ธุรกิจ
สถาบันยานยนต์มุ่งพัฒนามาตรฐานสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต
ในปี 2565 เป็นอีกหนึ่งปีแห่งความท้าทายต่อบทบาท และภารกิจของสถาบันยานยนต์ ที่จะต้องให้บริการแก่ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ภาคอุตสาหกรรม และสาธารณะ เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี ทรัพยากรมนุษย์ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สถาบันยานยนต์ ภายใต้การกำกับดูแลของ พิสิฐ รังสฤษฎ์วุฒิกุล ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ ประกาศแผนการดำเนินงานประจำปี 2565 กำหนด 6 ยุทธ์ศาสตร์เดินหน้าพัฒนาสถาบันยานยนต์ เพิ่มศักยภาพการทำงานทั้งภายใน และภายนอกอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้
ยุทธ์ศาสตร์ที่ 1 เป็น Technical Service เทียบเท่าสากล เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ คือ การยกระดับความสามารถการให้บริการของสถาบันยานยนต์ ในการเป็น Technical Service ของประเทศไทยที่ขึ้นทะเบียนภายใต้ข้อตกลง ASEAN MRA ในช่วงแรก จำนวน 19 รายการทดสอบ ซึ่งจะช่วยลดเวลา ลดค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการ ลดการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษี (NTBs) ทำให้สินค้าได้คุณภาพมีมาตรฐานรองรับ และได้รับการแต่งตั้งเป็น Technical Service ของประเทศไทย โดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) และกรมการขนส่งทางบก ส่งผลให้สินค้ามีคุณภาพได้มาตรฐาน ทำให้ผู้บริโภคได้รับการคุ้มครอง อีกทั้งเตรียมความพร้อมในการเป็น Technical Service ของการทดสอบยางล้อ UN R117 และ EV แบทเตอรี เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านยานยนต์ไฟฟ้า และเพิ่มความสามารถการบริหารงานทดสอบ ATTRIC ในอนาคต
ยุทธ์ศาสตร์ที่ 2 มุ่งสู่การพัฒนาต่อยอด และยกระดับงานบริการ จากหน่วยตรวจประเมินระบบคุณภาพของโรงงานตามมาตรฐานมอก. (Inspection Body) ซึ่งปัจจุบันได้รับการรับรองระบบคุณภาพ ISO/IEC 17020 เป็นหน่วยรับรองผลิตภัณฑ์ (Certification Body) ที่สามารถออกตรารับรอง TAI-Mark ที่ได้รับการรับรองระบบคุณภาพ ISO/IEC 17065 เพื่อส่งเสริมการยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ของภาคอุตสาหกรรม ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศให้มีขีดความสามารถ และเป็นที่ยอมรับในตลาด ทั้งใน และต่างประเทศ รวมถึงเป็นกิจกรรมที่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค โดยเฉพาะในด้านความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม โดยในระยะเริ่มต้น สถาบันฯ มีแผนจะทำการรับรอง มอก. ทั่วไปจำนวน 4 มอก. รวมถึงอยู่ในระหว่างทำการศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการรับรองผลิตภัณฑ์ยานยนต์ และชิ้นส่วนอื่นๆ ที่จะสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ และชิ้นส่วน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ รวมถึงยานยนต์ไฟฟ้า และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคต่อไป
แผนยุทธศาสตร์ที่ 3 TAI Training & Consulting Provider เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการ สร้างวิทยากรภายในของสถาบันฯ ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในด้าน เช่น ทดสอบมาตรฐาน วิจัยและพัฒนา ตรวจประเมินรับรองกระบวนการผลิต ด้านงานวิจัยทิศทางอุตสาหกรรม และสามารถพัฒนายกระดับไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องในอนาคตได้ รวมถึงการสร้างเครือข่ายวิทยากรภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับสากล
แผนยุทธศาสตร์ที่ 4 สามารถชี้นำทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วยผลงานวิจัย เป็นคลังข้อมูล และงานวิจัย (Automotive Think Tank) โดยมีเป้าหมาย คือ เป็นศูนย์ข้อมูลยานยนต์สมัยใหม่ครบวงจร เพื่อการสนับสนุนเชิงนโยบายภาครัฐ และให้บริการข้อมูล และวิจัยแก่ภาคเอกชน ด้วยผลงานวิจัยจากข้อมูลความรู้ที่เป็น Primary data และ Field study เสริมจากที่ปัจจุบันสถาบันฯ มีศูนย์สารสนเทศยานยนต์ และมีข้อมูลผลงานศึกษาวิจัยที่สนับสนุนนโยบายภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2565 จะทำการศึกษาด้านธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Mobility as a Service (MaaS) และการออกแบบแบทเตอรีในยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
แผนยุทธศาสตร์ที่ 5 Digitization & TAI Branding และยกระดับสมรรถนะบุคลากร ประกอบด้วยเป้าหมายยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวกับทั้งบุคลากร และระบบ เพื่อการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพสมรรถนะองค์กร และการพัฒนาบุคลากร ให้สอดรับกับแนวโน้มการพัฒนาของเทคโนโลยียานยนต์ของอุตสาหกรรม ที่มุ่งไปสู่ Digitization Organization และการสร้างแบรนด์ของสถาบันฯ สำหรับในด้านการพัฒนาบุคลากร คือ การพัฒนาในด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบดิจิทอล เพื่อปรับปรุงการทำงาน และการให้บริการ รวมถึงการพัฒนา Soft skill และ Growth mindset ให้แก่พนักงาน
แผนยุทธศาสตร์ที่ 6 ความร่วมมือกับพันธมิตรด้านการพัฒนาอุตสาหกรรม เป็นการสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานที่เป็นพันธมิตรทั้งใน และต่างประเทศ เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ในด้านที่มีความสำคัญกับการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ให้สอดคล้องกับเป้าหมายสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมกลุ่ม S-Curve และเป้าหมายการต่อยอดไปสู่ Smart Mobility
โดยแผนกลยุทธ์ทั้ง 6 ของสถาบันยานยนต์ในปี 2565 นี้ เป็นแผนนำร่องไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ และชิ้นส่วน ขยายต่อยอดไปสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต และป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนา Smart Mobility หรือการสัญจรอัจฉริยะ ที่ยานยนต์ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ยานยนต์ หากแต่เป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนการเดินทางที่ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้เดินทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รวมถึงนำไปสู่การพัฒนาเพิ่มผลิตภาพ ยกระดับมาตรฐาน วิจัย และพัฒนานวัตกรรม ต่อยอดอุตสาหกรรมสู่อนาคตด้วยหลักธรรมาภิบาลตามวิสัยทัศน์ “สถาบันแห่งการเรียนรู้และพัฒนาด้าน Mobility ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตสู่สังคม”
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/393056