Honda Civic โฉมปัจจุบันของบ้านเรา
การเปิดตัวของ Honda Civic ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีทางเลือก 2 ขุมพลัง นั่นคือ เบนซิน 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 158 แรงม้า ที่ 6,500 รตน. แรงบิดสูงสุด 20.5 กก.-ม. ที่ 4,200 รตน. และอีกทางเลือก คือ เบนซิน เทอร์โบ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 180 แรงม้า (ในประเทศสหรัฐอเมริกาเดิมจะมี 174 แรงม้า) ที่ 6,500 รตน. แรงบิดสูงสุด 26.3 กก.-ม. ที่ 1,700-4,500 รตน. (ขณะที่บางภูมิภาคจะมีทางเลือกเป็นเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 1.0 ลิตร กำลังสูงสุด 129 แรงม้า) ขณะที่เครื่องยนต์แบบ Hybrid ยังไม่มีข่าวคราวในตอนนี้ แต่ในประเทศสหรัฐอเมริกามีซีดานไฮบริดที่ทำตลาดอยู่ คือ Insight (อินไซจ์ท์) ใช้พื้นฐานร่วมกับ Civic แต่ยังไม่มีข่าวคราวการเปิดตัวรุ่นใหม่ ขณะที่บ้านเรามีทางเลือกของขุมพลัง คือ เบนซิน 1.8 ลิตร กำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,500 รตน. แรงบิดสูงสุด 17.7 กก.-ม. ที่ 4,300 รตน. และ เบนซิน เทอร์โบ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 5,500 รตน. แรงบิดสูงสุด 22.4 กก.-ม. ที่ 1,7500-5,500 รตน. เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์เทอร์โบของ Civic รุ่นล่าสุด พบว่า พละกำลังของ Civic รุ่นที่ 10 (ที่ทำตลาดในบ้านเรา) อาจน้อยกว่าเล็กน้อย แต่แรงม้าสูงสุดจะมาในรอบเครื่องยนต์ที่ต่ำกว่า ขณะที่แรงบิดสูงสุดมีน้อยกว่า แต่การตอบสนองแบบ Flat Torque มีช่วงรอบการทำงานที่กว้างกว่าHonda Civic โฉมปัจจุบันของบ้านเรา
มาที่ห้องโดยสารของ Civic รุ่นล่าสุด มีการเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร กับแนวทางการออกแบบที่เน้นความเรียบหรู มีทัศนวิสัยที่ดีกว่าเดิม ที่ปัดน้ำฝนเป็นแบบซ่อนไว้บริเวณขอบฝากระโปรง จอแสดงผลตรงกลางมีขนาด 9 นิ้ว เป็นแบบจอแบน ดูทันสมัย รองรับการเชื่อมต่อกับ Apple CarPlay และ Android Auto ขณะที่แผงหน้าปัดเป็นแบบดิจิทอล แสดงผลผ่านจอ LCD ขนาด 10.2 นิ้ว (ในรุ่นทอพ Touring) มีการจัดวางหน้าจอดูคล้ายกับซีดานอย่าง Accord นอกจากนี้ ทาง Honda ยังปรับปรุงระบบรองรับให้มีการตอบสนองดีขึ้น รวมถึงจุดยึดของบุชช่วงล่าง ได้ประโยชน์เรื่องความนุ่มนวล และยังคงยึดเกาะถนนได้ดี เสริมความแข็งแรงให้กับโครงสร้างตัวถัง ทนแรงบิดได้ดีกว่าเดิม 8 % และมีความแข็งแรงโดยรวมเพิ่มขึ้น 13 % เพื่อการขับขี่ที่มั่นคงยิ่งขึ้น สิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ ระบบความปลอดภัย Honda Sensing ที่ปรับปรุงเป็นเวอร์ชันล่าสุด ใช้การทำงานของกล้องมองภาพที่มีมุมมองกว้างขึ้น และพโรแกรมการทำงานที่ทันสมัยกว่าเดิม ทำงานร่วมกับเซนเซอร์แบบ Sonar จำนวน 8 จุดรอบตัวรถ เพื่อการทำงานที่แม่นยำยิ่งขึ้นของระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่ สิ่งที่เพิ่มเข้ามา คือ ระบบตรวจจับป้ายสัญญาณจราจร ระบบเคลื่อนรถอัตโนมัติในสภาพการจราจรที่หนาแน่น และระบบช่วยเบรคที่ความเร็วต่ำ มีการทำงานที่นุ่มนวลกว่าเดิม รวมถึงระบบรักษาตัวรถให้อยู่กึ่งกลางเลนจะมีการหักพวงมาลัยที่นุ่มนวลขึ้นเช่นกัน การคาดเดาเบื้องต้นของรุ่นที่เตรียมทำตลาดในบ้านเรา...รูปทรงโดยรวมคงไม่แตกต่าง Honda Civic รุ่นที่ 11 ที่เพิ่งเปิดตัวในประเทศสหรัฐอเมริกา ยกเว้นในรายละเอียดปลีกย่อย ขณะที่เครื่องยนต์อาจมีลุ้นให้ใช้แบบเบนซิน เทอร์โบ 1.0 และ 1.5 ลิตร ก็เป็นได้ เพราะรุ่น 1.0 ลิตร มีทำตลาดในบางภูมิภาค และอาจมีองค์ประกอบหลายส่วนใช้ร่วมกับ Honda City ก็ได้ แต่ของ Civic อาจมีแรงม้ามากกว่า ขณะที่เครื่องยนต์ไฮบริดคงต้องรอความเป็นไปได้จากภูมิภาคอื่นๆ ว่าจะมีทำตลาดหรือไม่ ส่วนราคาคาดว่าจะไม่ต่างกับรุ่นปัจจุบันมาก (แต่ออพชันเยอะกว่าแน่นอน ตามสมัยนิยม) อยู่ระหว่าง 9 แสนบาท-1.2 ล้านบาท พร้อมทางเลือกตัวถังซีดาน และแฮทช์แบค ที่ได้รับการตอบรับดีพอสมควรห้องโดยสารของ Honda Civic โฉมปัจจุบันของบ้านเรา
สุดท้าย...กำหนดเวลาเปิดตัวของ Honda Civic รุ่นใหม่ในประเทศไทย คงมาถึงอย่างเร็วปลายปีนี้ หรืออาจจะต้นปีหน้า เพราะไม่นานมานี้ที่ญี่ปุ่นเพิ่งเปิดตัว Vezel (วีเซล) หรือ HR-V (เอชอาร์-วี) รุ่นใหม่ไปหมาดๆ หาก Honda ของบ้านเราต้องการฟื้นตลาดครอสส์โอเวอร์ระดับ บี-เซกเมนท์ อาจหันมาเปิดตัว HR-V ก่อน ส่วน Civic ที่ยอดขายยังคงติดลมบน แม้อยู่ในช่วงปลายอายุการทำตลาด อาจไม่ต้องรีบอะไร !