รายงานข่าวจากเยอรมนี ระบุว่า เดิมที ค่าย Tesla มีกำหนดเปิดสายการผลิต โรงงาน Gigafactory แห่งใหม่ล่าสุด ในเมือง Grünheide ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงเบร์ลิน ห่างออกไป 30 กม. ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 นี้ แต่จากปัญหาเรื่องการร้องเรียนของนักสิ่งแวดล้อม ในหลากหลายประเด็น ทำให้ยังไม่สามารถกำหนดการใดๆ สำหรับโรงงานผลิตรถไฟฟ้าแห่งนี้ได้เลยการก่อสร้างโรงงาน Gigafactory มูลค่า 5.8 พันล้านยูโร หรือประมาณ 232 พันล้านบาท แห่งนี้ ยังไม่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อม หรือ Environmental Agency ในเมือง Brandenburg ซึ่งหมายความว่า กำหนดการเริ่มสายการผลิตจะต้องล่าช้าออกไป อาจถึงปี 2565 ในปี 2562 Elon Musk กำหนดแผนงานที่จะก่อสร้างโรงงาน Gigafactory สำหรับสหภาพยุโรป แต่สถานที่ตั้งของโรงงาน ไปทับซ้อนกับเขตปกป้องแหล่งน้ำดื่มของเมือง หรือ Drinking Water Protection Zone รวมทั้งยังเป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ หรือ Nature Reserve อีกด้วย ซึ่งได้รับการต่อต้านอย่างหนัก ทั้งจากผู้อยู่อาศัย และนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เมื่อปีที่แล้ว Tesla จำเป็นต้องเลื่อนการเคลียร์พื้นที่ป่า เพราะนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น ระบุว่า เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของงูพันธุ์หายาก ซึ่งการตัดต้นไม้ อาจทำให้งูสูญพันธุ์ได้ ทำให้จำเป็นต้องช่วยเหลืองู ก่อนการจับไปปล่อยในแหล่งอื่น แต่กระนั้น ก็ยังมีความพยายามที่จะต่อต้านการก่อสร้างจากนักอนุรักษ์นิยม Manuela Hoyer คนท้องถิ่นที่อาศัยอยู่ห่างจากที่ก่อสร้างราว 9 กม. ที่คัดค้านการก่อสร้างโรงงานแห่งนี้ กล่าวว่า “ต้องใช้พื้นที่ป่านับพันไร่ เพื่อถางและก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และที่พักอาศัย” และ “การก่อสร้างโรงงาน บนแหล่งปกป้องน้ำดื่มของชุมชน ก็เหมือนกับการฆาตกรรมสิ่งแวดล้อมนั่นเอง” นั่นเป็นการสะท้อนความคิดเห็นของผู้อยู่อาศัย ที่เคยทำการต่อต้านการก่อสร้างกังหันลม ที่ทำงานด้วยแรงลม ในการผลิตกระแสไฟฟ้า อันเนื่องจากเกรงว่าจะกระทบกับความเป็นอยู่ของชุมชน เจ้าหน้าที่รัฐที่ทำงานเกี่ยวข้อง ต่างก็ปวดหัวกับโครงการของ Tesla ในครั้งนี้เช่นกัน เพราะเกี่ยวเนื่องกับข้อบังคับดั้งเดิมของชาวเยอรมัน ที่โรงงานพยายามจะดำเนินการในการก่อสร้าง ปัจจุบัน Tesla ยังคงทำงานตามใบอนุญาตก่อสร้าง ซึ่งก่อสร้างโครงสร้างโรงงานขนาดใหญ่ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ยังคงรอคอยเพียงใบอนุญาตจากหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อม ที่จะทำให้สามารถเดินสายการผลิตได้ต่อไป ขณะเดียวกัน Tesla ก็มีโครงการใหม่ ในการก่อสร้างโรงงานผลิตชุดแบทเตอรี ซึ่งจะใช้ในบริเวณ Gigafactory ที่กำลังก่อสร้างอยู่นี้ ทำให้ Tesla จำเป็นต้องยื่นขออนุญาติใหม่ทั้งหมด ที่จะใช้เวลาอีกนานนับเดือน จากเดิมที่โรงงาน Grünheide ยื่นขออนุญาตไปแล้ว ในส่วนปั๊มตัวถัง, สายการประกอบ และสายการผลิตตัวถัง นอกจากนี้ยังมีระบบขจัดน้ำเสีย, สถานีดับเพลิง รวมทั้งจุดศูนย์กลางในการขนถ่าย ที่จะต้องเคลื่อนย้ายคอนเทเนอร์ ด้วยรถหัวลาก ในการขนส่งชิ้นส่วนและอื่นๆ โดยแผนงานเหล่านี้ จำเป็นต้องมีแหล่งพลังงานทดแทน สำหรับการใช้งานโดยเฉพาะ และการขออนุญาตใหม่ทั้งหมด เพื่อการก่อสร้างโรงงานผลิตชุดแบทเตอรี ขนาด 500 ล้านเซลล์ รวมความจุ 50 กิกะวัตต์ชั่วโมงที่ใหญ่กว่าโรงงานของ กลุ่ม Volkswagen ที่มีความจุเพียง 40 กิกะวัตต์ชั่วโมงเท่านั่น หากโรงงานแห่งนี้แล้วเสร็จ Tesla ระบุว่าจะเป็น “โรงงานผลิตรถไฟฟ้าที่ทันสมัยที่สุดในโลก” และจะสามารถจ้างงาน 12,000 ตำแหน่ง ด้วยกำลังการผลิตปีละ 500,000 คัน เดือนกรกฏาคม 2564 ชาวเยอรมันที่พักอาศัยใน Grünheide สามารถตรวจสอบเอกสารของ Tesla ประมาณ 11,000 หน้า ซึ่งรวมถึงพิมพ์เขียว ตาราง และการคำนวณต่างๆ ที่ศาลาว่าการของเมือง ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 3 ที่เมืองเปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถตรวจสอบได้ และหากมีข้อโต้แย้ง สามารถยื่นคำคัดค้านได้ภายในวันที่ 16 สิงหาคม 2564 ก่อนที่คณะกรรมการด้านสิ่งแวดล้อม จะประชุมสอบถามความเห็นจากสาธารณชน ในวันที่ 13 กันยายน 2564 สำหรับการเปิดให้ประชาชนได้ตรวจสอบเอกสาร ครั้งก่่อน ในปี 2563 มีผู้ยื่นคำคัดค้านมากกว่า 400 เรื่อง จากนั้นก็ยังไม่มีกำหนดการที่แน่ชัด ว่าจะสามารถออกใบอนุญาตให้กับ Tesla ได้เมื่อใด