MINI Classic EV ใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 97 แรงม้า ด้วยกระแสไฟจากแบทเตอรีขนาด 18 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำระยะเดินทางตามมาตรฐาน WLTP ได้ 166 กม. ชาร์จด้วยไฟกระแสสลับ (AC) ขนาด 6.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง จะชาร์จเต็มภายใน 3 ชั่วโมง
หากเปรียบเทียบกับระบบส่งกำลังดั้งเดิมของ MINI Mark 1 ที่ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ ความจุ 850 ซีซี ให้กำลัง 34 แรงม้า หรือ MINI Cooper ที่แรงขึ้นด้วยเครื่องยนต์ความจุ 997 ซีซี ให้กำลัง 55 แรงม้า
รถที่ดัดแปลงแล้วมีโหมดการขับขี่ให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ โหมด “Pure” (City Mode) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 11.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 126 กม./ชม. และ โหมด “Sport” อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 8.5 วินาที และความเร็วสูงสุด 148 กม./ชม.
ข้อดีของรถไฟฟ้าดัดแปลงจากบริษัท Recharged Heritage คือ สามารถเปลี่ยนกลับไปติดตั้งเครื่องยนต์เหมือนเดิมได้ โดยการดัดแปลงไม่มีการแก้ไขจากเดิมแม้แต่การเจาะรูซักรูบนตัวรถ รถที่ดัดแปลงเป็นรถไฟฟ้าแล้วจะมีน้ำหนักใกล้เคียงกับรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน
ตอนนี้บริษัทได้ดัดแปลงรถไปแล้ว 2 คัน โดยคันแรกเป็น MINI รุ่นปี 2541 ตกแต่งสไตล์ Paul Smith Edition ภายในห้องโดยสาร ใช้แผงแดชบอร์ดสีเหลืองมัสตาร์ด และเบาะนั่งสีน้ำเงิน
อีกคันเป็นความร่วมมือกันกับศิลปินชาวอังกฤษ Lakwena Maciver ที่โดดเด่นด้วยชื่อ “Big Love” สีสดใส และคาดตัวรถหลากหลายสีสัน
บทความแนะนำ

