กรมการขนส่งทางบก ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การเชื่อมโยงข้อมูลทางอีเลคทรอนิคส์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก
พลตท. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ด้วย พรบ. จราจรทางบก พศ. 2522 ม. 141/1 แก้ไขเพิ่มเติมโดย คำสั่ง หัวหน้า คสช. ที่ 14/2560 ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อ 16 มีค. 60 กำหนดให้นายทะเบียนกรมการขนส่งทางบกมีอำนาจรับชำระค่าปรับที่ค้างชำระตามใบสั่งแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ในกรณีดังกล่าวยังไม่สามารถดำเนินการให้เป็นรูปธรรมได้ เนื่องจากระบบข้อมูลทางอีเลคทรอนิคส์ของทั้ง 2 หน่วยงานยังไม่เชื่อมโยงกัน ต่อมา พรบ.จราจรทางบก พศ. 2522 ม. 4/1 แก้ไขเพิ่มเติมโดย (ฉบับที่ 12) พศ. 2562 ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 กย. 62 กำหนดให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมการขนส่งทางบก เชื่อมโยงข้อมูลทางอีเลคทรอนิคส์ร่วมกัน ซึ่งบัดนี้ทั้ง 2 หน่วยงานได้ทำการเชื่อมโยงข้อมูลกันเรียบร้อยแล้ว
จากกรณีดังกล่าว ถึงแม้ว่ากฎหมายจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 ก.ย. 62 แต่เนื่องจากทั้ง 2 หน่วยงาน จะต้องกำหนดหลักเกณฑ์ ขั้นตอนและวิธีการต่างๆ ร่วมกันให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน นับแต่วัน พรบ.นี้ใช้บังคับ (กฎหมายใช้บังคับวันที่ 20 กย. 62 ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ คือ วันที่ 19 ธค. 62) ดังนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมการขนส่งทางบก จึงกำหนดให้วันที่ 19 ธค. 62 เป็นวันแรกที่กรมการขนส่งทางบก จะรับชำระค่าปรับตามใบสั่งที่ค้างชำระแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถสามารถชำระค่าปรับดังกล่าว พร้อมกับการชำระภาษีประจำปี ได้ที่สำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ หากยังไม่พร้อมชำระค่าปรับที่ค้างชำระตามใบสั่งกรมการขนส่งทางบกจะออกเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีฉบับชั่วคราวให้ซึ่งจะใช้ได้เพียง 30 วัน และผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถสามารถไปชำระค่าปรับได้ที่สถานีตำรวจทุกแห่งทั่วประเทศ หรือช่องทางอื่น เช่น ไปรษณีย์ทุกแห่ง เคาน์เตอร์บริการของธนาคารกรุงไทย ตู้เอทีเอมธนาคารกรุงไทย แอพพลิเคชันกรุงไทย NEXT และหน่วยบริการรับชำระเงินที่มีสัญลักษณ์ PTM (เช่น กลุ่ม CenPay และตู้บุญเติม) ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากนายทะเบียน แต่หากผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถเห็นว่าตนไม่ได้กระทำความผิดตามที่ระบุไว้ในใบสั่ง ให้ทำหนังสือโต้แย้งข้อกล่าวหานั้นภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากนายทะเบียนขนส่ง โดยให้ส่งหนังสือโต้แย้งข้อกล่าวหาดังกล่าวทางไปรษณีย์ตอบรับไปยังสถานีตำรวจตามที่ระบุไว้ในใบสั่ง ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังพัฒนาระบบให้ประชาชนผู้รับใบสั่งสามารถโต้แย้งข้อกล่าวหาทางระบบอีเลคทรอนิคส์ได้อีกช่องทางหนึ่ง ทั้งนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดทำเวบไซท์ใบสั่งจราจรออนไลน์สำหรับประชาชน คือ https://ptm.police.go.th/eTicket/#/ หรือเรียกชื่อย่อว่า e-Ticket เพื่อให้ประชาชนได้ศึกษาข้อมูล และตรวจสอบใบสั่งจราจร จำนวนค่าปรับ และช่องทางการชำระค่าปรับ นอกจากนี้ยังได้พัฒนาระบบวิธีการทางอีเลคทรอนิคส์อย่างอื่นควบคู่ไปด้วย เช่น Web service และ Application
ตามเจตนารมณ์ของ พรบ.จราจรทางบก ที่แก้ไขเพิ่มเติมนี้ มีเจตนารมณ์ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก ทำให้ผู้ขับขี่ที่กระทำความผิดตาม พรบ.จราจรทางบก และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับรถหรือการใช้ทาง ต้องถูกลงโทษทั้งทางอาญา และทางปกครองด้วยการควบคุมการกระทำความผิดด้วยระบบอีเลคทรอนิคส์ เนื่องจากการเชื่อมโยงข้อมูลดังกล่าวจะบันทึกข้อมูลการกระทำความผิดของผู้ขับขี่ บันทึกค่าปรับที่ค้างชำระตามใบสั่งการตัดคะแนนความประพฤติของผู้ขับขี่ และการพักใช้ใบอนุญาตขับขี่เมื่อคะแนนหมด การระงับการใช้รถชั่วคราวเมื่อเจ้าพนักงานจราจรเห็นว่าการขับรถต่อไปอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต และทรัพย์สินของตนเองหรือผู้อื่น ซึ่งจะทำให้ผู้ขับขี่เกรงกลัว และเคารพกฎหมายมากขึ้น อันจะส่งผลให้อุบัติเหตุบนท้องถนนลดลง
จากมาตรการดังกล่าวข้างต้นจึงมีความจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้ และความเข้าใจให้แก่ประชาชน รวมถึงทั้ง 2 หน่วยงานต้องร่วมกันพิจารณากำหนดระเบียบ หลักเกณฑ์ และแนวทางปฏิบัติให้มีความชัดเจน และไม่เป็นการเพิ่มภาระแก่ประชาชนในการชำระค่าปรับและการชำระภาษีประจำปี ดังนั้น จึงขยายระยะเวลาในการประชาสัมพันธ์มาตรการดังกล่าว ออกไปจนถึงวันสุดท้ายที่กฎหมายกำหนดให้ออกอนุบัญญัติภายใน 90 วัน คือ วันที่ 19 ธค. 62
จันทิรา บุรุษพัฒน์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบก ได้ให้ความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยพัฒนาระบบของกรมการขนส่งทางบกเพื่อรองรับการเชื่อมโยงข้อมูลทางอีเลคทรอนิคส์แบบออนไลน์ และได้ทำการทดสอบการเชื่อมโยงระบบบริหารจัดการใบสั่งจราจร (PTM) ในระบบปฏิบัติงานของกรมการขนส่งทางบก ซึ่งกรมการขนส่งทางบกยังคงอำนวยความสะดวกในการชำระภาษีรถประจำปีทุกกรณีเช่นเดิม กรณีผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถที่มิได้กระทำผิดและไม่มีใบสั่งตามกฎหมายจราจร หรือมีใบสั่งแต่ได้ชำระค่าปรับเรียบร้อยแล้ว ยังคงสามารถชำระภาษีรถประจำปีพร้อมรับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี (ป้ายวงกลม) ได้ที่สำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ และทุกช่องทางตามปกติเช่นเดิม โดยจะไม่ส่งผลกระทบกับประชาชนผู้ใช้รถทั่วไป สามารถดำเนินการชำระภาษีรถประจำปีได้ตามปกติ
ส่วนกรณีที่มีใบสั่ง แต่ยังไม่ได้ชำระค่าปรับเมื่อถึงคราวชำระภาษีรถประจำปีมีความประสงค์จะชำระค่าปรับในคราวเดียวกัน สามารถชำระค่าปรับพร้อมชำระภาษีรถประจำปีได้ในคราวเดียวกันได้ โดยกรมการขนส่งทางบกจะดำเนินการบันทึกข้อมูลการชำระค่าปรับในระบบซึ่งเชื่อมโยงกับระบบบริหารจัดการใบสั่งจราจร ทำให้มีผลเช่นเดียวกันกับการชำระค่าปรับกับพนักงานสอบสวน ผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถจะได้รับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี (ป้ายวงกลม) ตามปกติ
ทั้งนี้ หากผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถคันที่มีใบสั่งตามกฎหมายจราจร แต่ยังไม่พร้อมชำระค่าปรับในคราวเดียวกัน กรมการขนส่งทางบกก็ยังคงอำนวยความสะดวกให้สามารถชำระภาษีรถประจำปีได้ แต่จะได้รับหลักฐานแสดงการเสียภาษีประจำปีชั่วคราว ซึ่งมีอายุ 30 วันนับแต่วันที่นายทะเบียนออกให้เท่านั้น หากชำระค่าปรับเรียบร้อยแล้วสามารถนำหลักฐานใบเสร็จการชำระค่าปรับมาแสดง เพื่อรับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี (ป้ายวงกลม) ฉบับจริงได้ในภายหลัง อย่างไรก็ตาม กรณีที่ชำระภาษีประจำปีแล้ว แต่ไม่ชำระค่าปรับที่ค้างชำระให้ครบถ้วนภายในระยะเวลาตามที่กำหนด เป็นอำนาจของเจ้าพนักงานจราจรตำแหน่งตั้งแต่สารวัตรขึ้นไปมีหนังสือแจ้งนายทะเบียน กรมการขนส่งทางบกให้งดออกเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปีสำหรับรถคันนั้น และดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนต่อไป