เชครถให้ชัวร์ ก่อนเดินทางไกล

วันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์แบบนี้ หลายคนวางแผนเดินทางกลับบ้าน หรือเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัด และเพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น ผู้ขับขี่จำเป็นต้องเตรียมร่างกาย และเตรียมรถให้พร้อม “autoinfo.co.th” มีวิธีตรวจเชครถเบี้องต้นมาฝาก

  ระบบไฟต้องใช้ได้ทุกดวง ตรวจเชคระบบไฟว่าติดปกติทุกดวงหรือไม่ หากมีตรงไหนดับ หรือไม่ติด ให้รีบซ่อมทันที เนื่องจากสัญญาณไฟเป็นสิ่งจำเป็นในการขับรถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลากลางคืน ทั้งไฟเบรค ไฟเลี้ยว ไฟหน้า/ไฟท้าย หรือระบบไฟส่องสว่าง ที่สามารถส่งสัญญาณให้รถยนต์คันอื่น ในระหว่างขับขี่   ยางต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้ เชคสภาพลมยางของรถ ตรวจหารอยรั่วว่ามีหรือไม่ พร้อมกับดูสภาพของดอกยางว่ายังมีความยึดเกาะถนนได้ดีในระดับใด ขอเน้นว่าต้องเชคทุกเส้น และหาอะไหล่ยางรถยนต์ที่พร้อมใช้งานติดไปด้วยเผื่อกรณีฉุกเฉิน   ระบบเบรคต้องพร้อม ระบบเบรคเป็นอีกสิ่งหนึ่งสำคัญที่ต้องสมบูรณ์อยู่เสมอ ซึ่งสัญญาณปัญหาของเบรคที่สังเกตได้ง่าย คือ 1. เวลาเบรคเหมือนมีเสียงโลหะเสียดสีกัน 2. เหยียบเบรคแล้วลึกกว่าปกติ 3. ระดับน้ำมันเบรคลดลงมาก หากเจออาการเหล่านี้ ควรนำรถเข้าศูนย์เพื่อตรวจเชคทันที   ของเหลวต่างๆ ต้อง FULL ตรวจดูของเหลวทั้งหมด ตั้งแต่น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรค น้ำมันเครื่อง น้ำในหม้อน้ำ ให้อยู่ในระดับ FULL และควรเชครอยรั่วซึมต่างๆ ของรถไม่ว่าจะเป็นรอยน้ำมันหยด หรือรอยน้ำต่างๆ ให้ดีก่อนเดินทาง หากพบปัญหา หรือไม่แน่ใจ ให้นำรถเข้าอู่ที่ไว้ใจได้ หรือส่งศูนย์บริการเพื่อเชคสภาพทันที   ช่วงล่างต้องแน่น วิธีเชคช่วงล่างของรถทำได้ง่ายๆ ด้วยการก้มดูกระบอกชอคอับ ว่าจะต้องไม่มีน้ำมันรั่วซึมออกมา จากนั้นใช้น้ำหนักตัวกดลงไปยังมุมรถทั้ง 4 ด้าน เพื่อดูการเด้งกลับของชอคอับว่าผิดปกติหรือไม่ หากรถเด้ง 1 ครั้งแล้วหยุด แสดงว่ายังอยู่ในสภาพดี แต่หากเด้งซ้ำมากกว่า 2 ครั้งขึ้นไป แสดงว่าชอคอับเสื่อมสภาพ ให้เปลี่ยนทันที เพราะจะทำให้รถไม่เกาะถนน เสียการทรงตัว และไม่ปลอดภัย   เตรียมอุปกรณ์ช่วยเหลือให้พร้อม เตรียมอุปกรณ์ช่วยหลือที่จำเป็นต่างๆ เช่น สายพ่วงแบทเตอรี ไฟฉาย ยางอะไหล่ น้ำมันรถยนต์ น้ำกลั่น นอกจากนี้ ต้องมีชุดเครื่องมือประจำรถ ทั้งแม่แรง ประแจ คีม และบลอคถอดล้อ ติดไว้เผื่อในเวลาฉุกเฉิน พกเบอร์ฉุกเฉินไว้เสมอ : ตำรวจทางหลวง (1193), ศูนย์อุบัติเหตุบนทางด่วน (1543), สถานีวิทยุ จส. 100 (1137), สถานีวิทยุ สวพ. 91 (1644), แจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย (191), สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (1669), แจ้งรถหาย (1192), ตำรวจท่องเที่ยว (1155), สายตรงทางด่วน (1543)