รถล่าสุด
Chevrolet Captiva การกลับมาภายใต้บทบาทใหม่ในสไตล์ครอสส์โอเวอร์ กับตลาดที่เต็มไปด้วยทางเลือกมากมาย !
Chevrolet Captiva เปิดตัวรุ่นล่าสุดไปหมาดๆ กับรูปทรงภายนอกเน้นความเป็นครอสส์โอเวอร์ยุคใหม่ รองรับการใช้งานในตัวเมือง และกิจกรรมกลางแจ้งที่ไม่ใช่ทางสมบุกสมบัน ห้องโดยสารทันสมัย กว้างขวาง กว้างขวาง และอเนกประสงค์กับการรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 7 ตำแหน่ง พร้อมระบบเชื่อมต่อ Chevrolet MyLink
หากเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ Captiva มีบุคลิก และตำแหน่งการตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปพอสมควร โดยรุ่นก่อนหน้านี้จะเป็นครอสส์โอเวอร์สไตล์เอสยูวีที่มีตำแหน่งการตลาดในระดับ ซี-เซกเมนท์ ชัดเจน เป็นคู่แข่งระดับเดียวกับ Honda CR-V และ Mazda CX-5 จุดเด่น คือ รูปทรงที่ดูบึกบึน กระจังหน้าขนาดใหญ่ มีความเป็นตัวลุยสัญชาติอเมริกันพอสมควร พร้อมทางเลือกเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 2.0 ลิตร 163 แรงม้า และเบนซิน 2.4 ลิตร 168 แรงม้า ราคาอยู่ในระหว่าง 1 ล้านบาทต้นๆ ถึง 1 ล้านบาทกลางๆ ตามปกติของครอสส์โอเวอร์กลุ่มนี้ ก่อนที่ระยะหลังการทำตลาดเป็นไปอย่างเงียบๆ
เมื่อถึงเวลาของการทำตลาดรุ่นล่าสุดของ Chevrolet Captiva รวมถึงการประกาศราคาออกมา อยู่ที่ 999,000-1,199,000 บาท แสดงให้เห็นว่าราคาลดต่ำลงมาจากรุ่นก่อนหน้านี้พอสมควร โดยเฉพาะรุ่นย่อยระดับบน และทางผู้ผลิตของบ้านเราก็ระบุในวันเปิดตัวว่า Captiva รุ่นล่าสุด มีตำแหน่งทางการตลาดแทรกกลางระหว่างกลุ่มครอสส์โอเวอร์ระดับ บี-เซกเมนท์ (เช่น Honda HR-V และ Toyota C-HR) และ ซี-เซกเมนท์ (เช่น Honda CR-V , Nissan X-Trail และ Mazda CX-5)
เมื่อพิจารณาจากขนาดของตัวรถจาก Captiva รุ่นล่าสุด มีความยาว 4,655 มม. และระยะฐานล้อที่ 2,750 มม. เลยทีเดียว เมื่อเทียบกับครอสส์โอเวอร์อย่าง CR-V ที่มีความยาว 4,571 มม และระยะฐานล้อที่ 2,662 มม. แสดงให้เห็นว่าครอสส์โอเวอร์สัญชาติอเมริกันรุ่นใหม่ มีขนาดตัวที่ใหญ่กว่า ภายใต้ราคาโดยรวมที่ใกล้เคียงกับครอสส์โอเวอร์ระดับ บี-เซกเมนท์ พูดง่ายๆ คือ ขนาดตัวสูสีระดับ ซี-เซกเมนท์ แต่ราคาใกล้เคียงกับ บี-เซกเมนท์ !
จุดนี้เอง คือ หนึ่งในจุดเด่นสำคัญที่ Chevrolet Captiva จะใช้ลุยตลาดกลุ่มครอสส์โอเวอร์ เน้นการใช้งานในตัวเมือง การขับขี่สะดวกสบายใกล้เคียงรถเก๋ง ห้องโดยสารกว้างขวาง อเนกประสงค์ รองรับการใช้งานกลางแจ้งทั่วไป
อย่างไรก็ตาม ครอสส์โอเวอร์ระดับ บี-เซกเมนท์ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทต้นๆ ก็ถือเป็นตลาดที่โหดหินพอสมควร กับการยืนหัวแถวในขณะนี้โดย Toyota C-HR ราคา 979,000-1,159,000 บาท ด้วยรูปทรงที่ผสมความเป็นสปอร์ทคูเป ทางเลือกเครื่องยนต์ไฮบริด และระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย (เช่นระบบครูส คอนทโรล แปรผันความเร็ว และระบบช่วยเบรคอัตโนมัติ) หรือผู้ที่ทำตลาดมาเป็นเวลานาน และยังคงมียอดจำหน่ายอยู่ในระดับหัวแถวเช่นกัน อย่าง Honda HR-V ราคา 949,000-1,119,000 บาท เน้นความกว้างขวางที่เพียงพอ ภายใต้ความปราดเปรียว และความอเนกประสงค์ รวมถึงชื่อชั้นของค่ายรถแห่งนี้
ส่วนหน้าใหม่มาแรงกับกลุ่มครอสส์โอเวอร์อย่าง MG ที่ยังคงไปได้สวยกับ MG ZS เน้นราคาที่คุ้มค่า (ระหว่าง 679,000-789,000 บาท) ภายใต้ออพชัน และระบบเชื่อมต่อที่ทันสมัย i-Smart หรือหากขยับมาที่ราคา 1 ล้านบาทต้นๆ มีทางเลือกเป็น MG ZS EV ครอสส์โอเวอร์พลังงานไฟฟ้าที่มีราคา 1,190,000 บาท เมื่อลองหันไปมองรถที่ใหญ่ขึ้น MG ยังมี GS เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 1.5 ลิตร ราคา 890,000-990,000 บาท ส่วนรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 2.0 ลิตร ราคา 1,210,000-1,310,000 บาท โดยรุ่นหลังเตรียมถูกแทนที่ด้วย MG HS ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆนี้ โดยมีอีกค่ายที่ทำตลาดอย่างต่อเนื่อง คือ Mazda CX-3 เน้นรูปทรงกระชับ สปอร์ท ราคา 879,000-1,189,000 บาท หรือหากจะเน้นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา เสริมประสิทธิภาพการลุยกับระบบ X-Mode มีทางเลือก คือ Subaru XV ราคา 970,000-1,015,000 บาท
จากงานเปิดตัว ทำให้เราเห็นว่า Chevrolet Captiva รุ่นล่าสุด มีอาวุธ คือ ความสดใหม่ เส้นสายมีความโฉบเฉี่ยวในตัว โดยเฉพาะด้านหน้าที่ดูคมเข้มไม่น้อย ห้องโดยสารกว้างขวาง ตามมิติของตัวรถที่ค่อนข้างใหญ่ รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 7 ตำแหน่ง งานประกอบโดยรวมถือว่าทำได้ดี ค่อนข้างน่าพอใจ เบาะแถว 2 สามารถพับด้วยการดึงสลักเพียงครั้งเดียว และเลื่อนตำแหน่งหน้า/หลังได้ พื้นที่ของเบาะแถว 3 มีให้พอเพียง จุดที่น่าสนใจ คือ คอนโซลหน้าที่ใช้หน้าจอขนาดใหญ่ถึง 10.4 นิ้ว การใช้งานต่างๆ ผ่านระบบสัมผัส ราวกับรถยนต์ราคาหลายล้านบาท รวมถึงจอดิจิทอลบนมาตรวัดถูกออกแบบอย่างมีสีสัน ขณะที่เครื่องยนต์มีกำลังพอตัวที่ 143 แรงม้า ส่วนสมรรถนะ และการขับขี่คงต้องรอพิสูจน์จากการทดลองขับภายหลัง
สุดท้ายแล้ว การมาของ Chevrolet Captiva ช่วยเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์อเนกประสงค์ได้ไม่น้อย รวมถึงความร้อนแรงขนาดตลาดครอสส์โอเวอร์กลุ่มนี้ที่สู้กันดุเดือดแน่นอน !!
หากเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ Captiva มีบุคลิก และตำแหน่งการตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปพอสมควร โดยรุ่นก่อนหน้านี้จะเป็นครอสส์โอเวอร์สไตล์เอสยูวีที่มีตำแหน่งการตลาดในระดับ ซี-เซกเมนท์ ชัดเจน เป็นคู่แข่งระดับเดียวกับ Honda CR-V และ Mazda CX-5 จุดเด่น คือ รูปทรงที่ดูบึกบึน กระจังหน้าขนาดใหญ่ มีความเป็นตัวลุยสัญชาติอเมริกันพอสมควร พร้อมทางเลือกเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 2.0 ลิตร 163 แรงม้า และเบนซิน 2.4 ลิตร 168 แรงม้า ราคาอยู่ในระหว่าง 1 ล้านบาทต้นๆ ถึง 1 ล้านบาทกลางๆ ตามปกติของครอสส์โอเวอร์กลุ่มนี้ ก่อนที่ระยะหลังการทำตลาดเป็นไปอย่างเงียบๆ
เมื่อถึงเวลาของการทำตลาดรุ่นล่าสุดของ Chevrolet Captiva รวมถึงการประกาศราคาออกมา อยู่ที่ 999,000-1,199,000 บาท แสดงให้เห็นว่าราคาลดต่ำลงมาจากรุ่นก่อนหน้านี้พอสมควร โดยเฉพาะรุ่นย่อยระดับบน และทางผู้ผลิตของบ้านเราก็ระบุในวันเปิดตัวว่า Captiva รุ่นล่าสุด มีตำแหน่งทางการตลาดแทรกกลางระหว่างกลุ่มครอสส์โอเวอร์ระดับ บี-เซกเมนท์ (เช่น Honda HR-V และ Toyota C-HR) และ ซี-เซกเมนท์ (เช่น Honda CR-V , Nissan X-Trail และ Mazda CX-5)
เมื่อพิจารณาจากขนาดของตัวรถจาก Captiva รุ่นล่าสุด มีความยาว 4,655 มม. และระยะฐานล้อที่ 2,750 มม. เลยทีเดียว เมื่อเทียบกับครอสส์โอเวอร์อย่าง CR-V ที่มีความยาว 4,571 มม และระยะฐานล้อที่ 2,662 มม. แสดงให้เห็นว่าครอสส์โอเวอร์สัญชาติอเมริกันรุ่นใหม่ มีขนาดตัวที่ใหญ่กว่า ภายใต้ราคาโดยรวมที่ใกล้เคียงกับครอสส์โอเวอร์ระดับ บี-เซกเมนท์ พูดง่ายๆ คือ ขนาดตัวสูสีระดับ ซี-เซกเมนท์ แต่ราคาใกล้เคียงกับ บี-เซกเมนท์ !
จุดนี้เอง คือ หนึ่งในจุดเด่นสำคัญที่ Chevrolet Captiva จะใช้ลุยตลาดกลุ่มครอสส์โอเวอร์ เน้นการใช้งานในตัวเมือง การขับขี่สะดวกสบายใกล้เคียงรถเก๋ง ห้องโดยสารกว้างขวาง อเนกประสงค์ รองรับการใช้งานกลางแจ้งทั่วไป
อย่างไรก็ตาม ครอสส์โอเวอร์ระดับ บี-เซกเมนท์ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทต้นๆ ก็ถือเป็นตลาดที่โหดหินพอสมควร กับการยืนหัวแถวในขณะนี้โดย Toyota C-HR ราคา 979,000-1,159,000 บาท ด้วยรูปทรงที่ผสมความเป็นสปอร์ทคูเป ทางเลือกเครื่องยนต์ไฮบริด และระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย (เช่นระบบครูส คอนทโรล แปรผันความเร็ว และระบบช่วยเบรคอัตโนมัติ) หรือผู้ที่ทำตลาดมาเป็นเวลานาน และยังคงมียอดจำหน่ายอยู่ในระดับหัวแถวเช่นกัน อย่าง Honda HR-V ราคา 949,000-1,119,000 บาท เน้นความกว้างขวางที่เพียงพอ ภายใต้ความปราดเปรียว และความอเนกประสงค์ รวมถึงชื่อชั้นของค่ายรถแห่งนี้
ส่วนหน้าใหม่มาแรงกับกลุ่มครอสส์โอเวอร์อย่าง MG ที่ยังคงไปได้สวยกับ MG ZS เน้นราคาที่คุ้มค่า (ระหว่าง 679,000-789,000 บาท) ภายใต้ออพชัน และระบบเชื่อมต่อที่ทันสมัย i-Smart หรือหากขยับมาที่ราคา 1 ล้านบาทต้นๆ มีทางเลือกเป็น MG ZS EV ครอสส์โอเวอร์พลังงานไฟฟ้าที่มีราคา 1,190,000 บาท เมื่อลองหันไปมองรถที่ใหญ่ขึ้น MG ยังมี GS เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 1.5 ลิตร ราคา 890,000-990,000 บาท ส่วนรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 2.0 ลิตร ราคา 1,210,000-1,310,000 บาท โดยรุ่นหลังเตรียมถูกแทนที่ด้วย MG HS ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆนี้ โดยมีอีกค่ายที่ทำตลาดอย่างต่อเนื่อง คือ Mazda CX-3 เน้นรูปทรงกระชับ สปอร์ท ราคา 879,000-1,189,000 บาท หรือหากจะเน้นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา เสริมประสิทธิภาพการลุยกับระบบ X-Mode มีทางเลือก คือ Subaru XV ราคา 970,000-1,015,000 บาท
จากงานเปิดตัว ทำให้เราเห็นว่า Chevrolet Captiva รุ่นล่าสุด มีอาวุธ คือ ความสดใหม่ เส้นสายมีความโฉบเฉี่ยวในตัว โดยเฉพาะด้านหน้าที่ดูคมเข้มไม่น้อย ห้องโดยสารกว้างขวาง ตามมิติของตัวรถที่ค่อนข้างใหญ่ รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 7 ตำแหน่ง งานประกอบโดยรวมถือว่าทำได้ดี ค่อนข้างน่าพอใจ เบาะแถว 2 สามารถพับด้วยการดึงสลักเพียงครั้งเดียว และเลื่อนตำแหน่งหน้า/หลังได้ พื้นที่ของเบาะแถว 3 มีให้พอเพียง จุดที่น่าสนใจ คือ คอนโซลหน้าที่ใช้หน้าจอขนาดใหญ่ถึง 10.4 นิ้ว การใช้งานต่างๆ ผ่านระบบสัมผัส ราวกับรถยนต์ราคาหลายล้านบาท รวมถึงจอดิจิทอลบนมาตรวัดถูกออกแบบอย่างมีสีสัน ขณะที่เครื่องยนต์มีกำลังพอตัวที่ 143 แรงม้า ส่วนสมรรถนะ และการขับขี่คงต้องรอพิสูจน์จากการทดลองขับภายหลัง
สุดท้ายแล้ว การมาของ Chevrolet Captiva ช่วยเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์อเนกประสงค์ได้ไม่น้อย รวมถึงความร้อนแรงขนาดตลาดครอสส์โอเวอร์กลุ่มนี้ที่สู้กันดุเดือดแน่นอน !! 
Share
ABOUT THE AUTHOR
ภ
ภูเขม หน่อสวรรค์ poukhem@imc.co.th
คอลัมน์ Online : รถล่าสุด (บก. ออนไลน์)
