ค่าย Volkswagen เปิดเผยรายละเอียดโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรถไฟฟ้า MEB ที่ลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีอันมหาศาลกว่าพันล้านปอนด์ และจะนำมาใช้กับรถไฟฟ้า เริ่มด้วยรถรุ่นต่างๆ ในชื่อ I.D. พร้อมตั้งเป้ายอดขาย หลังจากลงทุนพัฒนาด้านรถไฟฟ้าไปแล้ว 6 พันล้านยูโร หรือประมาณ 240 พันล้านบาทI.D. รุ่นแรก จะเป็นรถแฮทช์แบค 5 ประตู อวดโฉมปลายปี 2562 โดย Volkswagen ยืนยันการผลิตว่า ที่โรงงาน Zwickau หลังจากลงทุนปรับปรุงสายการผลิตไปแล้ว 1.2 พันล้านยูโร หรือประมาณ 48 พันล้านบาท พร้อมตั้งเป้าเอาไว้ว่า ภายในปี 2563 น่าจะมียอดขายได้ปีละ 150,000 คัน จะเป็นรถในรุ่น I.D. 100,000 คัน ส่วนที่เหลือ เป็นรุ่น e-Up และ e-Golf รวมทั้งตั้งเป้าว่ายอดขายน่าจะเติบโตอย่างมาก โดยภายในปี 2568 น่าจะขายได้ทั้งหมด 1 ล้านคัน/ปี ส่วนรถในเครือ ทาง Volkswagen ชี้แจงว่า Seat, Audi และ Skoda จะมีรถไฟฟ้า ที่ใช้โครงสร้างพัฒนาใหม่นี้ 27 รุ่น ออกจำหน่ายภายในสิ้นปี 2565 โดยคาดว่า รถยนต์จำนวน 10 ล้านคันแรก จะใช้โครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนาใหม่นี้ สามารถรองรับการติดตั้งชุดแบทเตอรี ไว้ในพื้นรถ หรือการติดตั้งเครื่องยนต์จุดระเบิดภายใน Volkswagen มีโรงงานผลิตชุดแบทเตอรี ที่ Braunschweig ที่ขยายกำลังการผลิตจนได้ ชุดแบทเตอรี 500,000 ชุด/ปี ขณะที่โรงงาน Salzgitter และ Kassel จะเป็นผู้ผลิตชุดระบบส่งกำลัง และมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งก็ได้งบประมาณไปพัฒนาใหม่เช่นกัน โดยโรงงานทั้ง 3 แห่งนี้ ได้งบประมาณไปรวม 1.3 พันล้านยูโร หรือประมาณ 520 พันล้านบาท รถแฮทช์แบค I.D รุ่นแรก ประเมินว่าจะมีราคาใกล้เคียงกับ Golf เครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งน่าจะเริ่มต้นที่คันละ 25,000 ปอนด์ หรือประมาณ 1 ล้านบาท หลังจากได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลแล้ว โดยจะเป็นรถยนต์ที่ยืดระยะช่วงล้อ ทำให้ภายในห้องโดยสารกว้างขวางมากขึ้น รถทุกรุ่นที่ใช้โครงสร้างใหม่นี้ จะสามารถใช้ระบบชาร์จด่วน ซึ่งเป็นมาตรฐานใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมง สามารถชาร์จจนแบทเตอรีที่หมดเกลี้ยง ให้ใช้งานได้ราว 80 % Thomas Ulbrich กรรมการบริหารที่รับผิดชอบด้านรถไฟฟ้า กล่าวว่า การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรถรุ่นใหม่นี้ ยอดเยี่ยมมาก “โครงสร้าง MEB ทำให้เกิดการประหยัดต่อต้นทุน และเป็นเทคโนโลยีสำหรับรถไฟฟ้า ที่สามารถนำไปพัฒนาเป็นรถยนต์จากคอมแพคท์คาร์ ไปจนถึง Volkswagen Camper Van ได้อย่างสบาย”