ทดลองขับ
รุ่นนี้พร้อมบวก !! ทดสอบยาง Michelin Energy XM2+ ยางประหยัดเชื้อเพลิง ประสิทธิภาพดีบนทางเปียก แม้ใช้งานมาเป็นระยะเวลานาน

เข้าสู่ฤดูฝน เชื่อว่าบรรดาผู้ใช้งานรถยนต์ขนาดเล็กหลายคนกำลังมองหายางทดแทนที่มีประสิทธิภาพดี มีคุณสมบัติต่างๆ ครบถ้วน เช่น ความทนทานของตัวยาง ใช้ได้นานต่อเนื่อง พร้อมกับประสิทธิภาพที่ดีขึ้นโดยเฉพาะบนทางเปียก ภายใต้ราคาที่เหมาะสม คุ้มค่า ทาง Michelin ได้เพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้รถกลุ่มดังกล่าว กับยางรุ่นใหม่ล่าสุด Energy XM2+
Michelin Energy XM2+ เป็นยางที่เหมาะสมสำหรับรถยนต์ขนาดเล็ก ขนาดของยางจึงมีให้เลือกตั้งแต่ 14-16 นิ้ว พัฒนาต่อยอดจากรุ่นก่อนหน้านี้ คือ Energy XM2 ลายดอกยางยังคงใกล้เคียงกับรุ่นก่อนหน้า แต่มีการปรับปรุงเนื้อยางด้วยโพลีเมอร์สูตรพิเศษ ทำให้ยางเกาะถนนได้ดี แม้มีค่า Tread Wear ที่สูง (ประมาณ 420) ส่วนหนึ่งเพื่อจุดประสงค์ในแง่ของความทนทานจากการใช้งานระยะยาว
สิ่งที่ทาง Michelin ให้ความใส่ใจ คือ ประสิทธิภาพของยางที่ดีเยี่ยม แม้ดอกยางจะสึกหรอจนมีความลึกน้อยลง (ตามปกติวิสัยของยางที่ใช้งานเป็นเวลานาน) ในจุดนี้ การออกแบบในรายละเอียดของดอกยาง รวมถึงโครงสร้างของยางที่ออกแบบมาอย่างเหมาะสม โดยมีประสิทธิภาพบนทางเปียกที่น่าพอใจเช่นกัน เป็นคุณสมบัติที่หาไม่ได้ง่ายๆ ในยางยุคก่อนหน้านี้
รถที่ใช้ยางของ Michelin Energy XM2+ จะทำการเบรคทั้งหมด 3 ครั้งเพื่อหาค่าเฉลี่ย เช่นเดียวกับยางยี่ห้ออื่น โดยใช้รถยนต์คันเดียวกัน แต่เปลี่ยนยางที่ใช้ในแต่ละครั้ง ผลลัพธ์ที่ออกมาตามนี้ คือ รถที่ใช้ยาง Energy XM2+ ใช้ระยะเบรคเฉลี่ยที่ 28.9 ม. ขณะที่คู่แข่งรายที่ 1 มีระยะเบรค 32.2 ม. รายที่ 2 คือ 33.3 ม. รายที่ 3 อยู่ที่ 34.3 ม. และรายที่ 4 มีตัวเลขที่ 37.9 ม. เลยทีเดียว แสดงให้เห็นว่าประสิทธิภาพของยาง Michilin Energy XM2+ สามารถทำได้ดีกับการเบรคบนทางเปียก แม้สภาพของเนื้อยางจะถูกใช้งานมานานจนร่องดอกยางตื้นลงมาก็ตาม
การทดสอบในสถานีนี้จะให้สื่อมวลชนแต่ละคน ขึ้นไปนั่งบนรถยนต์ที่ติดตั้งยาง Michelin Energy XM2+ และแล่นบนถนนคอนกรีทในบริเวณของสวนนงนุช หลังจากวนครบรอบก็จะเปลี่ยนมานั่งในรถที่ติดตั้งยางของคู่แข่งเจ้าอื่น ระหว่างการนั่งในห้องโดยสารที่ใช้ยาง Energy XM2+ เราพบว่าเสียงในห้องโดยสารค่อนข้างต่ำ เสียงรบกวนขณะแล่นจากยางมีไม่มากนัก แม้กระทั่งช่วงที่แล่นผ่านถนนพื้นผิวขรุขระ แรงสั่นสะเทือนอยู่ในระดับที่เหมาะสม พร้อมกับการเก็บเสียงที่ยังคงทำได้ดีเช่นกัน เมื่อเปรียบเทียบกับรถที่ติดตั้งยางของคู่แข่ง เสียงรบกวน และแรงสั่นสะเทือนจะมีมากกว่าเล็กน้อยในระดับที่สัมผัสได้
สถานีนี้จะจำลองการเข้าโค้งบนทางเปียก และการหักหลบสิ่งกีดขวางด้านหน้าบนทางเปียกเช่นกัน (และหักกลับมาในเลนของตนเอง) การทดสอบมีลักษณะคล้ายกับสถานีก่อนหน้านี้ คือ การใช้รถยนต์ที่ติดตั้งยาง Michelin Energy XM2+ สลับกับรถที่ใช้ยางของคู่แข่งรายอื่นมาเปรียบเทียบกัน เราพบว่าการเข้าโค้งมุมแคบ (ที่ความเร็ว 40 กม./ชม.) ตัวรถสามารถควบคุมทิศทางได้ดี ให้ความรู้สึกมั่นคง เลี้ยวได้ดังใจ แม้จะเป็นทางโค้งบนพื้นผิวถนนเปียกก็ตาม นอกจากนี้การหักหลบสิ่งกีดขวาง และหักกลับเข้ามาในเลนอีกครั้ง สามารถรองรับการหักเลี้ยวได้ต่อเนื่อง ตัวรถไม่มีอาการไถลแม้แต่น้อย เมื่อเทียบการขับขี่กับยางยี่ห้ออื่นแล้ว ถือว่ายังทำได้ดีเช่นกัน แต่ต้องอาศัยการควบคุมพวงมาลัยมากกว่าเล็กน้อย จึงจะแล่นผ่านโค้ง และการหักเลี้ยวอย่างต่อเนื่องได้
ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลและดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.michelin.co.th หรือ Michelin Hotline 0 - 2700 - 3993 และศูนย์จำหน่ายอย่างเป็นทางการ เช่น TyrePlus ขณะที่การจำหน่ายทั่วไปจะอยู่ในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ 

