สำนักข่าว Bloomberg รายงานจากประเทศซาอุดิอาระเบีย ประกาศให้รถยนต์ที่ใช้ในเมืองหลวง ภายในปี 2573 ต้องเป็นรถไฟฟ้าอย่างน้อย 30 % ของรถยนต์ทั้งหมด แม้ว่าจะเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ก็ตาม เพื่อมีส่วนในการช่วยลดโลกร้อนFahd Al-Rasheed ประธานเมืองริยาดห์ แถลงการณ์ในพิธีเปิดการประชุมด้านสภาพอากาศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการลดค่าคาร์บอนไดออกไซด์ ภายในเมืองหลวง ที่มีประชากรประมาณ 8 ล้านคน ภายใน 9 ปีข้างหน้า การประชุมในวันเดียวกัน เจ้าฟ้าชาย Mohammed bin Salman ออกมาเรียกร้องให้ประเทศข้างเคียง ช่วยกันลดค่ามลภาวะจากไอเสีย โดยเฉพาะบริเวณชายแดนที่ติดต่อกัน เป้าหมายในการเพิ่มจำนวนรถไฟฟ้าในกรุงริยาดห์ เป็นผลมาจากประเทศต่างๆ มีโครงการที่จะลด หรือระงับการใช้รถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน ที่ใช้เชื้อเพลิงเบนซิน และดีเซล สาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งเป้าจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 25 % ภายในปี 2568 ขณะที่อังกฤษ วางแผนที่จะระงับการขายเชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์ ภายในปี 2573 Fahd Al-Rasheed กล่าวว่า “ต้องการทำให้แน่ใจว่า เราได้มีส่วนร่วมในการลดค่าคาร์บอนไดออกไซด์ และนั่นเป็นวิธีที่ดีที่สุด” ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า เมืองอื่นๆ ของซาอุดิอาระเบีย จะใช้นโยบายเดียวกับเมืองหลวง ที่ต้องการใช้รถไฟฟ้าหรือไม่ กองทุนเพื่อสิ่งแวดล้อมซาอุดิอาระเบีย ได้ลงทุนในด้านรถไฟฟ้า มานานนับ 10 ปี ซึ่งรวมทั้งให้การสนับสนุน Lucid Motors คู่แข่งของ Tesla ด้วย ปัจจุบัน Lucid Motors ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในแคลิฟอร์เนีย อยู่ระหว่างการเจรจาด้านเงินทุนสนับสนุนในการสร้างโรงงานประกอบรถไฟฟ้า ขณะที่ EV Metals Group Plc จากออสเตรเลีย ได้ประกาศการลงทุน 3 พันล้านเหรียญฯ เพื่อถลุงแร่ที่ใช้ในชุดแบทเตอรี ในซาอุดิอาระเบีย