อุตสาหกรรมรถยนต์ในแต่ละประเทศ ย่อมมีความเจริญเติบโตเพิ่มขึ้น แม้ว่าไม่สอดคล้องสภาพตลาดโดยรวม ที่ยอดการขายไม่รุ่งเรืองเท่าที่ควร อุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศจีน ก็เช่นกันประเทศจีน ต้องการลดมลภาวะในอากาศ อันเนื่องมาจากค่าไอเสีย ที่รถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน ผลิตขึ้นมาเป็นไอเสีย ก็ประกาศส่งเสริมการผลิตรถยนต์พลังงานชนิดใหม่ โดยไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นพลังงานไฟฟ้า และเมื่อทำให้ค่ามลภาวะในท้องถิ่น ลดลงได้บ้าง ก็ค่อยๆ เริ่มระงับการให้การส่งเสริม ทำให้บรรดาค่ายรถยนต์ที่ลงทุนลงแรงไปกับการผลิต เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต ก็เริ่มประสบปัญหา ประกอบกับยอดการขายรถยนต์ของประเทศจีน ก็ลดลงไปตามความต้องการของผู้บริโภคด้วย ทำให้บรรดาค่ายรถยนต์ ต้องพากันขวนขวายหาทางส่งรถยนต์ไปจำหน่ายในต่างประเทศ หรือไปทำการผลิตและจำหน่ายในต่างประเทศ ซึ่งประเทศอินเดีย ก็เป็นเป้าหมายสำคัญแห่งหนึ่ง ด้วยจำนวนประชากรกว่าพันล้านคน แต่อัตราการถือครองรถยนต์ ยังอยู่ในระดับต่ำ รายงานข่าวระบุว่า ค่าย Changan เริ่มต้นศึกษาตลาดอินเดียอย่างจริงจัง มาหลายปีแล้ว รวมทั้งส่งทีมเพื่อสำรวจตลาดอินเดียมาล่วงหน้า โดยคาดว่า จะเริ่มบุกตลาดอินเดียอย่างจริงจัง ในปี 2565 เริ่มด้วย เอสยูวี ใน ซี เซกเมนท์ ซึ่งเป็นรถที่ขายดีที่สุดของ CS 75 ซึ่งติดอันดับยอดขายอยู่ในประเทศจีน และรถขนาดเล็กลงมา CS 35 ความยาวตัวรถ 4.2 เมตร แต่จากการต่อสู้ที่รุนแรงในตลาดอินเดีย อาจมีการเปลี่ยนแปลงรุ่นรถที่จะส่งไปจำหน่ายได้ง่าย “ตลาดอินเดีย ยังมีช่องว่างอยู่มาก เพราะจำนวนรถต่อประชากร 1,000 คน ยังน้อยมาก รวมทั้งสภาพเศรษฐกิจที่เติบโต และรายได้ประชากรที่เพิ่มขึ้น ค่ายรถจะยังสามารถขายรถได้อีกมาก” Vinay Piparsania นักวิเคราะห์การตลาดด้านรถยนต์ อดีตกรรมการ Ford เอเชีย แปซิฟิค กล่าว “แต่ถ้าผลิตภัณฑ์ไม่มีคุณภาพ หรือไม่ตรงกับความต้องการ ผู้บริโภคอินเดีย ก็อาจไม่ยอมรับได้” เช่นเดียวกับรถไฟฟ้า ซึ่งรัฐบาลอินเดีย เริ่มให้การสนับสนุน และค่ายรถยนต์จากเมืองจีน ก็มีรถไฟฟ้า จำหน่ายอยู่แล้ว เป็นอีกโอกาสหนึ่ง ที่จะเข้าสู่ตลาดอินเดีย ได้โดยง่าย ค่าย Changan ก็มีเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับ ด้วยเช่นกัน โดยเมื่อหลายปีก่อน ก็พัฒนาและทำการทดลองยานยนต์ไร้คนขับ ด้วยระยะทางมากกว่า 2,000 กม. อย่างประสบผลสำเร็จมาแล้ว Changan ยังได้ว่าจ้าง G Sanjay นักการตลาดด้านรถยนต์ของอินเดีย ให้ช่วยเหลือในการจัดหาทีมงานด้านรถยนต์ล่วงหน้าไว้แล้ว โดยตั้งสำนักงานอยู่ในเมือง เดลี ขณะเดียวกัน ค่ายจีลี่ ก็จับตาดูตลาดอินเดียอยู่เช่นกัน โดยคาดว่า จีลี่ น่าจะให้ ค่าย โปรตอน พัฒนารถยนต์นั่งพวงมาลัยขวา เพื่อจำหน่ายในอินเดีย ขณะที่ค่าย Great Wall ก็เป็นอีกค่ายหนึ่ง ที่แสดงความสนใจตลาดอินเดีย และตั้งสำนักงานในอินเดีย เพื่อเตรียมตัวในการเข้าสู่ตลาดเช่นเดียวกัน ส่วนค่าย SAIC ก็รุกเข้าสู่ตลาดอินเดีย ด้วยการก่อสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ ทำการผลิตรถ MG รวมทั้งส่งรุ่นรถไฟฟ้า จำหน่ายในตลาดแล้วเช่นกัน นักการตลาดอินเดีย ระบุเอาไว้ว่า ค่ายรถยนต์จากประเทศจีนจะสามารถประสบความสำเร็จในตลาดอินเดียได้ ต้องประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และการบริการที่รวดเร็ว, สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้รวดเร็ว รวมทั้งค้นหาวิธีที่จะสามารถทำกำไรให้ได้ ก็ต้องดูว่า ค่ายรถจากประเทศจีนค่ายไหนจะประสบความสำเร็จในตลาดอินเดียมากที่สุด