เรื่องน่ารู้
เบาะ Car Seat เด็กต้องใช้ ผู้ใหญ่ต้องซื้อ !
เบาะ "Car Seat" กลายเป็นประเด็นให้กลับมาพูดถึงกันอีกครั้ง หลังมีข่าวอุบัติเหตุบนทางด่วน ทำให้เด็กวัย 6 ขวบ กระเด็นออกนอกรถจนเสียชีวิต โดยหากจำกันได้ เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา มีข้อบังคับให้เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ต้องนั่ง Car Seat ขณะเดินทาง หรือมีวิธีการป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ หากฝ่าฝืน จับ-ปรับ 2,000 บาท "Autoinfo Online" สรุป 5 ประเด็นสำคัญสำหรับ Car Seat รวมถึงเรื่องน่ารู้ต่างๆ ของ Car Seat ทั่วโลก
1. ลดอัตราเด็กเสียชีวิตคารถได้จริง ?
นพ. โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เผยสถิติช่วง 5 ปีที่ ผ่านมา (2560-2564) พบเด็กแรกเกิด-6 ปี เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 1,155 ราย ในจำนวนนี้มี 221 ราย เสียชีวิตขณะโดยสารรถยนต์ เฉลี่ยปีละ 44 ราย และข้อมูลจากระบบเฝ้าระวังการบาดเจ็บ ของกระทรวงสาธารณ สุข 3 ปีที่ผ่านมา พบว่า ราว 96 % กลุ่มเด็กอายุแรกเกิด-6 ปี ที่บาดเจ็บ หรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ ไม่ได้ใช้เบาะนิรภัย
รศ. นพ. อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ผอ. ศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัย และป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลว่า เด็กเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในอัตราสูงมากกว่าผู้ใหญ่ เพราะเด็กมีศีรษะหนัก ลำตัวเล็ก มีกระดูกต้นคอ กระดูกทรวงอกที่อ่อน อวัยวะภายในช่องท้อง เช่น ตับ ม้าม ค่อนข้างใหญ่ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ เด็กจึงมีลักษณะการเคลื่อนตัวคล้ายลูกแบดมินทัน คือ “พุ่งแรง” ทะลุออกนอกรถได้ง่าย ทำให้สมอง ก้านคอ และม้ามแตก แต่ "Car Seat" สามารถลดการตายในเด็กปฐมวัยกว่า 75 % ลดการเสียชีวิตในเด็กวัยเรียนกว่า 40 %
องค์การอนามัยโลก สนับสนุนการใช้ที่นั่งนิรภัยในรถยนต์สำหรับเด็ก (Car Seat) ซึ่งสามารถลดอัตราการเสียชีวิตได้ถึง 70 % และใน การประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในปี 2560 มีมติเห็นชอบ 12 เป้าหมายโลก สำหรับการดำเนินงานด้านความปลอดภัยทางถนน โดย เป้าหมายที่ 8 กำหนดให้มีการเพิ่มสัดส่วนการใช้เข็มขัดนิรภัยของผู้ขับขี่ และผู้โดยสารยานยนต์ หรือใช้อุปกรณ์รัดตรึงนิรภัยสำหรับเด็กที่ได้มาตร ฐานให้ใกล้เคียงร้อยละ 100
สรุป : เมื่ออุบัติเหตุเกิดได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะตัวเราเอง หรือจากผู้อื่น ดังนั้น Car Seat ถือเป็นสิ่งที่ต้องมี ต้องใช้ เเละต้องยอมรับว่า การแก้ปัญหาด้วยการติดตั้ง Car Seat อย่างเดียวคงไม่เพียงพอ แต่ต้องเพิ่มความปลอดภัยในด้านอื่นๆ บนท้องถนนด้วย เพราะไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ท้องถนนอันตรายเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
2. ราคาไม่คุ้มค่า-ภาษีแพง ?
กรมศุลกากร ชี้แจงเรื่องอัตราภาษีขาเข้าว่า Car Seat จัดเป็นของประ เภทพิกัด 9401.80.00 อัตราอากรขาเข้า 20 % แต่หากนำเข้าภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ที่ประเทศไทยมีอยู่ จะสามารถใช้สิทธิพิเศษยกเว้นอากรขาเข้าได้ ส่วนการลดอัตราอากรขาเข้าให้ต่ำกว่า 20 % เป็นเรื่องนโยบาย ซึ่งกรมศุลกากรอยู่ระหว่างหารือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อสรุปอัตราอากรที่เหมาะสมเสนอต่อกระทรวงการคลัง และคณะรัฐมนตรี
สำหรับราคาจำหน่ายปัจจุบัน เมื่อสำรวจในร้านค้าออนไลน์ พบว่า มี Car Seat สำหรับเด็ก 9 เดือน-12 ปี ทั้งแบบมือหนึ่ง และมือสอง โดยราคาต่ำสุด อยู่ที่เพียง 400 บาท ขณะที่ราคาสูงสุดพุ่งไปถึง 20,000-30,000 บาท
3. ถ้าไม่มี Car Seat ตอนนี้ ?
พลตต. จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เผยว่า ข้อกฎหมายที่ออกมา ไม่ได้บังคับตายตัวว่าจะต้องใช้เพียงที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก หรือ Car Seat อย่างเดียว แต่ต้องจัดหาที่นั่งสำหรับเด็ก และคาดเข็มขัดนิรภัย หรืออาจใช้วิธีการป้องกันอื่นๆ เช่น การนำเด็กมานั่งตัก และคาดเข็มขัดนิรภัยให้ทั้งตัวเด็ก และผู้ปกครอง ซึ่งต้องรอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่างข้อกำหนดให้ชัดเจนว่า การติดตั้ง หรือจัดหาที่นั่งสำหรับเด็กต้องมีรูปแบบอย่างไร ?
โดยจะใช้เวลาก่อนกฎหมายบังคับใช้ 120 วัน ร่างข้อกำหนดให้เสร็จสิ้น และหากยังดำเนินการไม่เสร็จสิ้น ยังมีเวลาอีก 90 วัน คาดว่าหากใช้เวลาเต็มที่ จะบังคับใช้ ได้ในวันที่ 5 ธันวาคม 2565 โดยในช่วงแรก จะเน้นการประชาสัมพันธ์ ยังไม่ได้มีการตั้งด่านตรวจ หรือจับปรับ
ส่วนข้อสงสัยว่า หากเป็นรถโดยสาร รถแทกซี รถประจำทาง หรือรถโรงเรียน กฎหมายดังกล่าวจะถูกบังคับใช้ด้วยหรือไม่ เรื่องนี้กรมการขนส่งทางบก จะออกประกาศต่อไปว่า รถชนิดใดจะถูกบังคับใช้ตามกฎหมายนี้ และรถประเภทใดได้รับยกเว้น
นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางบก จะนำปัญหาเกี่ยวกับภาระค่าใช้จ่าย เข้าร่วมหารือ กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณาการบังคับใช้กฎหมายให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ ไม่สร้างภาระให้ประชาชนที่ยังไม่มีความพร้อมในการจัดหา Car Seat แต่ยังคงหลักการให้คาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง
รศ. นพ. อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยฯ ระบุว่า ภาครัฐ และภาคเอกชนต้องเพิ่มมาตรการสนับสนุนให้ผู้ปกครองหันมาใช้ Car Seat กันมากขึ้น เช่น 1. ให้ความรู้ประชาชนอย่างทั่วถึง 2. สนับสนุนการซื้อ 3. ลดต้นทุนผู้ขาย ลดภาษีนำเข้า
นอกจากนี้ องค์กร และชุมชนอาจหาผลิตภัณฑ์ราคาถูกมาบริการระบบคลังยืมคืน เนื่องเป็นสินค้าที่ใช้ชั่วคราว หากไม่เกิดอุบัติรุนแรง ก็สามารถนำมาเวียนใช้ได้
สรุป : ผู้ปกครองที่ใช้รถส่วนตัวอยู่เเล้ว ยังมีเวลาอีกประมาณ 3 เดือน ควรเก็บออมเงินไว้ซื้อ CAR SEAT ส่วนคนที่ไม่มีรถ เเละผู้ใช้บริการรถสารธารณะโปรดปฎิบัติตามกฎหมาย เพื่อความปลอดภัยของเด็กๆ
4. Car Seat มีกี่แบบ ติดตั้งอย่างไร ?
- แบบติดตั้งหันหน้าไปด้านหลังรถ (Rear-Facing Car Seat) เป็นที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กทารก ใช้ในเด็กแรกเกิด-2 ปี เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกต้นคอหัก จากการสะบัดของศีรษะเมื่อเกิดการชน หรือเบรครุนแรง
- แบบติดตั้งหันหน้าไปด้านหน้ารถ (Forward-Facing Car Seat) เป็นที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กเล็ก ใช้ในเด็กอายุ 2-6 ปี โดยสายรัดนิรภัยตรงหน้าอกออกแบบมาเพื่อให้สายรัดขนานไปกับลำตัว หากเกิดอุบัติเหตุจะช่วยป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง ทั้งศีรษะและลำตัว ติดตั้งโดยยึดติดกับเบาะหลังและหันไปข้างหน้ารถ
- แบบเสริม (Booster Seat) เป็นที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กโต ใช้ในเด็กอายุ 4-12 ปี เพื่อยกตัวเด็กขึ้นให้สามารถใช้เข็มขัดนิรภัยของผู้ใหญ่ได้พอ ดี โดยนั่งตัวตรงห้อยขากับเบาะรถ และหลังพิงพนักได้ถนัด ส่วนล่างของเข็มขัดนิรภัยต้องพาดผ่านกระดูกเชิงกราน และส่วนบนพาดผ่านหน้าอก
***ไม่ควรติดตั้งที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กที่เบาะด้านหน้าข้างคนขับ เนื่องจากเมื่อเกิดอุบัติเหตุเด็กอาจโดนกระแทกจากถุงลมนิรภัยได้ และต้องใช้ให้เหมาะกับช่วงอายุ น้ำหนัก และส่วนสูงของเด็ก ตามข้อกำหนดของบริษัทผู้ผลิต***
5. เลือกซื้ออย่างไร ?
1. จุดลอค หรือเข็มขัดนิรภัย ต้องสามารถยึดไหล่ 2 ข้าง สะโพก 2 ข้าง และจุดรวมที่ระหว่างขาได้อย่างแน่นหนา รวมทั้งต้องเลือกให้เหมาะกับอายุ น้ำหนัก และสรีระของเด็กด้วย
2. เลือก Car Seat ที่สามารถป้องกันการกระแทกจากทางด้านข้างได้ดี
3. เลือก Car Seat ที่มีระบบติดตั้งแบบ ISOFIX ซึ่งให้ความปลอดภัยสูงสุด โดยรถรุ่นใหม่จะมีจุดติดตั้ง Car Seat แบบ ISOFIX อยู่แล้ว
4. เลือก Car Seat ที่มีป้ายรับรอง ECE R44/04 แสดงว่า ผ่านตาม ข้อกำหนดมาตรฐานความปลอดภัย (แบ่งตามน้ำหนักของทารก)
5 . ตรวจสอบวันเดือนปีที่ผลิตให้ละเอียด โดยปกติ Car Seat จะมีอายุการใช้งาน 6 ปี นับจากวันที่ผลิต
กฎหมาย Car Seat ในประเทศไทย
เวบไซท์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พรบ. จราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พศ. 2565 เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา บัญญัติให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 120 วัน นับแต่วันประกาศ โดยสรุปใจความหลัก ดังนี้
กำหนดให้เด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ต้องนั่งในที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก หรือ “Car Seat” หรือมีวิธีการป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ และเด็กที่มีความสูงไม่เกิน 135 ซม. ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่ง กรณีที่ผู้ขับขี่ หรือคนโดยสารมีเหตุผลทางสุขภาพอันไม่สามารถรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่งได้ ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตาม แต่บุคคลนั้นต้องมีวิธีการป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
ทำความรู้จัก ISOFIX
ISOFIX คือ ระบบติดตั้ง Car Seat มาตรฐานสากล ที่ได้รับการยืนยันถึงความปลอดภัยระดับสูงสุด มีลักษณะเป็นห่วงเหล็ก ซ่อนในเบาะหลัง สำหรับยึดกับ Car Seat ที่รองรับระบบ ISOFIX เท่านั้น ไม่ต้องใช้เข็มขัดนิรภัย รถยนต์ในยุโรปจะมี ISOFIX ทุกรุ่น เช่นเดียวกับ รถยนต์ในญี่ปุ่นที่ผลิตหลังปี 2014 ขึ้นไป
มาตรฐานความปลอดภัย Car Seat
1. ECE R44/04
Car Seat ทุกตัวต้องได้รับการรับรองตามมาตรฐาน ECE R44/04 ว่า มีความปลอดภัย และสามารถปกป้องเด็กในกรณีที่เกิดการปะทะ กฎข้อบังคับนี้เริ่มใช้เมื่อปี 2548 ทำให้มั่นใจได้ว่า Car Seat มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนด ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยของสหภาพของยุโรป
2. ECE R129 (I-SIZE)
มาตรฐานหรือกฎระเบียบด้านความปลอดภัยล่าสุดที่ควบคุมการผลิต Car Seat สำหรับเด็ก เริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2556 โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เบาะนั่งนิรภัยสาหรับเด็กกระชับขึ้น ให้การปกป้องที่ดีขึ้น จากแรงกระแทกด้านข้าง
3. FMVSS
FMVSS ย่อมาจาก FEDERAL MOTOR VEHICLE SAFETY STANDARD NO. 213 (FMVSS 213) เป็นมาตรฐานด้านความปลอดภัยสำหรับ Car Seat ของสหรัฐอเมริกา ที่ต้องผ่านการทดสอบ ตามหลักเกณฑ์ด้านความปลอดภัยระดับสากล
3 Car Seat รุ่นฮิท เมื่อปี 2565
1. FICO รุ่น HB902
FICO Car Seat รุ่น HB902 เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด-4 ปี น้ำหนักตัวไม่เกิน 18 กก. เด็กที่มีน้ำหนักไม่เกิน 13 กก. ควรติดตั้งแบบหันหน้าเข้า หาเบาะรถ เด็กที่มีน้ำหนัก 9-18 กก. ควรติดตั้งแบบหันหน้าออกจากเบาะรถ มาตรฐานความปลอดภัยของยุโรป ECE R44/04 ราคา 1,990 บาท
2. CHICCO KIDFIT Car Seat
บแรนด์มาตรฐานจากอิตาลี สำหรับเด็กโต แบบ 2 IN 1 สามารถถอดเป็นเบาะ Booster รองรับน้ำหนัก 15-50 กก. มียอดจำหน่ายอันดับ 1 ของประเทศอิตาลี และเป็นที่รู้จักกว่า 75 ประเทศทั่วโลก ราคา 7,995 บาท
3. ALFI BABY
Car Seat เด็ก ALFI เเรกเกิด-เด็กโต (0-12 ปี) ติดตั้ง 2 ระบบ หน้า-หลัง ปรับเอนได้ถึง 4 ระดับ วัสดุความหนาแน่นสูง แข็งแรงกว่าทั่วไปถึง 2 เท่า มาตรฐาน ECER44/04 ความปลอดภัยระดับสากล ราคาา 2,490 บาท
***(ข้อมูลเวบไซท์ จำหน่ายสินค้า Lazada, Shopee)
กฎหมาย “Car Seat” ทั่วโลก เป็นอย่างไร ?
สหราชอาณาจักร
เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี หรือสูงน้อยกว่า 135 ซม. ต้องนั่ง Car Seat หรือ Booster Seat
ฝรั่งเศส
เด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี และสูงน้อยกว่า 135 ซม. ต้องใช้ Car Seat ที่รับรองจาก UN R44/R129 สูง 135-150 ซม. สามารถใช้ Car Seat หรือ Booster Seat ได้หากจำเป็น
เยอรมนี
เด็กอายุน้อยกว่า 12 ปี หรือสูงน้อยกว่า 150 ซม. ต้องใช้ Car Seat ที่รับรองจาก UN R44/R129 และเด็กต้องใช้ Car Seat ในแทกซีด้วย
สหรัฐอเมริกา
กำหนดแนวทางแตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ เช่น รัฐวอชิงทัน เด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี หรือสูงน้อยกว่า 4 ฟุต 9 นิ้ว ต้องนั่งCar Seat หรือ Booster Seat ทารกอายุน้อยกว่า 1 ปี หรือหนักน้อยกว่า 1 ปอนด์ ต้องนั่ง Car Seat แบบ Rear-Facing Car Seat
เนเธอร์แลนด์
เด็กสูงไม่เกิน 135 ซม. ต้องใช้ Car Seat ที่รับรองจาก UN R44/ R129 และหากไม่มี Car Seat ในแทกซีที่ได้รับอนุญาต (ป้ายทะเบียนสีน้ำเงิน) อายุมากกว่า 3 ปี สามารถนั่งเบาะหลังได้ โดยใช้เข็มขัดนิรภัยสำหรับผู้ใหญ่
โปรตุเกส
เด็กสูงต่ำกว่า 150 ซม. ต้องใช้ระบบพยุงตัวสำหรับเด็ก ที่เหมาะสมกับ ส่วนสูง และน้ำหนักที่ได้รับการอนุมัติตาม UN R44 หรือ R129 แต่ Car Seat แบบ Rear-Facing Car Seat ในที่นั่งที่มีถุงลมนิรภัยทำงาน เป็นสิ่งผิดกฎหมาย
สเปน
เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี และสูงน้อยกว่า 135 ซม. อยู่บนรถยนต์ ต้องใช้ Car Seat ที่ได้รับการรับรองจาก UN R44/R129 ตรงเบาะหลังของรถยนต์ หากพ่อแม่ถูกจับโดยไม่มี Car Seatในรถยนต์ ตำรวจจะให้รอจนกว่าจะมีคนนำ Car Seat มาให้ หรือพาเด็กไปขึ้นรถยนต์ หรือแทกซีที่มี Car Seat (ค่าปรับผิดกฎหมาย Car Seat ประมาณ 300 ยูโร)
ญี่ปุ่น
กำหนดให้เด็กอายุน้อยกว่า 6 ปีต้องนั่ง Car Seat โดยอายุต่ำกว่า 2 ปี หรือหนักน้อยกว่า 9 กก. นั่ง Car Seat แบบ Rear-Facing Car Seat อายุน้อยกว่า 4 ปี หรือหนักน้อยกว่า 18 กก. นั่ง Car Seat แบบ Forward-Facing Car Seat ส่วนอายุต่ำกว่า 8 ปี หนักไม่เกิน 36 กก. ใช้ Booster Seat ได้
มาเลเซีย
เด็กเล็กอายุไม่เกิน 18 เดือน หรือมีน้ำหนักตัวไม่เกิน 29 ปอนด์ ใช้ Car Seatแบบ Rear-Facing Car Seat อายุไม่เกิน 4 ปี หรือหนักไม่เกิน 40 ปอนด์ ใช้ Car Seat แบบ Forward-Facing Car Seat และอายุไม่เกิน 7 ปี ที่ส่วนสูงไม่เกิน 135 ซม. ใช้แบบ Booster Seat (ค่าปรับผิดกฎหมาย Car Seat 2,000 ริงกิต)
สิงคโปร์
ผู้ที่สูงน้อยกว่า 135 ซม. ต้องนั่งในที่นั่งนิรภัย หรือใช้ Booster Seatผู้ที่สูง 135 ซม. ขึ้นไป ต้องคาดเข็มขัดนิรภัย (ฝ่าฝืนปรับ 1,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือจำคุก 3 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ) ไม่ต้องใช้ Car Seat ในรถแทกซี
ABOUT THE AUTHOR
ก
กองบรรณาธิการ
ดูคุณพ่อจนขับรถได้ตั้งแต่ 8 ขวบ หลงใหลยานยนต์ จนได้วุฒิ Automotive Engineering ติดตัว ปัจจุบันเป็น บก.นักเขียน นักทดสอบรถ และ Instructor ที่พร้อมถ่ายทอดความรู้ แบบไม่มีกั๊ก !
คอลัมน์ Online : เรื่องน่ารู้