สำนักข่าวในดีทรอยท์ ต่างพากันเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับข่าวลือที่ว่า จะมีการลดพนักงาน ในค่ายรถยนต์ Ford อีกเป็นจำนวนมาก ทำให้ Jim Hackett ซีอีโอ ต้องออกบันทึกถึงพนักงาน ระบุว่า ได้ปรับลดพนักงานรายเดือน ไปแล้ว 500 ราย และจะปรับลดถึง 800 ราย ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน ส่วนพนักงานทั่วโลก จะต้องปรับลดให้ได้ 7,000 ราย ภายในสิ้นปีนี้ไตรมาสแรกของปีนี้ มีรายงานว่า Ford มีผลกำไรแล้ว 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ก็ยังลดลงจากปีที่แล้ว 34 % แต่การปรับลดพนักงาน เพื่อทำให้เกิดผลกำไรในระยะยาว ทำให้ Ford ต้องติดตามกระแสของบริษัทต่างๆ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ที่พยายามสร้างผลกำไร เพื่อเสียภาษีในอัตราที่ต่ำ และคงอยู่ให้ได้ในสถานการณ์ตลาดที่ผันผวน บันทึกของ Jim Hackett ซีอีโอ ตีพิมพ์ใน Detroit Free Press ระบุว่า มีพนักงานเพียง 500 ราย ที่ลดไปแล้ว โดยภายในเดือนสิงหาคม Ford วางแผนจะปรับลดพนักงานอยู่ราว 7,000 ราย สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ/ปี สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า รายได้ของ Jim Hackett ตกราว 17.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2561 หรือมากกว่าราว 276 เท่า รายได้เฉลี่ยของพนักงาน ที่ประเมินว่าคนละ 64,000 เหรียญสหรัฐฯ/ปี ในปี 2561 Ford ประสบปัญหาการขาดทุนในทุกตลาดทั่วโลก ยกเว้นในอเมริกาเหนือ แต่ปัจจุบัน อัตราการเพิ่มของยอดขายในประเทศจีน ก็เริ่มลดลง จึงทำให้ Ford ต้องตั้งเป้าเพิ่มผลกำไรเป็น 2 เท่าในปี 2562 นี้ ขณะที่อุตสาหกรรมรถยนต์ ในเดือนที่ผ่านมา ลดลง 2 % และประเมินว่า ยอดขายรถยนต์ขนาดเล็กในปีนี้ จะลดลงราว 1 ล้านคัน ต่ำกว่าในปี 2558 และ 2559 โดยคาดว่าจะขายได้ต่ำกว่า 16.5 ล้านคัน รายได้ของ Ford ในปี 2561 ลดลงไปถึง 34 % และผลการดำเนินงานในไตรมาสแรก สามารถทำกำไรได้ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งยังต่ำกว่าปีก่อน แต่ก็ทำให้ราคาหุ้นของ Ford เพิ่มขึ้นมากกว่า 25 %