Renault Scenic ใช้ Platform รถไฟฟ้า CMF-EV เช่นเดียวกับ Megane E-Tech Electric รุ่นพี่ที่อยู่ตลาดเดียวกันกับ VW ID.3 ส่วน Scenic ถูกวางตำแหน่งให้เป็นคู่แข่งกับ Volkswagen ID.4ข่าวจากประเทศอังกฤษ ระบุว่า Renault Scenic กลับมาสู่ตลาดรถอังกฤษอีกครั้ง ด้วยปรัชญา "Renaulution" คือ จากในอดีตเพื่อก้าวสู่อนาคต การเปิดตัวครั้งแรกในปี 2539 ด้วยรูปแบบของรถ MPV ในซีรีส์ของ Megane กลับมาอีกครั้งด้วยรูปแบบของ SUV คาดว่า Renault Scenic E-Tech Electric จะวางตลาดในปี 2567 พร้อมพัฒนาเป็นรถครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี ที่มีเนื้อที่ภายในกว้างขวาง และมีระยะเดินทางไกลกว่า Megane การออกแบบรูปทรงของ Scenic จะคล้ายกับ Megane ในรูปแบบครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี ที่โฉบเฉี่ยว และมีระยะห่างใต้ท้องมากกว่า ด้านหน้าโค้งมน และแตกต่างด้วยไฟแอลอีดี DRL แนวตั้ง ชุดโคมไฟหน้าบางเรียวโฉบเฉี่ยว กึ่งกลางระหว่างชุดไฟหน้าทั้ง 2 ข้างติดตั้งโลโก Renault ขนาดใหญ่พิเศษ ประตูท้ายบานใหญ่กินเนื้อที่ถึงขอบกันชน แถบไฟด้านท้ายเดินยาวตลอดความกว้างของตัวรถ เพื่อสร้างสมดุลให้กับมุมมองตัวรถที่ค่อนข้างสูง Platform CMF-EV ของ Renault Scenic ใหม่ สามารถเลือกความจุแบทเตอรีได้ 2 ขนาด ได้แก่ 40 กิโลวัตต์ชั่วโมง สำหรับใช้งานในเมือง ระยะเดินทางได้ 320 กม. และลูกค้าที่ต้องการเดินทางไกล เลือกใช้แบทเตอรี 60 กิโลวัตต์ชั่วโมง โดยแบทเตอรีทั้ง 2 ขนาด สามารถชาร์จด่วนจากความจุ 15-80 % ได้ภายใน 30 นาที และที่โดดเด่น คือ Platform นี้ ได้รับการยอมรับความปลอดภัยจากการชนในระดับยอดเยี่ยม ห้องโดยสารที่มีเพดานสูงของ Scenic ช่วยให้การจัดเนื้อที่ห้องโดยสารทำได้ดีกว่า Megane ที่มีเนื้อที่เบาะหลังค่อนข้างแคบ ความได้เปรียบของห้องโดยสาร Scenic มีเพดานสูง ประกอบกับไอเดียการพับเบาะที่ชาญฉลาด สามารถปรับภายในรถจากห้องโดยสารรถ 5 ที่นั่ง กลายเป็นรถแวนได้อย่างง่ายดาย ภายในห้องโดยสาร ใช้เทคโนโลยีร่วมกันกับ Megane ด้วยจอแผงอุปกรณ์ดิจิทอลขนาด 12.3 นิ้ว เชื่อมต่อเป็นชิ้นเดียวกันกับหน้าจอ Infotainment ขนาด 12 นิ้ว ผ่านระบบ Google ที่ใช้งานง่าย และสร้างความเพลิดเพลินได้ตลอดการเดินทาง