ระเบียงรถใหม่
ลุ้นเปิดตัว MG HS ไมเนอร์เชนจ์ในไทย

คาดว่าจะมีรถยนต์รุ่นใหม่เปิดตัวอย่างน้อย 3 รุ่น ภายในปีนี้ ซึ่งโมเดลแรกมีกระแสข่าวว่า จะเริ่มต้นด้วยรถยนต์รุ่น MG ZS EV โฉมไมเนอร์เชนจ์ ที่ได้รับการปรับปรุงหน้าตาใหม่ทั้งหมด
MG ZS EV รุ่นไมเนอร์เชนจ์ นอกจากการปรับเปลี่ยนดีไซจ์นแล้ว จะมีการเพิ่มขนาดแบทเตอรีให้ใหญ่ขึ้น จาก 44.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง เพิ่มขึ้นเป็น 51.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำให้สามารถวิ่งได้ระยะทางไกลเพิ่มขึ้นเป็น 430 กม. และอาจเพิ่มทางเลือกรุ่น Long Range ด้วยการติดตั้งแบทเตอรีขนาด 72.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งได้ระยะทางไกลสุด 595 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC) ให้พละกำลัง 156 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 28.6 กก.-ม. (280 นิวตัน-เมตร) อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใช้เวลา 8.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 175 กม./ชม. มาขายด้วย
รุ่นถัดมา คือ MG HS รุ่นปรับโฉม หรือ Minorchange MG HS เป็นรถคอมแพคท์ ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี ตามแนวคิด MG X-Motion เปิดตัวครั้งแรกที่งาน Beijing Auto Show เมื่อปี 2018 และในประเทศไทย ได้เปิดตัวเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2019
ตามสเปคของเวอร์ชันประเทศจีน ใช้ชื่อรุ่นว่า MG Linghang ที่แปลว่า "นักบิน" มาพร้อมแนวทางการดีไซจ์นใหม่ Design Language เจเนอเรชันที่3 การออกแบบด้านหน้า แตกต่างจากรุ่นก่อน ด้วยกระจังหน้าคล้ายกับ MG5 ที่เพิ่งเปิดตัวไป ส่วนด้านหลัง และภายในยังคล้ายรุ่นเดิม หน้าจอควบคุมระบบ Infotainment แบบสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว มาตรวัดแบบดิจิทอลขนาด 12.3 นิ้ว ระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ MG Excusive AI และระบบช่วยเหลือการขับขี่ MG Pilot 2.0
มิติตัวถัง ยาวxกว้างxสูง 4,610x1,876x1,685 มม. และฐานล้อ 2,720 มม. ความจุพื้นที่เก็บสัมภาระ 463/1,287 ลิตร ความจุถังน้ำมัน 55 ลิตร
ขุมกำลังในประเทศจีนใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง เทอร์โบชาร์เจอร์คู่ มีทั้งเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร ที่ให้กำลัง 173 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 28.0 กก.-ม. (275 นิวตัน-เมตร) และขนาด 2.0 ลิตร 231 แรงม้า แรงบิด 37.7 กก.-ม. (370 นิวตัน-เมตร) ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ DCT 7 จังหวะ
ส่วนในรุ่น MG Linghang PHEV ยังคงใช้เป็นสเปคเดียวกับ HS PHEV ที่เพิ่งเปิดตัวในบ้านเรา เครื่องยนต์เบนซิน DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว Turbo TGI ความจุ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 162 แรงม้า ที่ 5,500 รตน. แรงบิดสูงสุด 25.4 กก.-ม. (250 นิวตัน-เมตร) ที่ 1,700-4,300 รตน. มอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor พละกำลังสูงสุด 122 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 230 นิวตัน-เมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ EDU II
เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า จะได้พละกำลังรวมสูงสุด 291 แรงม้า แรงบิด 480 นิวตัน-เมตร แบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ขนาด 16.5 กิโลวัตต์ พร้อมระบบระบายความร้อนแบบ Coolant สามารถแยกซ่อมแต่ละโมดูลได้
โหมดไฟฟ้าวิ่งได้ไกลสูงสุด 75 กม. (เป็นตัวเลขจากโรงงานที่ MG เคลมเอาไว้) ใช้เวลาชาร์จแบทเตอรีจาก 0-100 % ในเวลา 5 ชั่วโมง จะมีเทคโนโลยีใหม่ เช่น V2L ที่รถยนต์สามารถจ่ายไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นได้
ในอนาคต MG จะขยายเครือข่ายสถานีชาร์จให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวก พร้อมเสริมความมั่นใจในการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ด้วยจำนวนสถานีชาร์จนอกบ้านที่มีให้บริการตลอดเส้นทาง โดยทุกๆ 150 กม. จะต้องมีเครือข่ายสถานีชาร์จอย่างน้อย 1 แห่ง
ปัจจุบัน MG มีตัวแทนจำหน่ายอยู่ทั้งสิ้น 158 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งปีนี้จะเพิ่มจำนวนผู้แทนจำหน่ายอีก 12 แห่ง ซึ่งจะทำให้ MG มีโชว์รูม และศูนย์บริการรวมทั้งสิ้น 170 แห่งทั่วประเทศ ภายในปีนี้ โดยจะขยายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า MG Super Charge เป็น 120 แห่งทั่วประเทศ 

