ค่ายรถยนต์ Honda กำลังเตรียมที่จะยกเลิกการติดตั้งระบบ LaneWatch ในรถยนต์รุ่นใหม่ เพราะซ้ำซ้อนกับระบบ Blind-Spot Monitoringระบบป้องกันให้รถอยู่ภายในเลน ทำงานโดยใช้กล้อง ตรวจสอบรถยนต์ที่อยู่ด้านขวา ในบริเวณจุดบอด สำหรับรถยนต์พวงมาลัยซ้าย และถ่ายทอดขึ้นบนจอทัชสกรีน ภายในรถ ซึ่งเป็นจอที่ควบคุมระบบเครื่องเสียง ระบบป้องกันนี้ เริ่มติดตั้งในปี 2555 และปัจจุบันยังอยู่ในรถยนต์ที่ออกจำหน่าย 6 รุ่น ซึ่งรวมทั้งรุ่น Insight Hybrid 2019 ในอดีต การติดตั้งเรดาร์ เซนเซอร์ ภายในกันชนหลัง นับว่าต้องใช้ต้นทุนจำนวนมาก ซึ่งมากกว่าในปัจจุบัน ทีมวิศวกรจึงออกแบบให้ติดตั้งกล้องอีก 1 ตัว ในบริเวณด้านล่างของกระจกมองข้างด้านขวา เพื่อเป็นการตรวจสอบจุดบอด หรือรถที่แซงมาจากด้านขวา ทันทีที่ผู้ขับขี่เปิดไฟเลี้ยวขวา จะปรากฏภาพในจุดบอดดังกล่าวขึ้นบนจอทัชสกรีนทันที Gary Robinson ผู้จัดการผลิตภัณฑ์อาวุโส กล่าวในการให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวว่า Honda จะยังคงใช้ระบบตรวจสอบจุดบอด ด้วยกล้องที่ติดคู่กับกระจกมองข้างด้านขวาต่อไป แต่จะยกเลิกระบบป้องกันให้รถอยู่ในเลน สำหรับรถรุ่นใหม่ๆ ในอนาคต Honda ทำการถอดระบบ LaneWatch ออกจาก Accord รุ่นปี 2562 อย่างเงียบๆ โดยไม่ระบุในข้อมูลทางเทคนิค และสำหรับรถรุ่นใหม่ๆ ที่เพิ่งแนะนำมาในห้วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมานี้ ก็ไม่มีระบบนี้ติดตั้งอีกเลย โดยปัจจุบันยังมี Civic, Clarity, Fit, HR-V, Insight และ Ridgeline ที่ติดตั้งระบบนี้อยู่ แต่รถรุ่นที่จะปรับโฉมต่อไปจะไม่มีการติดตั้งระบบนี้ Gary Robinson อธิบายว่า ปัจจุบันผู้บริโภค ให้การยอมรับกับระบบตรวจสอบจุดบอด ซึ่งจะมีสัญญาณกะพริบ เป็นการเตือน โดยเมื่อปี 2559 ที่ผ่านมา มีรถยนต์ใหม่ออกจำหน่าย 350 รุ่น และพบว่า 59 % ของรถใหม่เหล่านั้น ติดตั้งระบบนี้มาด้วย ขณะเดียวกัน มีรายงานจาก Consumer Reports เสนอว่า รถยนต์ใหม่เหล่านี้ ติดตั้งระบบตรวจสอบจุดบอด เพิ่มขึ้นถึง 85 % แต่ก็ยังเป็นปัญหาเรื่องต้นทุนค่าใช้จ่าย ทำให้มีรถยนต์ใหม่เพียง 15 % เท่านั้น ที่ติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐาน ส่วนมากจะเป็นบรรดารถหรู ราคาแพง เพราะการติดตั้งเกี่ยวข้องกับต้นทุนมากทีเดียว