ระเบียงรถใหม่
เผยโฉม Ford Ranger Plug-in Hybrid วิ่งไฟฟ้าล้วนได้ 45 กม.

รูปโฉมภายนอก ยังคงเหมือนรุ่นปกติ แตกต่างจากรุ่นปกตินิดหน่อย คือ พอร์ทชาร์จที่ติดตั้งอยู่ที่บังโคลนหลัง ติดกับฝาถังน้ำมันเชื้อเพลิง และมีตัวอักษร PHEV และล้ออัลลอยใหม่ขนาด 18 นิ้ว ส่วนการตกแต่งภายในยังไม่มีการเผยรายละเอียดออกมา แต่จะมีกราฟิคใหม่ที่แสดงสถานะการชาร์จแบทเตอรี
โดย Ford Ranger Plug-in Hybrid จะเข้าสู่การผลิตในช่วงปลายปี 2024 และคาดว่าจะมีการส่งมอบครั้งแรกในช่วงต้นปี 2025 ในประเทศยุโรป ออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักร และอาจมีตลาดอื่นๆ เพิ่มเติมตามมา
ระบบส่งกำลังเครื่องยนต์ 4 สูบ Ecoboost ขนาด 2.3 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า แม้ไม่ได้เปิดเผยข้อมูล แต่ให้คำมั่นว่าระบบพลัก-อิน ไฮบริด จะให้แรงบิดมากกว่า Ranger รุ่นอื่นๆ ซึ่งหมายความว่า จะมีแรงบิดมากกว่า 600 นิวตันเมตร ของเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ V6 ขนาด 3.0 ลิตร แรงม้าจะสูงกว่า 270 แรงม้า ของ Ecoboost มาตรฐาน ขนาด 2.3 ลิตร
สามารถขับขี่ในโหมดไฟฟ้าได้ไกลสูงสุดราว 45 กม./การชาร์จไฟ 1 ครั้ง (มาตรฐานการทดสอบ WLTP) คล้ายกับ Kuga PHEV ซึ่งใช้ชุดแบทเตอรี 14.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง
Ford ระบุว่าระยะทางขับขี่ในโหมดไฟฟ้าของ Ford Ranger Plug-in Hybrid ครอบคลุมการใช้งานในชีวิตประจำวันของผู้ที่ใช้กระบะ Ranger ในออสเตรเลียจำนวนกว่าครึ่งหนึ่ง ที่มักเดินทางเป็นระยะประมาณ 40 กม./วัน หรือน้อยกว่านั้น และยังสามารถรองรับน้ำหนักลากจูงได้สูงสุด 3,500 กก. เช่นเดียวกับ Ranger รุ่นปกติอีกด้วย
Ford Ranger Plug-in Hybrid จะถูกติดตั้งระบบ Pro Power Onboard ที่มาพร้อมช่องจ่ายไฟทั้งบริเวณกระบะท้าย และภายในห้องโดยสาร ช่วยให้เจ้าของรถสามารถใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าในพื้นที่ห่างไกล โดยไม่จำเป็นต้องบรรทุกเครื่องปั่นไฟไปด้วย ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความสะดวกในการใช้งานแล้ว ยังช่วยให้มีพื้นที่เหลือสำหรับการบรรทุกสิ่งของที่จำเป็นอื่นๆ ได้มากขึ้นกว่าเดิม
คงต้องรอดูกันต่อไปว่าระบบส่งกำลังแบบพลัก-อิน ไฮบริดของ Ranger จะมาในรถฝาแฝดอย่าง Volkswagen Amarok, Ford Everest SUV และ Ford Bronco ด้วยหรือไม่ เนื่องจากโมเดลทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นใช้สถาปัตยกรรมเดียวกัน และคาดว่าแฟนๆ Ford Ranger แคมพิงชาวไทย คงรอคอยการเป็นเจ้าของกัน เพราะว่าเมืองไทยเป็นฐานการผลิตส่งออกไปยังออสเตรเลีย 

