัฐบาลอิตาลี จะต้องใช้เงินสนับสนุนราว 10 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 300 พันล้านบาท จากการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม พรรคการเมือง 5 ดาว (Five Star Party) ซึ่งมีพื้นฐานมาจากด้านอินเตอร์เนท และก่อตั้งพรรคมาน้อยกว่า 10 ปี ได้รับเสียงข้างมาก เข้าเป็นรัฐบาล และร่วมมือกับพรรคดั้งเดิม ในการก่อตั้งรัฐบาลชุดใหม่ โดย Luigi Di Maio ผู้นำวัย 31 ปี ถือเป็นแผนงานแรกในร่างการวางแผนการทำงานในอนาคต รัฐบาลชุดใหม่ให้คำมั่นสัญญาว่า จะลดราคาน้ำมันเบนซินและดีเซล ผ่านพโรแกรม Cash-for-Clunkers Program โฆษกของคณะรัฐบาล ยืนยันเป้าหมายของรถไฟฟ้า แต่ไม่กล่าวถึงค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด แม้ว่า เทศบาลกรุงโรม ประกาศที่จะห้ามรถยนต์ดีเซล เข้าในเมือง นับแต่ปี 2024 หรือปี 2567